bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

book_age18+
2.0K
FOLLOW
7.9K
READ
HE
sweet
scary
like
intro-logo
Blurb

ร่างกายสูงใหญ่ขยับต่ำลง พร้อมปากและจมูกที่ฝังไปตามเรือนร่าง บางครั้งจูบ บางครั้งขบกัด ค่อยๆ แผดเผาด้วยปลายลิ้นและสัมผัสของเขา

เจียงซูเหยาจึงได้แต่เกร็งสะท้าน นางพยายามผลักไสใบหน้าคมคายของคุณชายรองที่เพิ่งฝังลงกลางหน้าท้อง กระทั่งสำเร็จจึงคิดหลีกหนีลงจากเตียง แต่สตรีอ่อนแอบอบบางอย่างนางจะหนีเงื้อมมือคนผู้นี้ไปได้อย่างไร

ปลายเท้ายังไม่ทันแตะพื้น เอวเล็กบางที่รวบกำได้เพียง ฝ่ามือเดียวพลันถูกลำแขนของจิ้งเฉินเหนี่ยวรั้งกลับมา แผ่นหลังของนางคล้ายจะแนบกับร่างกายส่วนหน้าที่ยังมีเสื้อผ้าปกปิดของเขา

ปากอุ่นร้อนคู่นั้นซุกซอกคอพลางเอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่า

“น้องหญิง เจ้าจะไม่ยินยอมหรือ”

นางเม้มปากแน่น ภายในใจตะโกนออกมาว่าไม่ยินยอม แต่ในยามที่มือข้างหนึ่งของคุณชายรองลูบไล้ปัดผ่านหน้าท้องแบนราบเพื่อสัมผัสกับความอ่อนนุ่มกลางกายนั้นกลับสั่นระริกจนต้องส่งเสียงครางประท้วงออกมา

“คุณชายรอง ปล่อยข้า” เจียงซูเหยาวอนขอด้วยเสียงสั่นสะท้าน

แต่คำเรียกนี้กลับเป็นดังดาบที่ฟาดฟันเชือกเส้นสุดท้ายเพราะสิ้นเสียงวอนขอ นิ้วหนึ่งของเขากลับแนบลงกลางความบอบบางแถมยังกดคลึงเข้าไปในซอกลึกนั้นอีก

chap-preview
Free preview
บทที่ ๑ เจ้าสาวสิบเจ็ด
แคว้นเว่ย วันที่ยี่สิบเดือนสามรัชสมัยเว่ยเสียนตี้ปีที่สามสิบหก บ้านเมืองสงบ ราษฎรไร้ความทุกข์ยาก กลางฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้หากไม่มีเรื่องมงคลเกิดขึ้นคงเป็นไปไม่ได้ จวนตระกูลเจียงประดับด้วยผ้าแพรและโคมไฟสีแดง เพราะเจียงโหย่งเล่อ เจ้ากรมพิธีการแห่งแคว้นเว่ยกำลังจัดงานสมรสให้กับบุตรสาวพร้อมกันถึงห้าคน คุณหนูสิบ คุณหนูสิบเอ็ด คุณหนูสิบสี่ คุณหนูสิบห้า และคุณหนูสิบเจ็ด แต่ละคนอายุสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น สาเหตุที่เหล่าคุณหนูมีวัยไล่เลี่ยและต้องแต่งงานไปในเวลาเดียวกัน เป็นเพราะใต้เท้าเจียงมากภรรยาจึงให้กำเนิดบุตรสาวชายหญิงออกมาเป็นเช่นนี้ พอฤกษ์มงคลมาถึง คุณหนูสิบเจ็ด เจียงซูเหยา ในวัย  สิบเจ็ดปีก็สวมชุดเจ้าสาวสีแดงเหมือนกับบรรดาพี่ๆ ก้าวเข้าห้องโถงโขกคำนับกล่าวลาบิดากับฮูหยินใหญ่ เสร็จสิ้นพิธีการจึงขึ้นเกี้ยวแบกหาม มุ่งไปยังเส้นทางที่ทอดยาวสู่บ้านสามี ขบวนเจ้าสาวไม่ได้ยาวสิบลี้ แต่ก็นับว่าไม่ได้น้อยหน้าการเป็นบุตรสาวของเจ้ากรมพิธีการ สินส่วนตัวเจ้าสาวที่นำติดตัวไปจากบ้านเดิมมีหลายสิบหาบทีเดียว ดังนั้นต่อให้แต่งเข้าสกุลจิ้งแล้วไม่ได้รับความรักใคร่จากสามี ชีวิตของเจียงซูเหยาก็คงไม่ลำบากเท่าใดนัก ถึงแม้คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียงจะไม่รู้สึกดีกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่นางก็ยังรู้ว่าสามีของตนคือ คุณชายรองสกุลจิ้ง จิ้งเฉินอายุยี่สิบสองปี ตระกูลจิ้งนี้ได้รับบรรดาศักดิ์ โหว จากอดีตฮ่องเต้ ผ่านมาหลายปีความดีความชอบที่มีต่อบ้านเมืองก็นับว่ามากขึ้นเรื่อยๆ ภายในเมืองหลวงคุณชายรองจิ้งเฉินจึงมีหน้ามีตาไม่น้อย อีกอย่างท่านโหวจิ้งห้าวก็มีบุตรธิดาเพียงสองคน นั่นคือคุณหนูใหญ่จิ้งหรัวอิง ได้ออกเรือนไปแล้วเมื่อปีก่อน ปีนี้จึงเป็นคุณชายจิ้งเฉินที่ต้องรับภรรยาเข้าจวน การสืบบรรดาศักดิ์โหวแน่นอนว่าต้องเป็นคุณชายรองที่ต้องได้รับมอบแน่นอน ส่วนการแต่งงานระหว่างนางกับเขา ไม่ได้เกิดจากความรักใคร่ แต่เป็นเพราะท่านโหวจิ้งห้าวกับใต้เท้าเจียงมีผลประโยชน์บางอย่างร่วมกัน ไม่ว่าผลประโยชน์นั้นจะมากหรือน้อย ตระกูลเจียงกับตระกูลจิ้งก็ต้องเกี่ยวพันด้วยการแต่งงาน ทำเช่นนี้จึงส่งผลให้ทุกอย่างราบรื่น ย่างเข้ายามซื่อ ขบวนเจ้าสาวก็เคลื่อนผ่านประตูใหญ่ของจวนตระกูลจิ้งเข้ามา และหยุดนิ่งทันทีที่มาถึงเรือนพำนักหลังหนึ่ง ป้ายขนาดใหญ่สลักด้วยอักษรหนักแน่น เรือนไป๋เซ่อ รอบด้านแวดล้อมด้วยต้นอวี้หลันที่กำลังผลิใบอ่อนสีเขียวออกมา อีกไม่นานก็คงมีดอกให้ชื่นชมความหอมแล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้าสาวในชุดสีแดงไม่ได้ใส่ใจกับเหล่าต้นอวี้หลัน และไม่สนใจเรือนไป๋เซ่อว่าจะใหญ่โตหรือเล็กแคบ นางเพียงก้าวย่างเข้าไปตามการประคองของเสี่ยวหรง สาวใช้ประจำตัวที่มีอายุสิบห้าปี มองผ่านผ้าคลุมสีแดง เจียงซูเหยาสัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายของเครื่องใช้ภายในเรือน บางส่วนเพียงวางไว้ ไม่ได้ใส่ใจตกแต่งแม้แต่น้อย แค่มองสภาพภายในห้อง เจียงซูเหยาก็รู้แล้วว่าชีวิตหลังแต่งงานของตนจะเป็นเช่นไร แม้นางจะแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอก แต่ดูเหมือนฐานะของนางสำหรับจิ้งเฉินผู้นี้จะต่ำต้อยยิ่งกว่าแม่บ้านใน    โรงครัวเสียอีก เอาเถิด ทั้งนางและเขาต่างไม่ได้มีใจผูกพันลึกซึ้ง และไม่เคยพานพบกันมาก่อน การคาดหวังให้เขารักใคร่มิใช่เป็นเรื่องเพ้อฝันหรอกหรือ นางนั่งนิ่ง ดูสง่างามสมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แม้จะเป็นเพียงบุตรสาวสายรองที่เกิดจากอนุคนที่ห้าของเจียงโหย่งเล่อก็ตาม ดึกแล้ว เสียงงานเลี้ยงด้านนอกเริ่มเงียบลง ผู้คนที่มาร่วมแสดงความยินดีคงกลับไปไม่น้อยแล้ว ทว่าแม้จะหลงเหลือเพียงความเงียบสงบ สามีของนางผู้นั้นก็ยังไม่ก้าวเข้าห้องหอ เห็นคุณหนูนั่งนิ่ง ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง     เสี่ยวหรงจึงเปิดปากถาม “คุณหนู” พลั้งปากเรียกแล้วก็พลันต้องเปลี่ยนคำอย่างรู้ดีว่าในตอนนี้คุณหนูสิบเจ็ดไม่ใช่คุณหนูสิบเจ็ดคนเดิมอีกแล้ว แต่เป็นภรรยาเอกของคุณชายรองจิ้งเฉิน “ฮูหยินน้อย หิวหรือไม่เจ้าคะ” เจียงซูเหยาได้แต่บีบมือที่พันกันอยู่บนตัก สูดหายใจเล็กน้อย “เสี่ยวหรง นี่เป็นยามใดแล้ว” เสี่ยวหรงมองออกไปด้านนอก ก่อนจะพึมพำตอบ “น่าจะล่วงเข้ายามไฮ่แล้ว” ภายใต้ผ้าคลุมสีแดงของเจ้าสาว ที่ปักลวดลายงดงาม    ริมฝีปากแต้มชาดสีแดงของเจ้าสาวเหยียดออกเผยรอยยิ้มเยาะหยัน ครู่เดียวก็ดึงรั้งผ้าคลุมลง จู่ๆ คุณหนูสิบเจ็ดทำเช่นนี้ สร้างความตื่นตระหนกให้เสี่ยวหรงกับบ่าวรับใช้ในเรือนไม่น้อย “ทุกคนถอยออกไปเถิด” นางสั่ง “เสี่ยวหรง ช่วยข้าเปลี่ยนชุด” “ฮูหยินน้อย” เสี่ยวหรงเรียกได้เพียงเท่านั้นก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ทำได้เพียงรีบช่วยนายหญิงของตนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างรีบร้อน ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เจียงซูเหยาก็อยู่ในชุดสีขาว เครื่องหัวด้านบน ปิ่นปักผม แม้กระทั่งใบหน้าก็ถูกล้างเครื่องแป้งออกจนหมด ยามนี้ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือจึงเผยความกระจ่างใส นัยน์ตากลมโตดูสงบนิ่ง แม้จะเรียบง่ายไปสักหน่อย แต่กลับไม่ทิ้งความงดงามสมศักดิ์ฐานะ เทียนมงคลที่ตั้งอยู่มุมห้อง ยังสาดแสงวูบไหว แต่มองไปจนถ้วนทั่วกลับไร้ซึ่งเงาของเจ้าบ่าว       เจียงซูเหยาหลับตาลงข่มความรู้สึกเอาไว้ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความด้านชาจึงลืมตาขึ้น ตรงไปยังที่เทียนมงคลแล้วดับมัน แสงสีแดงที่ทาบทอทั้งห้อง เหลือเพียงควันสีเทาบางเบา สุดท้ายก็ค่อยๆ สลายหายไป เหลือเพียงกลิ่นจางๆ คล้ายมีคล้ายไม่มี “ส่งข้าเข้านอนเถิด” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวหรงยอบกายลงแล้วประคองนายหญิงขึ้นเตียงนอน เหน็บชายผ้าห่มเรียบร้อยจึงรั้งผ้าม่านลงให้บดบังเงาร่างบอบบางของคนบนเตียง พอทำทุกอย่างแล้วเสร็จจึงหมุนกายกลับเรือนพำนัก ปล่อยให้เจียงซูเหยาอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง คล้ายจะย่างเข้ายามจื่อสองเค่อแล้ว แต่เจ้าบ่าวก็ยังไม่ปรากฏตัว มาถึงตอนนี้ เจียงซูเหยาก็ไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้พบหน้าสามีอย่างจิ้งเฉินอีก นางปิดตาลง บังคับตัวเองให้ก้าวเข้าสู่ห้วงนิทรา ดีหน่อยที่ต่อให้หิวเพียงใด ความเหน็ดเหนื่อยที่เผชิญมาตลอดทั้งวันกลับทำให้นางหลับได้ไม่ยากนัก ลืมตาขึ้นในเช้าวันใหม่ นางก็ยังไม่เห็นหน้าสามี การผ่านค่ำคืนเข้าหอมาเพียงลำพังเช่นนี้ มากน้อยเพียงใดก็ย่อมทำร้ายความรู้สึกของนางไม่น้อย ดังนั้นท่าทีของนายหญิงแห่งเรือนไป๋เซ่อจึงค่อนข้างเยือกเย็นอยู่บ้าง บ่าวรับใช้ที่มาปรนนิบัติข้างกายแต่ละคนล้วนไม่กล้าหายใจแรง จะกระทำการสิ่งใดต้องระมัดระวังยิ่ง แน่นอนว่าในความระมัดระวังของพวกบ่าวทั้งหลายยังมีความดูแคลนปะปน สตรีที่เพิ่งแต่งเข้ามาแต่กลับไม่ได้ร่วมหอกับสามี จะสามารถเป็นนายหญิงของเรือนไป๋เซ่อได้นานแค่ไหน ดูท่ายังไม่พ้นฤดูใบไม้ผลิ มิถูกหย่าขาดหรอกหรือ น่าสงสารที่อายุอ่อนวัยเพียงเท่านี้ กลับต้องเป็นสตรีหม้ายถูกสามีเขียนหนังสือหย่าเสียแล้ว หลังเช็ดหน้าเช็ดตาเรียบร้อย น้ำเสียงราบรื่นคล้ายธารน้ำลึกใสบริสุทธิ์พลันเล็ดลอดออกมา “ช่วยข้าแต่งตัว เช้านี้มิใช่ว่าต้องไปคารวะน้ำชาท่านพ่อกับท่านแม่สามีหรอกหรือ” เสี่ยวหรงเม้มปากแน่น คุณชายจิ้งเฉินไม่มาแล้วคุณหนูสิบเจ็ดของนางจะไปคารวะพ่อแม่สามีได้อย่างไร “ในเมื่อข้าเข้าจวนมาแล้ว ต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ก็ต้องไปยกน้ำชาคารวะผู้ใหญ่ในจวน พวกเจ้าช่วยข้าเตรียมตัวเถิด” บ่าวที่รายล้อมอยู่ทำเพียงยอบกายรับคำสั่ง แล้วรีบเร่งช่วยนายหญิงเรือนไป๋เซ่อแต่งเนื้อแต่งตัว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเจียงซูเหยาก็อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าปักลายดอกเบญจมาศตรงชายชุด บนชายแขนเสื้อกว้างมีผีเสื้อตัวน้อยดอมดมกลีบเบญจมาศ ผมยาวราวกับม่านน้ำตกถูกรวบขึ้นเป็นทรงผมของสตรีที่ออกเรือนแล้ว ปักด้วยปิ่นหยกผีเสื้อสยายปีก เมื่อแต่งกายเสร็จเจียงซูเหยาในสายตาของบรรดาสาวใช้จึงกลายเป็นนายหญิงน้อยที่งดงามเหนือสามัญ เมื่อถึงเวลา เจียงซูเหยาจึงให้เสี่ยวหรงประคองออกจากเรือน ด้านหลังมีบ่าวรับใช้ติดตามมาด้วยสามสี่คน พอก้าวออกมาจากเรือนไป๋เซ่อแล้ว นางจึงรู้ว่าภายนอกเรือนไป๋เซ่อนั้นคล้ายจะเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ต้นไม้ ดอกไม้ตามเส้นทางที่ทอดยาวไปยังเรือนรับรองของจวนโหวนับว่างดงามเหลือเกิน เดินออกมาไม่นานก็พบกับสะพานโค้งทอดยาวผ่านสระบัว ในสระบัวมีปลาเล็กปลาใหญ่แหวกว่าย ใบบัวยังปกคลุมหนาแน่น พอย่างเข้าฤดูร้อนบัวในสระเหล่านี้คงจะแย้มกลีบบานให้ชมความงดงามแล้ว ผ่านสระบัวก็จะเป็นภูเขาหินจำลอง น้ำที่สาดซัดลงมาตามร่องหินนั้นดูใสสะอาดยิ่ง ยืนอยู่ห่างจากภูเขาจำลองตั้งไกลนางยังได้กลิ่นดอกฮุ่ยหลันหอมกำจาย ทุกอย่างที่ปรากฏในสายตาล้วนงดงามร่มรื่น ดูแล้วช่างแตกต่างจากเรือนไป๋เซ่อของนางยิ่งนัก เพราะสิ่งที่นางสัมผัสได้มีเพียงความเงียบเหงาอ้างว้าง ไร้ซึ่งสีสันของดอกไม้งาม มีเพียงต้นอวี้หลันที่ผลิใบสีเขียวหนาแน่น ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะออกดอกให้คนชื่นชม ผ่านภูเขาจำลองมาก็จะเจอทางแยกแบ่งเป็นห้าเส้นทาง ทางหนึ่งไปยังเรือนหน้าและเรือนรับรอง อีกเส้นทางจะไปยังเรือนพำนักของพ่อแม่สามี เส้นทางที่สามจะไปยังเรือนพำนักของคุณหนูใหญ่ อีกเส้นทางแน่นอนว่า เป็นเส้นทางที่นางใช้ออกจากเรือน ส่วนเส้นทางสุดท้ายทอดยาวไปยังเรือนพำนักของผู้เป็นสามี ชื่อว่าเรือนจิ๋นอวี่ ถ้านางเดาไม่ผิด นับตั้งแต่พิธีแต่งงานเริ่มต้นขึ้น สามีของนางจิ้งเฉินผู้นั้นก็คงยังอยู่ในเรือนแห่งนั้นกระมัง ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีหรือไม่ เมื่อมองไปด้านหน้าอีกครั้ง แววตาของเจียงซูเหยาพลันเหลือเพียงความนิ่งสงบ โดยเฉพาะเวลาที่ทอดมองเรือนพำนักของพ่อแม่สามีสีหน้าแววตาของนางก็ยิ่งไม่เผยความรู้สึกใดๆ ออกมา

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.1K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.2K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K
bc

หยุดหัวใจไม่รักดี

read
3.8K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook