ตอนที่ 4

988 Words
มาร์ติเนซรู้ว่าสราวลีไปหาถึงมหาวิทยาลัยแต่ไม่เจอตัวเอง เขาจึงขับรถมาหาหญิงสาวที่บ้านพักในเมืองไทย “สวัสดีครับคุณน้า...” ชายหนุ่มกล่าวทักทายมารดาของสราวลี ก่อนจะมองหาหญิงสาว “วลีกำลังอาบน้ำอยู่น่ะ นั่งก่อนสิพ่อมาร์ต” วนาลีระบายยิ้มให้ว่าที่ลูกเขย “ขอบคุณครับ” “แล้วนี่เป็นไงมาไงล่ะ แวะมาเสียค่ำเลย” “พอดีผมเพิ่งทราบว่าน้องวลีไปหาที่มหา’ลัยน่ะครับ แล้วก็ไม่เจอกัน ผมก็เลยแวะมาหาที่นี่” วนาลีทำสีหน้าแปลกใจ “อ้าว ไม่เจอกันหรอกเหรอ ไหนแม่วลีบอกว่าเจอกันแล้ว และพ่อมาร์ตก็เลือกของชำร่วยแล้วด้วย” มาร์ติเนซส่ายหน้าน้อยๆ “คงจะเข้าใจผิดกันน่ะครับ ผมน่าจะติดสอนอยู่ แล้วตอนน้องวลีโทรหา ก็ไม่ได้รับสาย” วนาลีระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “ว่าแล้วเชียวหน้าตาลูกสาวของน้าถึงได้เศร้าหมองแปลกๆ แต่น้างงว่าทำไมจะต้องปดว่าเจอพ่อมาร์ตแล้วด้วย” คราวนี้เป็นมาร์ติเนซบ้างที่ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ บางอย่างอึดอัดอยู่ภายในใจ “น้องวลีคงไม่อยากจะเจอหน้าผมสักเท่าไหร่หรอกครับ” “ไม่ใช่หรอกพ่อมาร์ต แม่วลีก็ทำเป็นปากเก่งไปอย่างนั้นแหละ เห็นตอนจะออกไปยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเลย พอไม่เจอก็เลยหน้าเศร้ากลับมานั่นแหละ” มาร์ติเนซไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากนั่งยิ้มบางๆ และหยิบถุงใส่ตัวอย่างของชำร่วยออกมาเปิดดูทีละชิ้น “พ่อมาร์ตลองเลือกดูนะ ว่าชอบแบบไหน” “ผมตามใจน้องวลีครับ” “ก็ลองเลือกดูก่อน เผื่อจะใจตรงกันไง” วนาลีคะยั้นคะยอยิ้มเกลื่อนใบหน้า แทบไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวดให้เห็นอยู่อีกเลย “ครับ” มาร์ติเนซนั่งเลือกอยู่ไม่นานก็หยิบตุ๊กตาคู่รักขึ้นมามองและอมยิ้มน้อยๆ วนาลีที่ลอบมองอยู่จึงเอ่ยถาม “ชอบเหรอพ่อมาร์ต” มาร์ติเนซพยักหน้ารับ “ครับ น่ารักดีครับ ชายแก่กับหญิงเฒ่า” “รู้ความหมายของมันหรือเปล่าล่ะ” คนตัวโตส่ายหน้าน้อยๆ แต่ก็พูดออกไป “ผมไม่แน่ใจความหมาย แต่ถ้าให้ผมเดา ผมว่ามันน่าจะสื่อถึงความรักที่มีให้กันจนแก่เฒ่า” “นั่นแหละถูกต้อง” วนาลียิ้มกว้าง “สรุปพ่อมาร์ตชอบของชำร่วยชิ้นนี้ใช่ไหมจ๊ะ” มาร์ติเนซอมยิ้มให้กับตุ๊กตาคู่รักในมืออีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยตอบว่าที่แม่ยายของตัวเอง “ครับ” “รู้ไหมว่าพ่อมาร์ตใจตรงกับแม่วลีมาก เพราะแม่วลีก็เลือกชิ้นนี้เหมือนกัน” วนาลียังคงยิ้มไม่หุบ “เนื้อคู่กันก็แบบนี้แหละเนอะ จะชอบอะไรคล้ายๆ กันหมด” มาร์ติเนซระบายยิ้มบางๆ ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป เสียงสราวลีก็ดังขึ้นเสียก่อน เขาหันไปมอง “เราไม่ใช่เนื้อคู่กันสักหน่อยค่ะคุณแม่” “แม่วลี อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” คนเป็นแม่หันไปเอ่ยถาม ก่อนจะมองหน้าบูดบึ้งของลูกสาวด้วยความเอือมระอาใจ เจอหน้ามาร์ติเนซทีไร ไม่เคยเลยที่สราวลีจะสลัดปลาทูแม่กลองออกไปจากใบหน้าได้สักที “ค่ะ” “ดีเลย งั้นก็มานั่งคุยกับพ่อมาร์ตตรงนี้เถอะ” สราวลีเผลอสบประสานสายตากับมาร์ติเนซ เขาหล่อจนหล่อนรู้สึกว่าไม่อาจจะแตะต้องได้ในชีวิต เพอร์เฟกต์จนผู้หญิงต้องร้องขอชีวิตเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆ หัวใจของหล่อนเต้นแรงเสมอยามที่อยู่ใกล้เขา ลมหายใจของหล่อนคล้ายกับจะหมดไปจากปอดเพียงแค่ดวงตาคมกล้าตวัดมองมา หล่อนหลงรักเขาเป็นบ้าเป็นหลัง เป็นนังง่อยที่ใช้สิทธิ์การคลุมถุงชนเพื่อให้ได้ครอบครองเขา แม้ว่าจะได้แค่เพียงสิทธิ์จากทะเบียนสมรสก็ตาม ภูมิใจ...ไม่เลย ไม่มีความรู้สึกนั้นเลย... สราวลีน้ำตาตกใจ แต่ก็จำต้องกลบเกลื่อนมันด้วยความเย็นชาว่างเปล่าของตัวเอง “วลีไม่ว่างค่ะ” “พี่เขาอุตส่าห์แวะมาหา อย่าเสียมารยาทสิแม่วลี” “ก็วลีไม่อยากเจอหน้าเขานี่คะ” หล่อนหันหน้าหนี และใช้สองมือเข็นล้อรถเข็นให้ออกไปในอีกทิศทางหนึ่ง มาร์ติเนซจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปขวางหน้า “พี่เพิ่งรู้ว่าวลีไปหาพี่ที่มหา’ลัย” คำพูดดูแคลนของผู้หญิงปากแดงราวกับเพิ่งดื่มเลือดสดๆ มาคนนั้นมันยังทิ่มแทงอยู่ภายในอกของหล่อนตลอดเวลา “ก็แค่แวะไปให้เลือกของชำร่วยน่ะค่ะ” “พี่น่าจะติดสอนอยู่” “ค่ะ” หล่อนตอบห้วนๆ ก่อนจะขอทาง “หลีกทางค่ะ วลีจะไปในสวน” มาร์ติเนซไม่ยอม เขาเดินอ้อมมาหยุดด้านหลังรถเข็น และเริ่มต้นเป็นฝ่ายควบคุมมันเสียเอง “พี่จะพาไป” “ไม่ต้องค่ะ วลีไปเองได้” หล่อนขัดขืนโวยวาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจหล่อนเลยสักคน เพราะแม้แต่แม่ของหล่อนเอง ยังนั่งนิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ที่เห็นหล่อนถูกเข็นออกมา “พอแล้วค่ะ ทิ้งวลีไว้ตรงนี้แหละ” มาร์ติเนซเดินอ้อมไปหยุดตรงหน้ารถเข็น เมื่อเข็นเจ้าหล่อนออกมายังสวนที่เจ้าตัวต้องการแล้ว จากนั้นก็ย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าของตัวเองและมองหน้าหวานนิ่ง “ทำไมจะต้องอารมณ์เสียด้วย หน้าพี่มีอาหารบูดๆ ติดอยู่หรือไง” หล่อนมองค้อนเขา กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรงจนแดงช้ำ มาร์ติเนซรีบปราม “อย่ากัดปากแบบนั้นสิ ช้ำหมด” “มันเรื่องของวลี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD