“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจายอกย้อนชวนปวดหัว”
“คุณเป็นใครหรือเจ้าคะ” เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดอกแก้วจึงเอ่ยถามออกไป แต่เดาเอาว่าชายหนุ่มหน้าตาดีผู้นี้คงจะเป็นแขกของคุณอาทั้งสองเป็นแน่
“ฉันเป็น...” ยังไม่ทันที่เกื้อจะได้พูดกระไรต่อ ดอกแก้วที่เห็นว่าบ่าวรับใช้ส่วนตัวพาคนสวนเดินมาแต่ไกลก็รีบปีนป่ายลงมาจากต้นมะม่วงอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นจะโดนบ่นเอาอีก อารามที่รีบเลยพลัดตกลงมาจากต้นมะม่วงแบบไม่เป็นท่า
“ตายแล้วคุณหนูดอกแก้ว!” แพงอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างของเจ้านายสาวร่วงลงมาจากต้นมะม่วง
เกื้อที่ยืนอยู่ใต้โคนต้นก็ตกใจเช่นเดียวกัน จู่ ๆ ร่างของดอกแก้วก็ร่วงหล่นลงมาใส่ เขาจึงรีบรับร่างนั้นเอาไว้ในทันที
“โอ๊ย!” เสียงร้องของเกื้อดังขึ้นด้วยความเจ็บ เพราะโดนร่างเล็กทับเอาไว้ทั้งตัว
“คุณหนู!” แพงรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ เห็นร่างของคุณหนูของนางทาบทับอยู่บนร่างของเกื้อ ซึ่งเป็นแขกคนสำคัญของเพียรและอิน
“คุณหนูดอกแก้ว ตายแล้ว! อกอีแป้นจะแตก” แพงอุทานซ้ำไปซ้ำมา ดอกแก้วที่จ้องหน้าเกื้ออย่างตกตะลึงได้สติเพราะเสียงบ่าวรับใช้ จึงรีบตะเกียกตะกายลงจากร่างของเขาในทันที
“ยังไม่ตายจ้ะพี่แพง” ดอกแก้วรีบตอบ
“คุณหนูเจ้าขา ยังจักมาทำหน้าทะเล้นอีกนะเจ้าคะ คุณเกื้อเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เอ็งรีบไปประคองคุณเกื้อเร็ว” แพงหันไปสั่งคนสวน นายม่วงรีบเข้าไปประคองเกื้อให้ลุกขึ้นในทันที
“ฉันไม่ได้เป็นอันใด แล้วนี่เด็กที่ไหน ปล่อยให้มาปีนต้นไม้เช่นนี้ ตกลงมาแข้งขาหักจักทำเช่นไร” เกื้อเอ่ยถามเสียงดุ ทำเอาแพงหน้าซีดเผือด
“คุณหนูดอกแก้วเจ้าค่ะคุณเกื้อ เป็นหลานของคุณเพียรกับคุณอิน” แพงรีบเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นรึ” เขามองเด็กสาวหน้าตาผุดผ่องตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะเอ่ยขอตัว
“งั้นฉันขอตัวก่อน” เกื้อเดินจากไปแล้ว แพงก็รีบเข้าไปสำรวจเนื้อตัวของเจ้านายสาวในทันที
“คุณหนูดอกแก้วเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ฉันไม่เป็นอันใด แต่นั่นใครหรือพี่แพง”
“นั่นคุณเกื้อเจ้าค่ะ เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอก กลับมานี่เนื้อหอมมากนะเจ้าคะ”
“หรือจ๊ะ” ดอกแก้วมองตามไปอย่างหมั่นไส้ ท่าทีขี้เก็กของอีกฝ่าย
“พี่แพงอย่าบอกเรื่องที่ฉันปีนต้นมะม่วงให้คุณอารู้เด็ดขาดนะจ๊ะ”
“คงไม่ทันแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” แพงมองตามไปก็เห็นว่าเพียรกับอินยืนอยู่ตรงบันไดเรือน และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดอกแก้วทำตาปริบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินขึ้นเรือนไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยผิดวิสัยปกติที่ไม่ชอบนั่งพับเพียบแบบนี้นาน ๆ เนื่องด้วยรู้สึกเมื่อย
“ว่าไงล่ะหึแม่ตัวดี ขอโทษพี่เขารึยังล่ะเรา” อินเอ่ยถามหลานสาว แต่สีหน้าเอ็นดูเหลือล้น นั่นทำให้คนขี้ประจบรีบคลานเข้าไปหาบีบนวดอย่างเอาใจในทันที
“นี่พี่เกื้อ ลูกของคุณลุงศักดิ์กับคุณป้าอุ่น ที่อยู่บ้านใกล้กับเรานี่แหละ ไหว้พี่เขาเสียสิแม่ดอกแก้ว” แท้ที่จริงแล้วสองบ้านมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมานาน และเคยสัญญากันว่าหากมีลูกจะให้หมั้นหมายกัน ด้วยว่าอินไม่มีลูกเสียที จึงไม่ได้หมั้นหมายกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เมื่อเพียรกับอินพาดอกแก้วมาเลี้ยงดูประดุจดั่งลูกในไส้ ศักดิ์กับอุ่นก็ทวงสัญญาเรื่องการหมั้นหมายเพราะลูกชายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ก็อยากให้มีคู่หมั้นคู่หมายที่ดีที่จักเป็นคู่ครองกันในอนาคต สองสามีภรรยากลัวว่าลูกชายจักไปคว้าผู้หญิงไม่ดีมาเป็นเมีย แต่สาเหตุที่แท้จริงคืออุ่นกับอินนั้นเป็นญาติกัน ทรัพย์สมบัติก็มากมายทั้งคู่ ก็ไม่อยากให้ทรัพย์สมบัติตกไปเป็นของคนอื่น เข้าสุภาษิตที่ว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย
ดอกแก้วยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเกื้อยิ่งนัก
“กระผมมาเยี่ยมคุณน้าทั้งสองขอรับ นำของมาฝากด้วยขอรับ”
“เรียนจบกลับมาอยู่บ้านแบบนี้ก็ดีนะพ่อเกื้อ พ่อกับแม่ของเราจักได้หายห่วง จักช่วยพ่อแม่ค้าขายหรือจักทำงานบริษัทฝาหรั่งกันเล่า” อินเอ่ยถาม
“คิดว่าจะช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ขอรับ เพราะทางบ้านไม่มีใคร เอื้อเองก็ยังเรียนไม่จบ” เอื้อคือน้องชายลูกพี่ลูกน้องที่บิดามารดานำมาชุบเลี้ยงเอาไว้ให้เป็นเพื่อนเล่นของเขา เนื่องด้วยบิดามารดาของเอื้อเสียชีวิตตั้งแต่เอื้อยังแบเบาะ
“ดี ๆ จักไปเป็นลูกจ้างเขาทำไมกัน กิจการงานที่บ้านของเราก็เยอะแยะ ทรัพย์สินเงินทอง ที่ดิน บ้านช่องก็มากมาย ทำของเราดีกว่าไปทำให้คนอื่น” อินก็เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่มีทรัพย์สมบัติและที่ดินมากมาย อินเลยไม่เคยคิดจะทิ้งบ้านช่องตัวเองไปทำงานที่อื่น
“เรามาก็ดีจักได้อยู่คุยกันนาน ๆ ให้หายคิดถึง ประเดี๋ยวทานข้าวทานปลากันก่อนหนา น้าทำอาหารเอาไว้เยอะแยะเลย”
“ขอรับคุณน้า” เกื้อรับคำ ทำให้ดอกแก้วแอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของคนหน้าดุ ก่อนเวลาอาหารเพียรกับอินก็คุยกับเกื้ออย่างถูกคอ โดยมีดอกแก้วนั่งฟังอยู่ใกล้ ๆ ดอกแก้วนึกดีใจที่ไม่โดนอาทั้งสองดุเรื่องปีนต้นมะม่วง