“มีแล้ว” เธอตอบจริงจังเกินเหตุ
“ตอบแบบนี้แสดงว่ายังไม่มี แต่ถ้ามีแล้วจริงๆ ไปบอกเลิกมันซะ”
เขาดักคอแกมข่มขู่ หึ! ก็ไหนไอ้กฤษณะพี่ชายของเธอ มันนั่งยัน นอนยันว่าไม่มียังไงเล่า หรือจะได้ข้อมูลผิดๆ มาบอกเขา แต่เขาไม่แคร์ มีได้ก็เลิกได้ ในเมื่อยังไม่แต่งงาน เขาไม่ได้ไปพรากผัวพรากเมียใครเสียหน่อย
“เอ๊ะ!” อรนภัสทำสีหน้าขัดใจ
“ชื่อจริงๆ ว่าอะไรนะ บ้านอยู่ที่ไหน เดี๋ยวจะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอเร็วๆ นี้แหละ อยากมีเมียไว้นอนกอดเวลาหนาวๆ อยากมีลูกวิ่งให้เต็มบ้านไปเลย”
เขารุกถาม กลั่นแกล้งคนที่นั่งหน้างออยู่ตรงหน้า อรนภัสหน้าแดงแล้วแดงอีก เขาจะมาขอเธอไปเป็นเมียหรือเป็นแม่พันธุ์กันแน่
“ใครเขาอยากจะไปเป็นเมียคุณ ฉันบอกแล้วไงว่ามีแฟนแล้ว”
เธอเถียงเสียงแข็ง
“เธอแต่งงานหรือยังล่ะ แฟนแบบไหน แค่คบกัน อยู่ด้วยกัน หรือ...” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“คบกันอยู่” เธอรีบบอก
“งั้นแสดงว่ายังไม่ได้แต่งงาน ฉันมีสิทธิ์น่ะสิ คบได้ก็เลิกได้ หากไปกันไม่รอด เค้าเลิกกันเยอะแยะ เลิกแล้วมาแต่งกับฉันนะ”
ภวัตพูดคล้ายกวนโมโหอีกฝ่าย แต่จริงๆ เป็นการจีบเธอไปเป็นเมีย
อรนภัสหน้าแดงอมชมพูระเรื่อ คิดในใจว่า คนบ้า! พูดออกมาได้ แต่กลับตอบชายหนุ่มออกไปทันทีโดยไม่คิดว่าคำพูดนั้นมันจะเป็นการผูกมัดตัวเธอเองไปตลอดชีวิต
“อืมตกลง ถ้าคุณกล้ามาขอฉันกับคุณพ่อจริงๆ ฉันจะยอมแต่งงานกับคุณ”
อรนภัสตอบไปเช่นนั้นเพราะคิดว่าเขาแค่ยั่วแหย่เธอให้โมโหเล่น คงไม่กล้ามาสู่ขอจริงๆ หรอก คนไม่เคยรู้จักกัน เธอเคยได้ยินเพื่อนๆ พูดกันว่า ผู้ชายมักจะหวงความโสด รักชีวิตอิสระจะตายไป
“จริงนะ ฉันเป็นคนยึดถือสัจจะวาจาเป็นสำคัญ เร็วๆ นี้ฉันจะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอเธอ ขอกลับไปปรึกษาพ่อเพื่อหาฤกษ์หายามก่อน ฉันเองใจร้อน แต่ไม่คิดว่าเธอจะใจตรงกับฉันเหมือนกัน พูดกันง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ไม่ต้องตามจีบนานๆ จนขึ้นคาน”
ภวัตรวบรัดสรุปเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ ดีใจที่หญิงสาวยอมตกลงง่ายๆ อุตส่าห์แอบมองเธอมาตั้งนาน ไม่คิดว่าการที่เขาพูดตรงๆ จะทำให้เธอยอมตกลงทันทีอย่างง่ายดาย เขากำลังแอบนึกหวั่นใจกับผู้ชายหลายๆ คนที่มาติดพันเธออยู่ โดยเฉพาะศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่มีวันญาติดีกันได้อย่างไวกูรณ์!!!
“คุณ!”
อรนภัสร้องเสียงหลง ไม่คิดว่าเขาจะจริงจัง แล้วจะทำไงดีหว่า เธอดันไปตบปากรับคำอีตาบ้านี่เข้าให้แล้ว
“ฉันชื่อภวัต จำเอาไว้ให้ดี”
“คะ...คุณพูดเล่นใช่ไหมคะ” อรนภัสละล่ำละลักถาม
“คนอย่างฉันไม่เคยพูดเล่น ตอนนี้ฉันขึ้นมาเยี่ยมน้องสาวที่เรียนอยู่มหา’ลัย คงจะอยู่นานอีกหลายวัน ฉันจะแวะมาหาเธอบ่อยๆ เราสองคนจะได้ทำความรู้จักกันก่อนแต่งงาน เธอควรจะเรียกฉันว่าพี่นะ ฉันอายุมากกว่าเธอประมาณสิบกว่าปี ถือว่ายังไม่แก่ ยังเตะปี๊บดังอยู่ ฉันออกกำลังกายทุกวัน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหรือโรคประจำตัวอะไร ขอรับรองเลยว่าเธอไม่ผิดหวังแน่นอนที่ตกลงแต่งงานกับฉัน” ภวัตอวดอ้างสรรพคุณของตัวเองยาวเหยียด เพื่อยืนยันให้หญิงสาวมั่นใจว่าเธอเลือกสามีไม่ผิดแน่นอน
เล่นเอาอรนภัสอ้าปากค้าง เขาพูดอะไรนี่ น่าสยิว เอ๊ย สยอง!!!
หญิงสาวได้แต่อึ้งกะพริบตาปริบๆ อย่าบอกนะว่าเขาเอาจริง แต่ดูท่าไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน ซวยแล้วอรนภัส เธอไม่น่าไปบ้าจี้ ท้าทายเขาแบบนั้นเลย เขาดันรับปากบอกว่าจะมาขอ พ่อกับแม่มิตกใจแย่หรือ ที่จู่ๆ เขาโผล่ไปที่บ้านพร้อมกับผู้ใหญ่เพื่อสู่ขอเธอแต่งงาน เขาทำงานทำการอะไร เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่าก็ไม่รู้
โอ๊ย! ตายแล้วยัยอรนภัส
หญิงสาวมัวแต่คิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว จนทำให้ภวัตอดที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูเสียไม่ได้ ผู้หญิงเข้าใจยาก แล้วชอบคิดเองเออเองคนเดียว
“ถ้าไม่บอกชื่อนามสกุล และที่อยู่มาเดี๋ยวนี้ ฉันจะจูบเธอให้ปากช้ำเลย” ชายหนุ่มมองริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อไม่วางตา
“ฉันชื่ออรนภัส รักษ์เกียรติค่ะ”
อรนภัสรีบบอกทันทีเมื่อเขาแสดงท่าทางว่าจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
คนบ้า คนเถื่อน คนห่าม คนหื่น!!! อรนภัสค้อนหน้าคว่ำ...
“ชื่อเพราะดีนี่ เอาเบอร์โทรศัพท์ของอรมาด้วย แล้วพี่จะโทรหา”
ภวัตบอกเธอเหมือนสั่งมากกว่าจะขอร้อง อรนภัสจำต้องเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้เขาอย่างไม่เต็มใจ เธอแกล้งเขียนเบอร์โทรมั่วๆ ก่อนจะยิ้มกริ่ม
“พี่ต้องการเบอร์โทรศัพท์จริงๆ ของอรนะ ถ้าเขียนมั่วๆ มา โดนแน่”
ชายหนุ่มดักคออย่างรู้ทัน ความฉลาดของเขาทำให้อีกฝ่ายชะงักไป ภวัตมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอแล้ว แต่เพียงอยากจะขอเธอตรงๆ เวลาโทรไปจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความว่าได้เบอร์มาจากไหน
อรนภัสได้แต่ยืนอึ้งอ้าปากค้างให้กับคนเผด็จการ หญิงสาวกระแทกกระทั้นเขียนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ ก่อนจะยื่นส่งให้เขา ภวัตเอื้อมมือไปรับ กุมมือเธอไว้ หญิงสาวสะบัดมือออกจากการเกาะกุมด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม
เขายกมือหนาขึ้นดมก่อนจ้องคนตรงหน้านิ่ง “หอมนะ ขนาดมือยังหอมขนาดนี้ แล้วตัวจะหอมขนาดไหน”
ตาคมหรี่มองนิ่งจนเธอเขิน อรนภัสตาวาวมองอย่างโกรธๆ ทั้งๆ ที่อายแสนอาย
“เวลาโกรธก็น่ารักดี แต่พี่ชอบให้อรยิ้มมากกว่านะ”
ภวัตลุกขึ้นเต็มความสูง ชายหนุ่มสูงมาก ร่างกายแข็งแรงกำยำ ผิวสีแทน ดวงตาคมเข้มดุดัน ริมฝีปากหยักหนา จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้ม ผมดกหนายาวประบ่า เธอหลุบตาลงมองหน้าอกกว้าง และลำแขนที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตที่เขาพับแขนขึ้น เขาดูอุดมไปด้วยเส้นขนและมัดกล้าม อรนภัสลอบกลืนน้ำลายลงคอ ทำท่าเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว “ถ้าแต่งงานจะได้ดูเต็มๆ ตา ตอนนี้ดูแค่ภายนอกไปก่อนนะ” เขาแหย่หญิงสาวเล่น แล้วมันก็ได้ผล
อรนภัสตาโตแก้มแดงปลั่ง เขาตีหน้านิ่ง คำพูดแต่ละคำบาดลึกไปถึงหัวใจ มือหนาหยิบธนบัตรออกมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับจรดปากกาเขียนเบอร์โทรศัพท์ลงบนกระดาษแล้วฉีกยื่นให้เธอ
“รับไปสิ ถ้าไม่รับจะจูบให้”
เขาไม่ยอมให้เธอปฏิเสธ แถมขู่กลับอย่างมันเขี้ยวในความน่ารักนั้น
อรนภัสรีบดึงมาถือเอาไว้ สะบัดค้อนให้กับคนเผด็จการวางอำนาจ ขออย่าได้เจอเขาอีกเลย เอ! แต่เขาบอกว่าจะอยู่กรุงเทพอีกหลายวันนี่นา แย่แล้ว จะทำไงดี?
“ไม่ต้องทำยังไง แค่คอยต้อนรับพี่ทุกวันก็พอ”
ภวัตยังมีแก่ใจหันมาบอกขณะก้าวเดินออกจากร้าน หญิงสาวทำตาโตได้แต่มองตามร่างสูงไป เฮ้ย! เธอเผลอคิดดังไปหน่อยจนทำให้เขารู้เหรอ
คนอะไรรู้ทันคนอื่นไปหมด!
เธออยากจะฉีกเนื้อเขาให้กระจุยนัก ผู้ชายอะไรทั้งหล่อ ทั้งเถื่อน ทั้งบ้า ทั้งห่าม แถมยังมีเสน่ห์ทางเพศถึงขั้นรุนแรงเลยก็ว่าได้ นี่เธอคงจะอ่านนิยายโรมานซ์เยอะเกินไปมั้ง เลยคิดว่าเขาเหมือนพระเอกในนิยายของเธอ?
หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง เพื่อสำรวจว่าหัวใจดวงน้อยๆ นั้นกระโดดออกมาวิ่งเล่นอยู่ข้างนอกหรือเปล่า แต่ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจนี้ยังกระหน่ำเต้นเป็นจังหวะอยู่ในอกด้านซ้ายเช่นเดิม
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้อรนภัสจำต้องวางหนังสือนิยายที่ติดพันอยู่ลงบนเตียง แล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือมาดู หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเห็นเบอร์ที่เธอจำได้และแอบบันทึกไว้ หญิงสาวอมยิ้มปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังจนเงียบไป สักพักก็มีข้อความเข้ามาแทน เธอจึงต้องเปิดอ่าน
ถ้าโทรไปหาอีกครั้งยังไม่รับสาย พรุ่งนี้จะบุกไปหาถึงบ้าน และจะฉุดไปทำเมีย ฟัดให้ท้องโย้ เลี้ยงลูกสักครอกสองครอก
พี่วัต