Lovely shot 2
“เป็นไงบ้างวะกานต์ ทำไมทำหน้าง่วงแบบนั้น”พี่ปองแซวมาทั้งยังหัวเราะลั่น หัวเราะไปเถอะเดี๋ยวก็หัวเราะไม่ออก
“ตอนเย็นประชุมนะคะพี่ปอง”
“เย้ดแม่ พี่ลา!” พี่ปองคว้าประเป๋าไว้ในมือตั้งท่าจะวิ่งออกจากแผนกแต่พี่ซิมก็กระโดดดักหน้าไว้ทันทีเช่นเดียวกัน ทำงานด้วยกันจนรู้ไส้รู้พุงหมดแล้วล่ะพี่ ๆ น่ะ
“ไม่ต้องมาเนียนมึง มึงจะทิ้งกูไปไม่ได้” พี่ซิมบอกพี่ปอง อ้อ ทั้งสองเป็นเฮดทีมอินทีเรียค่ะเลยต้องเข้าประชุมด้วยกันเย็นนี้ เดี๋ยวฉันก็ต้องประสานงานไปยังเฮดต่าง ๆ ด้วยสินะ
“สวัสดีค่ะพี่พงษ์” ฉันเอ่ยทักปลายสายเมื่อมีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย
(สวัสดีครับคุณกานต์ คุณกานต์โทรมาผมลังเลที่จะรับสายเลยครับ) ปลายสายเล่าเสียงอ่อนแต่แฝงไปด้วยความขบขันเล็กน้อย
“โห อย่าใจร้ายนักเลยค่ะ แค่จะโทรมาบอกว่าเย็นนี้ประชุมนะคะหลังเลิกงาน”
(นั่นไงล่ะ คิดผิดเสียที่ไหน เจอกันตอนเย็นครับ) คุณพงษ์หัวหน้าทีมวิศวกรวางสายไป ฉันก็ไม่รีรอต่อสายหาคนอื่น ๆ จนครบทีม จากที่พี่ปองจะพาเที่ยวคืนนี้คงต้องงดแล้วล่ะมั้ง เหมือนวันนี้ประชุมยาวไปจนถึงดึกแน่ ๆ
แล้วก็จริงอย่างที่บอกในช่วงบ่าย การประชุมในช่วงเย็นของเราลากยาวจนถึงสองทุ่ม ทุกคนหมดสภาพไปตาม ๆ กัน พนักงานแทบจะถอดจิตลอยกลับบ้าน แต่เจ้านายยังคีพลุคนิ่ง ๆ พวกเราทุกคนเลยต้องคีพลุคตามแต่ตานี่ลอยกันหมดแล้ว
“ฝากทีมอินทีเรียทำการบ้านมาด้วยนะครับ ทีมวิศวกร พรุ่งนี้ลงพื้นที่ได้เลย”
“ครับคุณกร”
“สำหรับวันนี้พอแค่นี้ครับ ขอบคุณทุกคนที่ทำงานหนัก” เจ้านายลุกขึ้นยืนเราทั้งหมดลุกตามก่อนจะโค้งส่ง เมื่อเจ้านายเดินออกไปฉันถึงกับทรุดนั่งลงบนเก้าอี้
ฉันเหนื่อย เหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงเดินออกจากห้องประชุมนี่เลย พี่ ๆ คนอื่นเริ่มทยอยออกจากห้องประชุม ฉันนั่งเรียกสติไม่นานก็เก็บของเดินตามพี่ ๆ ไม่ใช่อะไรหรอกกลัวผีค่ะ เลยต้องรีบไป
“กานต์กลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม” พี่ภัสเอ่ยถามเมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาในแผนก
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ภัส วันนี้วันเกิดลูกชายไม่ใช่เหรอพี่รีบกลับเถอะค่ะ” ฉันบอกพี่ภัส
“เอาแบบนั้นเหรอ”
“ค่ะพี่ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
“ได้ ๆ เจอกันพรุ่งนี้ ไปเดี๋ยวเดินออกไปพร้อมกัน” พี่ภัสยืนรอ ฉันเองก็รู้สึกขอบคุณอย่างมาก เมื่อมีพี่สาวใจดียืนรอเดินกลับเป็นเพื่อนฉันก็รีบเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินไปหาพี่ภัสที่รออยู่หน้าประตูทันที เมื่อยืนอยู่หน้าออฟฟิศพี่ภัสก็แยกกลับไป ส่วนฉันก็เดินไปยังถนนเพื่อหารถกลับบ้าน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่เจ้านายจะขับรถมาจอดเทียบฟุตบาตทั้งยังขู่ให้ขึ้นรถไปกับเขา
“ขึ้นมา จะหาว่าพี่ดุไม่ได้นะ” พี่อย่างนั้นเหรอ? ตลกจัง เขาแทนตัวเองว่าพี่กับฉันครั้งล่าสุดตอนไหนนะ จำไม่ได้แล้วสิ
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยว...”
“...” เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่น่าพอใจ อึกฝ่ายก็เงียบและเดินลงจากรถเพื่อมาดึงมือฉันให้เข้าไปนั่งภายในรถกับเขา การกระทำที่รุนแรงของเขาทำให้ฉันนั่งนิ่งเงียบ ๆ เพราะกลัวเขาจะโมโหใส่อีก
“หิวไหม?” นานนับสิบนาทีคุณกรถถึงได้เอ่ยถาม ทั้งยังหันมามองอย่างสังเกต
“ไม่ค่ะ” ท้ายที่สุดก็จำต้องตอบกลับไป
“ทำไมไม่กลับบ้านเลยล่ะ” คุณกรยังถามต่อ แต่จะให้ฉันตอบยังไงเหรอ ตอบว่าทะเลาะกับที่บ้านหรือโดนไล่ออกจากบ้านดีล่ะ ใช่ที่ฉันไม่ยอมดูร้านทองต่อจากที่บ้าน เพราะฉันไม่ชอบ พอต่อต้านหน่อยแม่ก็เอ่ยปากไล่ฉันออกจากบ้าน
ก็ตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้เกือบ ๆ หกปีได้แล้วล่ะที่ฉันไม่กลับไปเหยียบที่นั่น ส่วนงานที่ทำอยู่ตอนนี้เงินเดือนเยอะมาก พอมีเงินเดือนฉันก็แบ่งจ่ายค่านู่นนี่นั่นและที่สำคัญการเปย์ผู้ชายที่มีเงินในบัญชีสองร้อยล้านก็เป็นเรื่องสำคัญของฉันเหมือนกัน บ้าบอดีไหมแต่ฉันน่ะมีความสุขดี ความสุขที่เป็นความสุขจริง ๆ ของฉัน
“กานต์พี่ถามดี ๆ แล้วนะ”
“ก็ไม่ว่างค่ะ”
“งั้นพี่จะให้ลางานแล้ววันหยุดนี้เรากลับบ้านด้วยกัน”
“ไม่ค่ะ”
“กานต์...” เขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าต้องการระยะห่วงระหว่างเราที่เป็นเพียงพี่น้องที่รู้จักกัน ทำไมต้องมาคุยกันด้วยล่ะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องไม่ได้เหรอ
สงสัยล่ะสิว่าฉันมาทำงานที่นี่ได้ยังไง ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านี่เป็นออฟฟิศของเขา แต่ที่ฉันเข้ามาทำงานเพราะพี่กั้งแนะนำมา พอสมัครก็ผ่านเฉยเลยผ่านแบบงง ๆ แต่พออยู่ไปสักพักใหญ่ถึงได้รู้ว่าเจ้าของคือใคร นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันอยากจะลาออกวันละหลาย ๆ รอบแต่ก็ได้แค่คิดถ้าฉันออกคงไม่มีอะไรกิน
“จอดข้างหน้าก็ได้ค่ะ” ฉันบอกเขาทั้งยังชี้ให้ดูป้ายรถเมล์ตรงหน้า
“ไม่ จะไปส่งที่ห้อง แล้วย้ายหนีพี่กี่รอบแล้ว” ย้ายจริง ๆ ก็คงสองเดือนครั้งล่ะมั้ง
เอาละ ฉันว่าทุกคนคงจะงง ๆ กับสถานะฉันกับคนที่กำลังขับรถอยู่ เขาน่ะเป็นลูกชายของเพื่อนแม่และบ้านเราก็อยู่ซอยเดียวกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแต่เพราะฉันเริ่มต่อต้านอยากมีทางเดินของตัวเองเลยทะเลาะกับที่บ้าน เพราะไม่ยอมเข้าไปดูร้านทองเกือบเจ็ดสาขานั่น เลยทำให้คนเป็นแม่ทนไม่ไหวไล่ฉันออกจากบ้าน
ทีแรกฉันก็นึกว่าพวกเขาแค่แกล้งดุให้กลัวแต่ไม่เลยแม่เก็บของใส่กระเป๋าฉันแล้วโยนไว้ที่หน้าบ้าน วันนั้นฉันเพิ่งสอบเสร็จกลับมาถึงบ้านก็ร้องไห้อย่างหนักพี่กั้งพี่คนที่สองเข้ามาประคองและพาขึ้นรถออกมาเลย
จากวันนั้นฉันก็ไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลย พี่กูลพี่ชายคนโตตอนนี้เป็นคนดูแลครอบครัวอยู่ แต่ฉันไม่ได้ติดต่อพี่ชายหรอกเพราะรายนั้นเองก็โกรธฉันเหมือนกันตอนนี้เลยมีเพียงพี่กั้งที่ยังติดต่ออยู่