Lovely shot 10
06.01 น.
เมื่อรู้สึกตัวตื่นสิ่งแรกที่สัมผัสได้คืออาการปวดหัว ปวดเหมือนจะระเบิด ฉันนอนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะลืมตาลุกจากเตียง เท้าที่กำลังก้าวชะงักไปเมื่อพบว่าพื้นห้องมันไม่เหมือนกับห้องฉัน กลิ่นอายคุ้นเคยยิ่งทำให้คิ้วขมวดมากยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่ห้องฉันจริง ๆ ด้วย คิดได้แบบนั้นก็ตาสว่างวาบกวาดสายตามองไปทั่ว โทนห้องสีเทาเข้มแบบนี้ไม่ใช่ห้องฉันแน่ ๆ
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มที่ดังจากด้านหลังทำให้ฉันหันกลับไปมอง ร่างหนาที่กำลังพยุงตัวเองนั่งบนเตียงนอนนั่นทำให้ฉันถึงกับเบิกตากว้างพรางมองอย่างตกใจ นี่ นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันมาอยู่กับเขาได้ยังไง
ให้ตายสิ นิสัยเมาหนักจนจำอะไรไม่ได้เมื่อไหร่มันจะหายไป!
“ปวดหัวไหม” เขาลงจากเตียงก้าวเข้ามาใกล้ ส่วนฉันก็ขยับถอยห่างจากเขา เขาคงจะรู้ว่าฉันกลัวจึงหยุดเท้าที่กำลังก้าวเข้าหา
“เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว พี่จะทำกับข้าวให้ อาบเสร็จใส่ชุดคลุมก่อนเดี๋ยวให้คนเอาชุดทำงานมาให้”
“...”
“เข้าใจไหม” ฉันพยักหน้ารับ มองซ้ายขวากระทั่งเห็นประตูห้องน้ำจึงรีบเดินเข้าไป เมื่อประตูปิดลงฉันถึงกับทรุดนั่งบนพื้น ปวดหัวไปหมดไหนจะเรื่องราวเมื่อคืนที่ฉันจำไม่ได้สักอย่าง น่าอายชะมัด พยายามหนีห่างจากเขาแต่พอเมากลับตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับเขาเนี่ยนะ น่าขายหน้าสิ้นดี!!
“ข้าวต้มอยู่บนโต๊ะนะ ทานได้เลยพี่ขอไปอาบน้ำก่อน” ระหว่างที่เขาอาบน้ำฉันแอบออกจากคอนโดได้เลยไหมนะ
“ออกไปไม่ได้หรอก มันต้องใช้รหัส” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป อย่างกับว่าเขารู้ว่าฉันคิดอยู่อะไรอยู่เลยพูดดักไว้แบบนั้น ฉันนั่งทานข้าวไปนิดหน่อยเพราะทานไม่ลงจริงๆ ตอนนี้กระหายน้ำอย่างหนักเลยล่ะดีนะที่ไม่ได้รู้สึกอยากอาเจียนน่ะ
“ทำไมทานน้อย” คนที่บอกจะไปอาบน้ำจู่ ๆ ก็เดินออกมา ฉันสะดุ้งตกใจมองเขาตาโต แอบร้อน ๆ ที่ใบหน้านิดหน่อย ก็เขาเล่นเปลือยท่อนบนมาขนาดนั้นจะไม่ให้เขินได้ยังไงกัน
“ไม่ชอบเหรอ ทานอย่างอื่นไหมเดี๋ยวพี่ทำให้” เขายังใช้สายตาเป็นห่วงมองฉัน
“ไม่ค่ะ ไม่ค่อยหิว”
“ฝืนทานหน่อยได้ไหมครับ เดี๋ยวปวดท้องนะ”
“ไม่หิวค่ะ”
“โอเค ๆ พี่จะไปแต่งตัวแล้วรอก่อนนะแล้วค่อยไปพร้อมกัน” เขาหันหลังกลับ เดินเข้าห้อง
“อยากไปเอง”
“ไม่ครับ ไปพร้อมกัน” เขายืนยันคำเดิมก่อนจะรีบเดินกลับเข้าห้องนอน ให้ตายสิ ฉันรู้สึกไม่ชอบเขาจริงๆ นะ ยิ่งท่าทีเฉยชาแบบนั้น ฉันไม่ชอบเลยให้ตายสิ
ตลอดการเดินทางระหว่างเรามีเพียงความเงียบเท่านั้น คุณกรจอดรถที่ลานจอดรถปกติ แต่ใจฉันนี่สิเริ่มไม่ปกติถ้าคนอื่นเห็นจะพูดจะนินทาได้นะ ที่เจ้านายกับลูกน้องมาด้วยกันแบบนี้ ฉันนั่งกังวลบีบมือตัวเองแน่นก่อนจะหันกลับไปมองคนข้างๆ เมื่อเขาเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้
“ไม่ต้องกลัว ไปกับพี่”
“ไปกับคุณนั่นแหละที่ควรจะกลัว” ฉันตอบกลับทันที เสียงที่สั่นเครือทำให้อีกฝ่ายทำหน้าตกใจไปด้วย มันน่าขำหรือไงทำไมต้องมองฉันแบบนั้นด้วย
“จะไปแคร์คนอื่นทำไม ใครมันว่าบอกให้ไปเคลียร์กับพี่ ไปทำงานกันครับ” เขาลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ไม่สนใจหรือแคร์สายตาของคนรอบข้างเลยสักนิด
ฉันมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวังเมื่อไม่เจอคนก็รีบลงจากรถวิ่งนำเข้าไปในออฟฟิศทันที เสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมาไม่ได้ทำให้ฉันหงุดหงิดเท่าไหร่ เพราะความสนใจฉันตอนนี้คือต้องหลบคนและเข้าบริษัทให้เร็วที่สุดเท่านั้น