ตอนที่ 7 ความผิดที่ได้ก่อ ( 4 )

1004 Words
ตอนที่ 7 ความผิดที่ได้ก่อ ( 4 ) “เจ้าอย่างโดนแส้อีกซักรอบหรือไม่” หวังเย่เลิกคิ้ว พร้อมกับเสกแส้ออกมา นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำ ! “อะ ไม่ๆๆ ไม่ดีจ้ะ ท่านใจเย็นลงก่อนนะ” ฉันปรามหวังเย่อย่างลนลาน ใช้ปากชี้ไปที่แส้ในมือของเขา เพราะแขนของฉัน และขาของฉันกลายเป็นมัมมี่ “ประเดี๋ยวข้ามา” หวังเย่พูดพร้อมกับเก็บแส้ให้หายไปเพียงชั่วพริบตา “ท่านจะไปที่ใด หาข้าวมาให้ข้าใช่หรือไม่” ฉันถามออกไปเพราะกลัวจะไม่ได้กินข้าว แต่ทว่าหวังเย่ไม่พูดอะไรซักคำ กลับเดินหายไปดื้อ ๆ ฉันชะเง้อชะแง้ มองประตูที่หน้าตำหนักซานซาน เป็นระยะ ๆ ฉันหวังว่าหวังเย่คงไม่ลืมหาข้าวหาปลามาให้ฉันกินหรอกนะ ผ่านไปครู่นึง จู่ ๆ ฉันกลับรู้สึกคันยุบยิบที่หัวขึ้นมา เป็นแค่วิญญาณแต่กลับรู้สึกคันหัว เฮ้อ ฉันพยายามยกแขนขึ้นมาแต่กลับยกไม่ได้ จึงค่อย ๆ ขยับตัวไปที่เสาสูงตรงขอบเตียงอย่างยากลำบาก จะว่าไปแล้วลักษณะของฉันตอนนี้เหมือนหมาที่นอนเกลือกกลิ้งถูกับพื้นหญ้าชะมัด พยายามเอาหัวถูเสาเตียง แต่กลับไม่ช่วยอะไร อ้ากก ฉันทรมาน งั้นลองขยับไปอีกหน่อย คราวนี้ฉันหันหลังเงยหน้าขึ้น กำลังจะใช้หัวถูกับเสาเตียงสวรรค์ ทันใดนั้นเอง ครึ่งตัวของฉันก็ร่วงลงพื้น โดยที่ขายังพาดอยู่กับเตียง ฉันนึกว่าซ้อมยิมนาสติก เจ็บมันก็เจ็บแหละ แต่อาการคันหัวมันยังไม่หายไป ลุกไม่ได้ ขาเจ็บ แขนเดี้ยง แถมคันหัว ทรมานที่สุดคือคันหัว จนอยากจะร้องไห้ออกมา “ฮึก ฮือออออ อือ ฮือออออ หวังเย่ !ช่วยข้าด้วยยยยย” ฉันร้องไห้ตะโกนโหวกเหวกออกมาเพราะทำอะไรไม่ได้ สภาพตอนนี้อนาถเหลือเกิน โชคดีที่หวังเย่ได้ยินเสียงของฉัน เขารีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับถ้วย น้ำแกงหรือเปล่า เขาวางมันไว้ที่โต๊ะน้ำชา “หลินหลินเจ้าเป็นอย่างไร เจ็บแผลงั้นรึ” หวังเย่พูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาฉัน ฉันส่ายหัวน้อย ๆ เพื่อเป็นการบอกเขาว่าฉันไม่เจ็บ “หากเจ้าไม่เจ็บ ไยเจ้าร้องกลับไห้เล่า” หวังเย่ทำหน้าฉงน เตรียมจะพยุงฉันขึ้นไปที่เตียง “คือว่าข้า ข้า คันหัวเอ่อ คันศีรษะ” -_- <<<< สีหน้าหวังเย่ “ที่ข้าร้องเป็นเพราะว่าข้า คันหัว ก่อนที่จะพยุงข้า ท่านช่วยเกาหัวให้ข้า ทีสิ เอ่อ ศีรษะน่ะ” ฉันพูดอ้อนวอนทั้งน้ำตา กะพริบตาปริบๆให้หวังเย่ “มนุษย์เช่นเจ้าน่ารำคาญเสียจริง” หวังเย่ถอนหายใจแล้วเอื้อมมือมา เกาหัวให้ฉัน “ท่านเกาไปซ้ายหน่อย” หวังเย่ทำตามแต่โดยดี “ท่านไปทางขวาอีกนิด ดีๆ” หวังเย่เริ่มหายใจฟึดฟัด “ท่านเกาไปข้างบนอีกหน่อย” หวังเย่ชะงักมือ ไม่พูดอะไร แล้วลุกออกไปนั่งที่โต๊ะน้ำชา อ้าว พาฉันขึ้นไปนั่งบนเตียงก่อน ขาฉันยังพาดเตียงอยู่เลย ฉันแหงนหน้ามองตามหวังเย่จนตาจะหลุดออกจากเบ้า เขาไม่สนใจไยดีฉันเลย จะปล่อยให้ฉันนอนแอ้งแม้งอย่างน่าอนาถแบบนี้แน่หรือ “ท่าน นั่นน้ำแกงของข้าใช่หรือไม่” ฉันถามออกไป เมื่อได้กลิ่นหอมของน้ำแกง หวังเย่มองฉันด้วยแววตาที่เรียบนิ่ง ไม่พูดอะไรซักคำ นี่เขาโกรธฉันเพราะฉันใช้เขาให้เกาหัวให้ใช่ไหม เทพเซียนนี่เอาใจยากจัง “ท่าน ช่วยพาข้าลุกขึ้นทีสิ ท่านจะให้ข้านอนอยู่แบบนี้จริง ๆ รึ” เงียบ ! ไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนคุยกับลม “ท่านหวังเย่ ข้าหิวข้าว” ฉันโหวกเหวกอีกรอบนึง แต่กลับไม่เป็นผล “ฮืออออ ท่านหวังเย่ ฮึก ฮือออ ท่านช่วยข้าที ข้าขอร้องท่านล่ะ ท่านช่วยข้าที หากข้าไม่ได้กินข้าจะตาย เมื่อข้าตายท่านจะบาป เพราะปล่อยให้ข้าอดข้าว หากข้าตาย สิ่งที่ท่านจะให้ข้าชดใช้ ข้านั้นทำไม่ได้แล้ว ท่านไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิด ฮืออออ ” ฉันแกล้งร้องไห้โวยวายเสียงดัง หวังว่าวิธีนี้จะได้ผล เพราะท่านเทพทั้งหลายมักจะชอบความสงบ ซึ่งมันก็ได้ผลหวังเย่ช่วยฉันให้ลุกขึ้นจริง ๆ แต่ทว่า เขากลับใช้พลังยกตัวฉันขึ้นไปยังเตียง ฉันอึ้งเบิกตากว้าง หวังเย่ทำแบบนี้ได้ด้วย ท่าทึ่งจริง ๆ แม้เขาไม่ใช่เทพแต่วิชาแก่กล้า น่าจะเป็นเซียนชั้นสูงหรือเปล่า เมื่อฉันกลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม หวังเย่ก็ตามมานั่งข้าง ๆ เตียงพร้อมกับถือถ้วยแกงติดมือมาด้วย เขาพยุงฉันขึ้น ไม่น่าใช่พยุง น่าจะเรียกว่าใช้มือเพียงข้างเดียวจับไหล่ของฉันให้ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วหวังแย่ยื่นถ้วยน้ำแกงให้ฉัน ฉันมองหน้าหวังเย่ ทำตาปริบ ๆ หวังว่าเขาจะเห็นใจฉัน มือของฉันถือถ้วยได้ที่ไหนล่ะ “มนุษย์เช่นเจ้าน่ารำคาญ” อึก! คำพูดเสียดแทงหัวใจรอบที่สอง เขาพูดรำคาญสองรอบแล้วในหนึ่งวัน หรือน่าจะรำคาญหลายครั้งแล้ว แต่แค่ไม่พูด ฉันกำลังจะอ้าปากพูดโต้ตอบกับหวังเย่ แต่หวังเย่กลับเอาถ้วย น้ำแกงกรอกปากฉันแทบสำลัก ฉันรีบกลืนลงคอ แล้วหายใจเข้าลึก ๆ กลัวว่าน้ำแกงจะเข้าไปในหลอดลมแล้วหายใจไม่ออก (คิดไปได้ -_- )
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD