ตอนที่ 9 ลงไปรับชะตากรรม(เลี่ยงไม่ได้) 2
“เหตุเพราะดวงวิญญาณของซานซานหายไป หากย้อนเวลาไปตอนที่เกิดล่ะก็ร่างนั้นจะไม่ใช่ซานซาน จะเป็นเพียงร่างที่เสียแล้ว นั่นยิ่งทำให้โลกของข้าแย่ลงเสียกว่าเดิม ฉะนั้นข้าจำต้องส่งเจ้าไปตอนที่วิญญาณซานซานออกจากร่างพอดี เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หงึกๆๆ <<<< ฉันพยักหน้า
เมื่อท่านเทพเห็นฉันเข้าใจ จึงได้เอ่ยปากพูดกับหวังเย่บ้าง
“หวังเย่ส่งนางไป ข้าปรับเปลี่ยนกลไกของแท่นประหาร มอบให้เจ้าส่งนางไปที่ร่างของหลินซานซานได้ และเจ้า หวังเย่นาน ๆ ครั้งเจ้าต้องแอบไปดูนาง หากนางไม่ยอมทำตามที่ข้ามอบหมาย เจ้าจัดการนางได้ ข้าไม่ขัด”
“ขอรับท่านอาจารย์” หวังเย่รับคำ
“ช้าก่อน ท่านให้ข้าเอาอะไรไปสังหารคนล่ะ ไม่มีอาวุธวิเศษหรืออะไรเลยรึ” ฉันทักท้วง
ท่านเทพหันมามองฉันอย่างไม่สบอารมณ์นัก ฉันทำอะไรผิดอีกเนี่ย T^T ฮือ…เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย…ฉันทำอะไรให้ท่านเทพเคืองขุ่น
“ข้าจะมอบกระบี่สวรรค์เล่มนี้กับเจ้า และตะเกียงผสานวิญญาณรวบรวมดวงวิญญาณของซานซานกลับมา ร่างจริงของซานซานจะเป็นกลีบบุปผาห้ากลีบที่เมืองหางโจว จิงโจว กวางโจว และต้าโจว” ท่านเทพอธิบาย
“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าบุปผากลีบไหนคือนาง แล้วอาวุธข้าจะเรียกออกมาได้อย่างไร” ฉันถามอย่างสงสัย
ท่านเทพอธิบายอย่างใจเย็น (พยายามใจเย็น –[]- )
“หากเจ้าสงสัยว่าผู้ใดคือคนที่เจ้าต้องสังหารกระบี่เล่มนี้จะเปลี่ยนเป็นสีชาด(สีแดง) เจ้าแค่พูดเรียกกระบี่นี้ก็ออกมา ส่วนกลีบบุปผา ตะเกียงวิญญาณในตัวเจ้าจะดึงดูดเข้ามาในมือของเจ้าเอง” ท่านเทพพูดพร้อมกับยัดกระบี่และตะเกียงผสานวิญญาณเข้ามาในร่างวิญญาณของฉัน
หงึกๆๆ <<<< ฉันพยักหน้า
“เช่นนั้นเจ้าลองเรียกให้ข้าดู”
“ชู บาลา ชู บา ชู กระบี๋เอ๋ยเจ้าจงออกมา อา อา อา” เรียกอย่างนี้หรือเปล่านะ ฉันรอดูผลว่าการเรียกกระบี่ออกมาจะได้ผลไหม ผลที่ได้กลับไม่มีอะไรออกมา ทำไมท่านเทพไม่สอนฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับท่านเทพและหวังเย่
-_- <<<<< สีหน้าท่านเทพ
-_-* <<<<< สีหน้าหวังเย่ โกรธจนเส้นเลือดปูด หางคิ้วกระตุก
O[]O <<<< สีหน้าฉันที่ตกใจจนจะช็อค เผลอไปแหย่รังแตนรังเบ้อเริ่ม
“หวังเย่เอาตัวนางไปจัดการ!” ท่านเทพพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบชวนเสียวสันหลังวาบ
“ขอรับท่านอาจารย์” หวังเย่รับคำ
นายนี่ก็ขอรับอย่างเดียวปฏิเสธใครเป็นไหม!
หวังเย่โค้งคำนับรับคำสั่งของท่านเทพเสร็จ ก็ค่อย ๆ หันหน้ามาทางฉันอย่างช้า ๆ
“หลินหลิน!!” น้ำเสียงเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งขั้วโลกเหนือของหวังเย่ เรียกชื่อของฉันอย่างช้า ๆ เนิ่บ ๆ ส่งผลให้ขนวิญญาณของฉันลุกไปทั้งตัว
“จ๋าจ้ะ” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้หวังเย่
โป๊ก ! หวังเย่สับมะเหงกแรง ๆเข้าให้
อ๊ากกกกก! ฉันรีบเอามือทั้งสองข้างมากุมหัวเอาไว้ด้วยความเจ็บ และเพื่อป้องกันหวังเย่สับมะเหงกมาอีกรอบ ฮึก ๆ พ่อหนุ่มเทพเซียนผมสีน้ำตาลอ่อนไม่เคยอ่อนโยนกับสตรี
“เจ้าลบหลู่สวรรค์เกินไปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่หากเจ้าทำเช่นนี้แล้วท่านเทียนจวินมาพบเห็น เจ้าจะถูกทำโทษหนักหนานัก หากเจ้าจะทำสิ่งใดบนสวรรค์ เจ้าจงคิดไตร่ตรองให้ดี เข้าใจหรือไม่”
หงึกๆๆ <<<< ฉันพยักหน้า
หวังเย่ถอนหายออกมาเฮือกนึง แล้วพูดต่อ
“เจ้าจำไว้ให้ดีข้าจะสอนเพียงครั้งเดียว การเรียกกระบี่นั้นเจ้าต้องใช้สมาธิ เรียกมาจากจิตใจของเจ้า ให้กระบี่รวมเป็นหนึ่งกับจิตใจ แล้วกระบี่จะออกมาเองโดยที่เจ้าไม่ต้องพูด เข้าใจหรือไม่” หวังเย่พูดพร้อมกับเรียกกระบี่ออกมาได้อย่างง่าย แต่ทว่าเขาหันปลายกระบี่มาจี้ที่คอของฉัน T^T
ฉันพยักหน้า พร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มปลายกระบี่ให้หันไปทางอื่น รู้สึกหวาดเสียวที่คอแปลก ๆ หากมันมาจ่ออยู่ที่คอ
“เช่นนั้นเจ้าลองเรียกออกมา”
โอเค ฉันหลับตา ลองตั้งสติ รวบรวมสมาธิ ห้ามวอกแวก จดจ่ออยู่กับกระบี่ แล้วมันจะออกมา เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็มาอยู่ในมือ ซะที่ไหน ทำไมเป็นพัดธรรมดา ลายดอกไม้อัปลักษณ์แบบนี้!
“ทะ ทำไมเป็นพัดได้เล่า” ฉันถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ไม่เข้าใจเลยซักครั้ง ไอ้ที่เขาทำ ฉันนั้นก็ทำ แต่ไม่สำเร็จเลยซักครั้ง เป็นพื้นดวงหรือเปล่า หรืออาจเป็นเพราะเตะหมาบ่อยหรือเปล่า~ อะ อยู่ ๆ เสียงเพลงวิ่งแล่นเข้ามาในหัว
“ที่เป็นพัด เนื่องจากบนโลกมนุษย์เจ้าสามารถเรียกออกมาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านเทพจึงได้ทำเป็นพัดบุปผาอย่างไรเล่า เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ทันทีที่เจ้าไปยังร่างของซานซาน ฟื้นขึ้นมาเจ้าต้องเรียกมันออกมาเลย หากเจ้าต้องการให้เปลี่ยนเป็นกระบี่เจ้าก็ทำวิธีเช่นเดิม แต่เจ้าอย่าลืมว่า กระบี่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว เจ้าต้องเลือกสังหารให้ถูกคน เข้าใจหรือไม่” หวังเย่ร่ายยาว อธิบายเรื่องกระบี่ เอ๊ะ แล้วตะเกียงวิญญาณล่ะ จะเหมือนกันไหม ถามออกไปจะโดนมะเหงกสับเข้าที่หัวไหมเนี่ย
“แล้วตะเกียงผสานวิญญาณเล่า ใช้อย่างไร” ในที่สุดฉันก็ถามออกไป
หวังเย่อมยิ้มน้อย ๆ แล้วยกมือขึ้นมา ฉันหลับตาปี๋ยกมือสองข้างมาปกป้องหัวของตัวเองเอาไว้ นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ
เอ๊ะ ! ทำไมมะเหงกมันนุ่ม ๆ
ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพบว่า หวังเย่ลูบหัวของฉันอยู่ -O-
“เจ้าพอมีปัญญาอยู่เหมือนกัน หลินหลินที่ถามข้า เช่นนั้นข้าจะสอนเจ้า”
ฉันยกมือลงจากหัว พยักหน้าให้หวังเย่
“ตะเกียงผสานวิญญาณเจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกออกมาเฉกเช่นเดียวกับกระบี่ เจ้าต้องตามหากลีบบุปผาให้ครบห้ากลีบจึงค่อยเรียกออกมา วิธีการเรียกเฉกเช่นเดียวกับกระบี่ เมื่อเจ้าเรียกตะเกียงผสานวิญญาณ เจ้าจงนำกลีบบุปผา ใส่เข้าไป เมื่อทำเช่นนั้นซานซานจะกลับมา เจ้าจงจำไว้ทั้งกระบี่และตะเกียงผสานวิญญาณสามารถเรียกออกมาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่หลินหลิน”
หงึกๆๆ <<<< ฉันพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ฉันจะจดจำใส่กะโหลกวิญญาณที่ไม่ค่อยจะมีสมองซักเท่าไหร่เอาไว้
“เจ้ามีคำถามที่จะถามข้าอีกหรือไม่” หวังเย่ถาม มองฉันด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
(-_-)(-.-)(-“-) <<<<< ไม่มีคำถามแต่อยากกวนประสาท
“นี่เจ้า !” หวังเย่เริ่มมีโทสะ
“อ๊ากกก ขะ ข้าไม่มีคำถาม ท่านส่งข้าไปได้แล้ว ข้าอยากไปจะแย่อยู่แล้ว T^T (ประชด)”
“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา” หวังเย่พูดพร้อมกับลากคอเสื้อของฉันไปยังหลุมอะไรไม่รู้ ฉันมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นั่นหลุมดำหรือเปล่า โดดลงไปตายไหม
“เจ้าโดดลงไป” หวังเย่พูดอย่างไม่แยแส
O[]O ฉันอ้าปากเหวอ หันขวับไปมองหน้าหวังเย่
“ขะ ข้าหรือ ทำไมต้องโดดลงไปในหลุมพิลึกนี่ด้วย” ฉันถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แม้จะรู้หน่อย ๆ ว่าหลุมนี้คือหนทางการไปอยู่ในร่างของหลินซานซาน แต่ว่าเท่าที่ฉันดูซีรีย์มา เขาเดินข้ามมิติไปเฉย ๆไม่ได้กระโดดแบบนี้ มันไม่มีทางอื่นแล้วหรือ ฉันกลัวความสูง แง พ่อจ๋า แม่จ๋าแม้หลินหลินไม่เคยหลินหน้า หากเป็นวิญญาณอยู่หนแห่งใด ได้โปรดท่านช่วยลูกด้วย T^T
“เจ้าจะโดดหรือไม่!” หวังเย่ถามเสียงเข้ม
“ขะ ข้าขอทำใจให้สงบซักครู่แล้วค่อยโดดลงไปได้ไหม” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ขาสั่นผับๆ เหมือนเจ้าเข้า
เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่า ทำให้ใจของฉันผวากลัวยิ่งกว่าเดิม ฉันค่อย ๆ ชะโงกหน้ามองไปยังหลุมดำ ๆ ขาว ๆ นั่น เพื่อมองดูว่ามันจะสูงซักแค่ไหน
ทันใดนั้นเอง หวังเย่ก็ใช้เท้าถีบก้นงาม ๆ ของฉันลงไปในหลุม
“จ๊ากกกกกกกกกกกกก! หวังเย่! ท่านมันใจไม้ ไส้มะเขือเทศศศศศศศศ !”
“เหตุใดจึงไส้มะเขือเทศ!” หวังเย่ตะโกนถามผ่านช่องหลุม ถีบฉันลงมายังมีหน้ามาถามอีก
“เพราะว่า ข้าไม่ชอบกินมะเขือเทศศศศศ อ๊ากกกกกกก หวังเย่อย่าให้ข้าได้เกิดเป็นเทพ ข้าจะเอาคืนท่านนนนนน” ฉันแหกปากร้องลั่น เมื่อหวังเย่ถีบก้นลงมาเบื้องล่าง ตอนนี้วิญญาณร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว สูงยิ่งกว่าตึกในเมืองแปดร้อยล้านเท่า กรี๊ดดดดดดดดดดด !