Episode-06 แปลกใหม่

1129 Words
“มันต้องจริงจังขนาดนั้นเลยหรือไง” เห็นคิ้วผูกโบของยัยบ้องแบ้วแล้วอดถามไม่ได้ครับ “มันต้องใช้สมาธินะคะ” “ใช้แค่ความเพ้อฝันของมึงก็น่าจะพอแล้วมั้ง” “งั้นพี่ก็ใช้แค่ความชอบแต่งรถสิคะ ไม่ต้องใช้สมองคิดหรอกว่าทำออกมาแล้วจะสวยหรือเปล่า” “ย้อนกู?” “เปล่าย้อนนะ หนูแค่เปรียบเทียบให้ฟังเท่านั้นเอง” “ไม่ต่างกันมั้ง” “ก็แล้วแต่จะคิด” เถียงเก่งมากไม่รู้แม่สุดที่รักของผมไปเอาความมั่นใจผิด ๆ มาจากไหนว่าเรียบร้อยน่ารัก “จะจ้องอีกนานไหมคะ” “ไม่ได้หรือไง” “...” “ถามจริงมึงคิดออกเหรอ” “แล้วแต่นะ บางวันเขียนไม่ออกเลยก็มี” “แล้วทำไง” “ก็ไม่เขียนไง ฟังเพลง ดูนั่นดูนี่เดี๋ยวพล็อตมันจะลอยเข้าหัวมาเอง” “เก่งเนอะนั่งเขียนอยู่ได้เป็นวัน ๆ เห็นตัวอักษรแล้วตาลาย” “หนูหูฝาดแน่ ๆ พี่กำลังชมใช่ไหมคะ” “เออ” ชมจริง ๆ ครับไม่ได้ประชด การคิดที่จะทำอะไรสักอย่างมันไม่ง่ายเลยนะ ถ้าให้ผมมานั่งคิดนั่งเขียนอะไรแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอกปวดสมองตายพอดี “พี่เดย์” “ว่าไง” “หิว” “เสร็จยังล่ะ กูรอมึงอยู่เนี่ย” “ขอห้านาที” “นาน! สองวิก็พอ” “หายใจเข้าก็หมดเวลาแล้วปะ” “ก็หายใจออกดิ” “พี่ก็กวนประสาทเหมือนกันนะเนี่ย” “เดี๋ยวเถียงไม่ทันมึงไง รีบ ๆ เหอะเดี๋ยวไปปิดร้านก่อน” “ค่ะ” เก็บอุปกรณ์ล้างมือทำอะไรเสร็จปิดร้าน เดินออกมายัยบ้องแบ้วก็รออยู่ที่รถก่อนแล้ว “ปกติพี่นอนที่ร้านคนเดียวเหรอคะ” “เปล่าหรอก ปกติก็กลับไปนอนที่บ้านนั่นแหละ ยกเว้นวันไหนงานเยอะลูกค้ารีบถึงจะนอนร้าน” “อ๋อ แล้วพวกพี่ ๆ ล่ะคะ” “เหมือนกัน บ้านบ้างร้านบ้างจริง ๆ ร้านนี้เป็นของกูแหละ แต่พวกมันก็มีส่วนร่วมกันด้วยเลยตกลงร่วมหุ้นลงทุนแบ่งรายได้ด้วยกันไง” “อ๋อ...” “แล้วมึงล่ะมีเพื่อนสนิทกี่คน” “ก็แตงโมไง” “คนเดียว?” “คนเดียวก็พอแล้วอย่ามีเยอะเลย” “แปลกคน” “แปลกยังไงก็ไม่อยากคบคนอื่น” “คนอื่นไม่คบมึงมากกว่า” “ใช่! พี่รู้ได้ไง” “กวนตีนละ” “คิกคิก” ผมเลือกร้านอาหารตามสั่งริมทางซึ่งร้านนี้เป็นเจ้าประจำของผมเอง “อยากกินอะไร” “อะไรก็ได้ที่มีพริกเยอะ ๆ” “ประชดหรือว่ายังไง” “เปล่านะคะ หนูพูดจริงหนูชอบกินเผ็ด” “แดกไปได้ยังไง” บ่นพึมพำคนเดียวครับก่อนจะเดินไปสั่งอาหาร “ป้าครับคะน้าหมูกรอบเผ็ด ๆ สองจาน” “เอาเผ็ดเลยเหรอวันนี้” “ครับ” จริง ๆ ผมไม่ค่อยกินอะไรรสจัดหรอกนะแต่อยากลองกินตามยัยบ้องแบ้วดูบ้าง กินแต่ของจืดชืดก็เบื่อเหมือนกัน “พี่เดย์...” “อะไรอีก” “คือว่า...ปวดฉี่ พาไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิคะ” “ภาระฉิบหาย” “นะ ๆ ตรงนั้นมันมืดนี่” เธอว่าพลางเบือนหน้าไปยันห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลมากนัก มันก็มืดจริงนั่นแหละ “กลัวผีขึ้นสมองเลยมั้ง” “เปล่าสักหน่อยกลัวความมืดต่างหากล่ะ” “กูรอตรงนี้นะ” “ห้ามแกล้งนะคะ” “อืม” มองผมแวบหนึ่งก่อนจะเข้าห้องน้ำไป “พี่เดย์” “อะไรอีก” “เปล่าค่ะนึกว่าพี่ไปแล้ว” “ให้กูเข้าไปด้วยเลยไหมล่ะ” “จะบ้าเหรอ” “เร็ว ๆ เหอะยุงกัดกูจะตายแล้วเนี่ย” “รู้แล้ว” เป็นเอามากครับ ไม่นานเธอก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ดูท่าทางแล้วคงกลัวจริง ๆ “บางทีมึงก็ขี้กลัวไปนะ” “ในความมืดมันไม่เห็นอะไรเลยนี่คะ” “เรื่องของมึงเหอะ ไปกินข้าวกัน” ตอบแบบขอไปที “พี่ก็ชอบรสจัดเหมือนกันเหรอคะ” มาถึงโต๊ะข้าวก็มาเสิร์ฟพอดี “ไม่หรอก แค่อยากลองกินดู” “แล้วแต่พี่เถอะ เอาที่สบายใจ” เลิกสนใจคนตรงหน้าก่อนจะหันมาตั้งใจกินข้าว มันก็แปลกนะครับ นานมากแล้วที่ผมไม่ได้กินข้าวกับผู้หญิงสองต่อสองแบบนี้ “เป็นอะไร มองหน้าหนูทำไม” “เปล่า” “โกหกตกนรกนะ” “กูจะพามึงไปด้วย” “เราเจอกันแค่ชาตินี้ก็พออย่าสรรหาไปชาติหน้าเลยค่ะ” “คำพูดคำจานะ” “ล้อเล่นเอง” “แต่คิดจริงใช่ไหม” “อือ” “เพลง!” “ฮ่า ๆ กินข้าวค่ะกินข้าว” หัวเราะชอบใจเชียว “พรุ่งนี้ไปลองชุดนะ” “ไม่ได้!! พรุ่งนี้หนูต้องปิดนิยายเรื่องหนึ่งไม่ว่างค่ะ” “งั้นก็วันถัดไป” “โอเคตามนั้น” หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกจนกระทั่งมื้อนี้จบลง “วันนี้พี่มองหนูบ่อยไปนะ ตกหลุมรักหนูหรือไง” “เปล่า กูแค่รู้สึกแปลก ๆ” “แปลกยังไง หนูวุ่นวายกับพี่มากไปหรือเปล่า” “เปล่าช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” “หนูคงไม่ใช่ตัวแทนของใครหรอกใช่ไหม” “พูดอะไรของมึง คนเรามันแทนกันได้ด้วยเหรอ” “แทนไม่ได้แต่แก้เหงาได้” “แต่ไม่ใช่มึง” “...” ผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้เอ่ยคำถามนั้นออกมา ซึ่งผมก็ตอบไปตามความจริงทคนเรามันแทนกันได้ด้วยเหรอ มันไม่มีหรอกนะ ตอนแรกผมคิดว่าเราสองคนคงใช้ชีวิตหลังแต่งงานเหมือนพี่น้องได้ แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ไม่ใช่ว่าหลงเสน่ห์หรือตกหลุมรักยัยบ้องแบ้วหรอกนะ แค่มันรู้สึกแปลก ๆ เท่านั้นเองหรือเป็นเพราะผมไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนนานเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้ จะบอกว่าหวั่นไหวก็คงไม่ใช่ “พี่มีเพื่อนสนิทไหม” “มี” “เพื่อนสนิทนะคะ ไม่ใช่เพื่อนเฉย ๆ” “ก็ไอ้สามสี่คนที่มึงเห็น” “เชื่อว่าสนิทกันจริง ไม่เห็นพวกพี่เขาแปลกใจเลยเรื่องที่พี่ถูกบังคับแต่งงาน” “ก่อนจะถึงมึงก็มีมาหลายคนแล้ว” “แล้วทำไมพี่ไม่แต่งล่ะ” “ก็กูไม่อยากแต่ง” “อยากแต่งกับหนูว่างั้นเถอะ” “หลงตัวเองให้มันน้อย ๆ หน่อย” “ไม่ได้หรอกหนูต้องคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน ทั้งที่พี่ปฏิเสธได้ทำไมพี่ไม่ปฏิเสธเหมือนคนอื่นล่ะคะ ถ้าไม่อยากแต่งกับหนูแล้วมันเพราะอะไร” “อาจเป็นเพราะกูดวงตกก็ได้” “ถ้าอย่างนั้นหนูคงเป็นนางฟ้ามากู้วิกฤตชะตาชีวิตให้พี่สินะ” “เฮ้อ” “ฮ่า ๆ” ถึงกับส่ายหน้าให้ครับ เถียงไม่เคยชนะเลยจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD