ณ อำเภอผาตะวัน
พรสุดาเลขาหน้าห้องทำการโอนสายเข้ามาในห้องทำงานของนายอำเภอหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ทั่วทั้งอำเภอผาตะวัน เมื่อมีคนขอเรียนสายคุยกับนายอำเภอหนุ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ทันทีที่หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ทำงานประจำตำแหน่งก็ต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู พร้อมกับกรอกเสียงทุ้มนุ่มลงไปทักทายปลายสาย
“สวัสดีครับ ผมศรัณพูดครับ”
หลังจากกรอกเสียงลงไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงที่ตอบกลับมาจากทางปลายสายพร้อมกับเรื่องราวที่เขาควรรู้เกี่ยวกับคู่หมั้นสาววัยเด็กยืดยาว ทำให้นายอำเภอหนุ่มต้องเอนหลังพิงกับผนังเก้าอี้ฟังอย่างตั้งใจกระทั่งอีกฝ่ายพูดจบ
“ขอบคุณนมเรียมมากนะครับ ที่โทรมาบอกให้ผมทราบ”
ศรัณบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากแม่นมของคู่หมั้นสาวจอมแสบ เกี่ยวกับเรื่องที่เธอแอบแฝงตัวเข้ามากับทีมอาสาสมัครโดยที่ไม่คิดจะบอกเขาล่วงหน้า
‘ร้ายกาจไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ อิงครัต!’
ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของนายอำเภอเรียบเฉย ยากที่ใครเห็นแล้วจะเดาความรู้สึกของเขาออก นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทเหลือบมองเอกสารบนโต๊ะทำงานที่เลขาหน้าห้องได้เอามาวางไว้ให้เมื่อครู่แวบหนึ่ง แล้วนิ่งคิดถึงรายชื่ออาสาสมัครที่เขาได้อ่านไป
‘ตั้งใจใส่ชื่อปลอมมาขนาดนี้ ต้องมีแผนการอะไรแน่ๆ!’
ศรัณไม่คิดมาก่อนว่าอิงครัตคู่หมั้นสาวในวัยเด็กที่เขาเฝ้ารอมานานด้วยความรักความคิดถึงสุดหัวใจ จะเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการถึงเพียงนี้ ขนาดที่กล้าคิดแผนลวงให้เขาเกือบหลงกลเธอได้
“คุณหนูบอกว่าอยากทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าวก่อนที่จะเข้าพิธีวิวาห์ค่ะ”
นั่นคือสิ่งที่นมเรียมตัดสินใจบอกความจริงกับชายหนุ่ม หลังจากที่ได้แยกตัวออกมาจากสาวน้อย
“โดยวิธีการแฝงตัวเข้ามาร่วมงานกับผม ในฐานะอาสาสมัครคนหนึ่ง”
“ค่ะคุณศรัณ”
‘คิดอะไรไม่เข้าท่าเอาเสียเลย’
ศรัณบ่นพึมพำอยู่ในใจพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมอิงครัตจะต้องลำบากคิดแผนการเข้าหาเขาด้วยวิธีการแบบนี้ อันที่จริงแค่เธอพูดกับเขาตรงๆ เขาก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการศึกษานิสัยใจคอกันแล้ว แถมยังจะให้ความใกล้ชิดเป็นพิเศษกับเธออย่างไม่คิดจะถือเนื้อถืออีกด้วย เพียงแต่เขามีเงื่อนไขสำคัญคือ
…ระหว่างที่ศึกษาดูใจกันเธอจะต้องย้ายมาอยู่กับเขาที่อำเภอผาตะวัน เพราะเขามีตำแหน่งงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ที่นี่
แต่ที่น่าเจ็บใจคือเธอกล้าคิดได้ยังไง ว่าคนอย่างเขาจะจำคู่หมั้นของตัวเองไม่ได้ ดูถูกกันมากไปแล้ว อิงครัต!
ทำไมสาวน้อยไม่คิดว่าในระหว่างที่เธอไปเรียนต่อเมืองนอกเขาจะตามสืบเรื่องราวของเธอมาตลอด ถึงจะอยู่ห่างไกลกันคนละซีกโลกก็เถอะ
‘ในเมื่อลงทุนวางแผนมาขนาดนี้แล้ว ฉันก็จะเตรียมต้อนรับเธอเป็นอย่างดีให้สมกับความเจ้าแผนการของเธอ เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีก็แล้วกัน…อิงครัต!’
คิดถึงตรงนี้มุมปากหยักได้รูปก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยด้วยความเจ้าเล่ห์
“ตกลงคุณศรัณจะทำตามที่นมขอไว้ไหมคะ”
เสียงของนมเรียมทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงภวังค์ความคิด ก่อนจะตั้งสติแล้วเอ่ยถาม
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ก็ที่นมขอให้คุณศรัณทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เวลาเจอหน้าคุณหนูและคอยดูแลเธออยู่ห่างๆ แทนนมยังไงละคะ”
น้ำเสียงเชิงขอร้องจากปลายสายเต็มไปด้วยความกังวล ส่งผลให้คนถูกขอร้องต้องคลี่ยิ้มออกมาบางๆ รับรู้ได้ถึงความห่วงใยของอีกฝ่ายที่มีต่อสาวน้อยอย่างสุดซึ้ง
“คู่หมั้นทั้งคนผมจะปล่อยให้เธอลำบากได้ยังไงละครับ นมเรียมสบายใจเถอะว่าอิงจะปลอดภัย ผมจะปกป้องดูแลอิงแทนนมเรียมเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมจะพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่อิงเป็นคู่หมั้นอย่างที่นมได้ขอร้องเอาไว้ก็แล้วกันนะครับ”
“ขอบคุณคุณศรัณมากนะคะ นมตัดสินใจไม่ผิดเลยจริงๆ ที่เลือกบอกเรื่องนี้ให้คุณทราบ”
นมเรียมระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอก แต่เพียงไม่ถึงอึดใจก็แทบจะหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของอีกฝ่าย
“แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าจะทำได้นานแค่ไหน เพราะดูท่าทางคุณหนูของนมก็แสบไม่ใช่เล่นเลยนะครับ”
“แต่ยังไงก็อย่าใจร้ายกับคุณหนูของนมมากนะคะ”
ปลายสายขอร้องด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ผิดกับคนถูกขอร้องที่หัวเราะอยู่ในลำคออย่างอารมณ์ดี
“วันที่ทำสัญญาหมั้นหมายกันนมก็อยู่ในเหตุการณ์นี่ครับ ตอนนั้นผมให้คำหมั้นสัญญาต่อหน้าทุกคนยังไง ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับ เพราะฉะนั้นถ้านมจำสิ่งที่ผมพูดได้ นมก็ไม่ควรกังวล”
จบคำพูดของศรัณ ใบหน้าของนมเรียมก็ต้องระบายยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะเผลอหลุดพูดประโยคที่นางได้ยิน และจดจำมันไว้อย่างขึ้นใจไม่เคยลืมเลือน
“คุณศรัณบอกว่าจะรักและดูแลคุณหนูด้วยชีวิต”
…………………………………….……..