“นายอำเภอมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”
อิงครัตเอ่ยถามคนตรงหน้าพลางคิดว่าเขาคงมีงานด่วน เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้แจ้งแล้วว่าหากมีเรื่องด่วนก็ต้องพร้อมลงพื้นที่ได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน และดูเหมือนว่าเธอจะลืมคิดไปเลยเลือกสวมชุดนอนพร้อมนอน แทนที่จะเป็นชุดลำลองที่สามารถลุกจากเตียงแล้วลงพื้นที่ได้ตลอดเวลา
ดวงตาคมกริบสีดำสนิทกวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรอย่างถือวิสาสะ ขณะที่ยังคงเงียบไม่พูดอะไร ส่งผลให้แก้มขาวเนียนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะเธอลืมไปว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสื้อนอนเนื้อผ้าบางเบาขนาดนี้สามารถมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คิดได้ดังนั้นสาวน้อยก็ต้องรีบหันหลังแทบไม่ทัน
‘อ๊าย น่าอายที่สุด’
เวลานี้อิงครัตอยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดด้วยความรู้สึกอับอาย แต่ทำได้เพียงก้าวยาวๆ ไปหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ปลายเตียงมาสวมทับเอาไว้ด้วยความรีบร้อน แต่พอหมุนตัวหันหลับมาใบหน้างามก็ชนกับแผงอกกว้างกำยำเต็มแรงจนเซไปทางด้านหลังเพราะไม่ทันระวังตัว เลยได้มือใหญ่คว้าเอาไว้ไม่ให้ล้มไปกองกับพื้นห้อง
‘คนบ้า เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง’
สาวน้อยต่อว่าตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอเกือบล้ม แม้จะช่วยคว้าเธอไว้ได้ทันก็เถอะ ขณะเดียวกันก็ต้องรีบผละออกจากอ้อมกอดแข็งแรงทว่าอบอุ่นอย่างประหลาด ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
“กางมุ้งเป็นหรือเปล่า”
คำถามของเขาบ่งบอกชัดว่าจุดประสงค์ที่เข้ามาในนี้เพราะเรื่องอะไร
“มุ้ง”
อิงครัตทวนคำก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อมองหามุ้งที่ว่า
เมื่อเห็นกิริยาของสาวน้อย ศรัณก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอไม่รู้จักมุ้ง ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอนแคบๆ แล้วดึงมุ้งที่แขวนติดผนังออกมากางให้
“ที่นี่ยุงเยอะ ถ้าไม่อยากเป็นไข้เลือดออกไปนอนหยอดน้ำเกลืออยู่โรงพยาบาลก็ต้องนอนในมุ้ง”
เขาอธิบายกวนๆ ขณะที่จัดการกางมุ้งในเธออย่างชำนาญ อิงครัตได้แต่ยืนมองการกระทำของอีกฝ่ายเงียบๆ กระทั่งร่างสูงสง่าหันมาทางเธอหลังจากที่จัดการกางมุ้งเรียบร้อยแล้ว
“ชอบไปงานเต้นรำหรือเปล่า”
จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยถาม ส่งผลให้คิ้วโค้งงามเลิกขึ้นเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าเขาถามทำไม แต่กระนั้นก็ยอมที่จะตอบอีกฝ่ายแต่โดยดี
“ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ หากไม่จำเป็นจริงๆ ฉันก็เลือกที่จะไม่ไป”
“แต่ดูเหมือนงานนี้คุณจะไม่มีทางเลือกนะ เพราะผมตกปากรับคำคุณบัวรินลูกสาวกำนันบุญมาไปแล้วว่าพรุ่งนี้เย็นผมจะไปร่วมงานประเพณีกินวอที่บ้านกำนันโดยมีคุณไปด้วย”
“ประเพณีกินวอ?”
“ใช่งานกินวอเป็นประเพณีปีใหม่ของชาติพันธุ์ลาหู่ นอกจากคนในหมู่บ้านแล้วก็จะมีญาติพี่น้องต่างหมู่บ้านมาร่วมงานด้วย เราจะได้ถือโอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องไฟป่าด้วยยังไงล่ะ หวังว่าคุณคงไม่มีปัญหา”
“ไม่มีปัญหาค่ะนายอำเภอ”
สาวน้อยตอบรับอย่างไม่เกี่ยงงอนเมื่อมีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่กระนั้นก็มิวายเหน็บแนมอีกฝ่ายในใจ
‘พูดมาขนาดนี้ใครจะกล้ามีปัญหาล่ะ’
ส่วนนายอำเภอหนุ่มคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ พลางออกคำสั่งกับเธอ
“ถอดเสื้อคลุมออก”
“วะ…ว่าไงนะคะ”
อิงครัตร้องถามเสียงหลง ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องมองหน้าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคำสั่งที่จู่ๆ ก็ใช้ให้เธอถอดเสื้อคลุมออกด้วยความตกใจ
“ผมบอกให้ถอดเสื้อคลุมออก”
ศรัณออกคำสั่งซ้ำอีกครั้ง แต่สาวน้อยกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ร่นถอยหนีอย่างอัตโนมัติไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง พร้อมกับต่อว่าอีกฝ่ายในใจ
‘จะบ้าหรือเปล่า จู่ๆ ก็ให้ถอดเสื้อออก หน้าตาก็ดี หน้าที่การงานก็ใหญ่โตแต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนลามกแบบนี้ คนบ้า! ทุเรศ!’
เท้าเล็กก้าวถอยหลังกระทั่งชนเข้ากับผนังห้องหมดหนทางหนี ขณะเดียวกันก็กำสาบเสื้อกระชับไว้แน่น มองเขาด้วยสายตาหวาดระแวงปนตื่นตระหนก
“เป็นอะไรอิง นี่คุณคงไม่คิดว่าผมจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายคุณหรอกใช่ไหม”
ศรัณเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่าย
‘คิดสิ!’
อิงครัตโต้กลับในใจขณะที่คิดหาทางหนีเอาตัวรอด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่อคิดว่าหากเขาใช้กำลังข่มเหงเธอ แรงอันน้อยนิดที่มีคงสู้เขาไม่ได้แน่ๆ
แต่แล้วอิงครัตก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อร่างสูงสง่าก้าวมาหาเธอช้าๆ แล้ววางมือลงบนไหล่มนทั้งสองข้างหนักๆ จากนั้นก็ใช้สายตาคมกริบกวาดมองเรือนร่างอรชรด้วยสายตานิ่งสงบ โดยที่คนถูกมองยืนนิ่งไม่กล้าขยับ
‘กะอีกแค่ให้ถอดเสื้อคลุมออกจะอะไรหนักหนา’
“นะ…นายอำเภอจะทำอะไรคะ”
อิงครัตถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เมื่อถูกมองด้วยสายตาสงบนิ่งยากเกินกว่าจะเดาความคิดของเขาออก
“ช่วยวัดตัว”
ศรัณตอบเสียงหนักแน่น ขณะที่ยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึมบ่งบอกชัดว่าเขาหมายถึงอย่างที่พูดจริงๆ
“วัดตัว”
สาวน้อยย้อนถามเสียงสูง รู้สึกว่าตัวเองหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
“ใช่ แล้วคุณคิดว่าผมจะทำอะไร”
“ปะ…เปล่าค่ะ!”
อิงครัตรีบส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอแอบด่าเขาในใจไปเป็นชุดแล้ว
“ผมจะวัดตัวให้ พรุ่งนี้จะได้ให้คุณพรสุดาหาชุดที่พอดีตัวเพื่อไปงานกับผมตอนเย็น”
“ค่ะ”
อิงครัตพยักหน้าอายๆ แต่แล้วก็ต้องอุทานเรียกเขาเสียงหลง เมื่อเสื้อคลุมที่ห่อหุ้มร่างของเธอลอยลิ่วติดมือใหญ่ของเขาไป ก่อนที่มันจะถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ใยดี
“นะ…นายอำเภอ!”
“อยู่เฉยๆ แล้วผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
ชายหนุ่มออกคำสั่งพร้อมกับล้วงเอาสายวัดจากกระเป๋ากางเกงมาจัดการวัดสัดส่วนให้กับเธอ ทุกการกระทำของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและระมัดระวัง ไม่แม้แต่จะล่วงเกินเธอด้วยสายตาทั้งที่ชุดของเธอล่อแหลมจนยากที่ชายใดเห็นแล้วจะทำนิ่งเฉยได้ หัวใจดวงน้อยของอิงครัตเต้นโครมคราม แต่กระนั้นก็อดพึมพำถามตัวเองในใจไม่ได้
‘นายอำเภอเป็นสุภาพบุรุษ หรือเป็นเกย์กันนะ’
สาวน้อยมั่นใจว่ารูปร่างหน้าตาของตนมีดีไม่น้อยกว่าผู้หญิงคนอื่นเลย โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่ผู้เป็นแม่ให้มาซึ่งดูจะใหญ่โตเกินตัวไปเสียด้วยซ้ำ ทว่ากลับถูกเมินราวกับมันไม่ใช่สิ่งของน่าเชยชมทำเอาความมั่นใจที่มีเกือบมลายหายไปจนแทบจะหมดสิ้นในพริบตา
อิงครัตยืนนิ่งให้เขาจับเธอพลิกไปมาเพื่อวัดตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า รอบอก รอบเอว จนเวลาล่วงเลยผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เขาก็หันไปคว้าเสื้อคลุมที่กองอยู่บนเตียงมาสวมทับให้เธอเช่นเดิม
“ขอบคุณค่ะ”
สาวน้อยกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ความขัดเขินปนประหม่าก่อเกิดขึ้นมาน้อยๆ ดวงตากลมโตเผลอมองบุรุษหนุ่มตรงหน้าที่กำลังจดบันทึกสัดส่วนของเธอใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ดูตั้งอกตั้งใจจนทำให้หัวใจเธอสั่นไหวแปลกๆ ความใกล้ชิดเมื่อครู่ทำให้เธอรู้ใจตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากเขา แต่ในทางตรงกันข้ามกลับชอบที่เขาแสดงความอ่อนโยนกับเธอแบบนี้
‘นี่ฉันหลงรักนายอำเภอเข้าแล้วเหรอเนี่ย!’
“ดึกแล้ว พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดกัน”
หลังจากที่จดสัดส่วนของคนตัวเล็กใส่กระดาษเรียบร้อยแล้วศรัณก็เงยหน้าขึ้นมาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ส่งผลให้คนที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดหลุดจากภวังค์
“คะ…ค่ะนายอำเภอ”
อิงครัตรีบบอก พลางระบายยิ้มหวานส่งให้เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนอาการเขินอายขอตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มหวานๆ นั้นมีอิทธิพลต่อหัวใจของอีกฝ่ายมากแค่ไหน
“ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเวลา”
พูดจบร่างสูงสง่าก็หมุนตัวเดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูให้เธอเสร็จสับ ท่ามกลางดวงตากลมโตที่มองตามกระทั่งประตูปิดลง
……………………………….…………………….