ตอนที่ 1 ลูกมีคู่หมั้น 3

1201 Words
วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์คนที่ทนความรบเร้าของมารดาไม่ไหวได้แต่กล้ำกลืนข่มความอายที่ตัวเองได้ทำไว้บึ้งรถมายังหน้าคอนโดหรูเป็นอันว่าเธอจะต้องเป็นฝ่ายรุกเขาก่อน และแผนการเธอก็เตรียมมาแล้วเรียบร้อย ตลอดระยะเวลาไม่ใช่เธอไม่โผล่หัวมาให้เขาเห็นแต่มีแต่เธอที่เห็นเขาอยู่ฝ่ายเดียว ฉันอาจเหมือนโรคจิตที่คอยแอบมองอยู่ไกลๆ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรไม่ดี เลยปลอบตัวเองได้ว่าไม่เป็นไร “โอ๊ะ นั้นรถเขานี่” ฉันมองรถคันหรูที่พึ่งวิ่งตัดหน้าไป ค่ำมืดแล้วจะไปไหนของเขา แต่เขาจะไปไหนฉันจะสนใจทำไมหรือเขามีแฟนแล้ว “ถ้าเราตามไปเจอและหาหลักฐานได้ว่าเขามีคนของตัวเองอยู่แล้วม๊าอาจยกเลิกงานแต่ง” พอคิดทบทวนดีแล้วฉันจึงขับตามเขาไปห่างๆ ยิ่งขับมาฉันยิ่งสงสัยว่าทำไมเขาถึงขับมาเส้นทางที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟข้างถนน ฉันมองรอบๆ ยังต้องขนลุกเกรียว ‘คิดจะไปไหน’ ฉันค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเมื่อทางข้างหน้ามีไฟแดงและทั้งถนนมีแค่รถยนต์สองคันให้ตายเถอะเขามาทำอะไรที่เปลี่ยวแบบนี้ทั้งที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ หัวก็คิดไปเท้าก็ชะลอความเร็วลงแต่รถคันนั้นก็ยังคงอยู่ในระยะสายตา คลืด....คลืด..... ด้วยความที่ไม่ได้ขับรถเร็วเป็นทุนเดิมฉันจึงกดรับสายพราวฟ้าที่โทรเข้ามา แต่โทรศัพท์ดันตึกอยู่ข้างเบาะอีกฝั่งฉันต้องเอี้ยวตัวก้มลงไปคว้ามันที่อยู่ห่างนิดหน่อย “เขวี้ยงมาซะไกล โทษทีนะลูกแม่เดี๋ยวแม่เปลี่ยนชุดใหม่ให้” ฉันลูบมันเบาๆ อย่างของรักก่อนจะยกยิ้มนิ้วปัดรับสายที่โทรเข้ามา ตู้ม!! โคร้ม!!! “กรี๊ดดดดดด!!!!” พรพิชชาร้องออกมาสุดเสียงโทรศัพท์ที่พึ่งหยิบมาหล่นหายไปอีกครั้ง ภาพตรงหน้าเธอรถยนต์คันนั้นถูกรถหกล้อขนเหล็กฝ่าไฟแดงเข้ามาชนอย่างแรงจนรถอาจตกลงไปข้างถนน ฉันตกใจจนมือไม้สั่นสติสตังเตลิดหายไปกับภาพตรงรถหกล้อคันนั้นค่อยๆ ถอยออกมาและกำลังจะชนอีกรอบ! ปี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉันเหมือนคนสติแตกตบแตรจนมือเจ็บ ก่อนจะสาดไฟหน้าใส่รถหกล้อคันนั้นไม่นานรถหกล้อก็ขับหนีไป พรพิชชายกมือสั่นๆ ขึ้นมาลูบหน้าตัวเองอย่างตั้งสตินี่มันเรื่องบ้าอะไร!! มันไม่ใช่อุบัติเหตุรถคันนั้นตั้งใจชนรถเขา เธอเห็นมันกับตา! ในเวลาเกือบเที่ยงคืนฉันมองคนเจ็บที่พึ่งได้ย้ายออกมาอยู่ห้องผู้ป่วยหลังจากอยู่ห้องผู้ป่วยหนักคอยสังเกตการณ์มาหนึ่งชั่วโมงเต็ม โชคดีแค่ไหนที่เขาแค่แขนหักและหัวแตก แต่แผลถลอกตามผิวขาวๆ นั้นก็เยอะ ฉันไม่รู้จะโทรหาใครดีเหมือนคนสติหลุดไปสามชั่วโมงเต็มในเวลานี้เธอพึ่งคิดได้จึงโทรหามารดาและให้แจ้งไปยังบ้านมณีสิริทรัพย์ว่าลูกชายเขาประสบอุบัติเหตุผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็มีคนเข้ามาในห้องพักที่เธอพึ่งขอให้ย้ายมาห้องพิเศษ เพราะเขาคือนักธุรกิจเธอรู้ว่าการเจ็บป่วยเละมีข่าวหลุดออกไปนั้นจะส่งผลเสียอย่างไร แต่ฉันไม่ได้เป็นห่วงคู่หมั้นที่ตัวเองกำลังจะขอถอนหมั้นหรอกนะ! “ตาธามลูกแม่ ทำไมเป็นอย่างนี้” ทันทีที่ประตูเปิดร่างท้วมของผู้หญิงวัยกลางคนก็ปรี่เข้ามายังเตียงคนเจ็บ ถ้าให้เดาคงเป็นแม่ผู้ชายคนนี้และคนที่คอยปลอบใจอยู่ข้างๆ คงเป็นท่านประธานใหญ่อาณาจักรอาหารสำเร็จรูปของเมืองไทย ฉันขยับกายออกมาจากบริเวณนั้นก่อนจะยกมือเกาะแขนมารดาที่มองมาด้วยสายตาหยั่งลึก พวกเราปล่อยให้ครอบครัวเขาได้อยู่กันพร้อมหน้าเพราะฉันบอกว่าปวดหัวคุณหญิงมาริน่าจึงขอพาออกมาตรวจโรคข้างนอก “พระพายลูกพยายามหาวิธีถอนหมั้นใช่ไหม?” มืออวบวางลงบนมือเรียวสวยเบาๆ จนคนเจ้าแผนการสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมาอย่างใช้ความคิดแต่ก็อย่างกับที่เขาว่าถ้าคนเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่นั้นก็คงไม่ใช่ “ทำไมล่ะ เรายังไม่รู้จักพี่เขาดีเสียหน่อย” “หนูไม่ชอบผู้ชาย” เธอพูดออกไปตามความรู้สึก แต่ก็ต้องมาคิดได้ทีหลังว่าประโยคนั้นมันฟังดูแปลกๆ ไปหน่อย และคุณหญิงมาริน่าก็ยกมือทาบอกไปแล้ว คนที่พึ่งรู้ตัวว่าพูดจากำกวมออกไปรีบยกมือเบรกความคิดมารดาทันที “ไม่ใช่แบบนั้นๆ ม๊าจำสมัยที่หนูเรียนมหาลัยได้ไหม” เธอยังจำได้ดีว่าตอนนั้นลูกสาวคนกลางเธอร้องไห้เป็นเผ่าเต่าเพราะ‘ผู้ชาย’ เธอก็พึ่งมาคิดว่าหลังจากนั้นลูกสาวก็ไม่คุยกับใคร ไม่เปิดใจ และไม่มีแฟนหรือว่าเหตุการณ์นั้นจะทำให้พระพายกลัวบุรุษเพศผู้ไปโดยปริยาย “ยังไงเราก็ไม่ควรปิดกั้นตัวเอง ลูกอยากถอนหมั้นใช่ว่าจะถอนง่ายๆ ป๊าลูกคงยอมไหนจะทางครอบครัวนั้น ทุกคนต่างรอต้อนรับหนูนะลูก” คุณหญิงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะรู้เต็มอกว่าลูกสาวตัวเองอะไรที่ตั้งใจไว้ต้องทำมันให้ได้ รวมถึงเรื่องถอนหมั้น “อยากถอนก็ไปถามฝ่ายชายเอาเอง ม๊าตามใจลูกอยู่แล้ว” “จริงหรือคะ?” ดูท่าทางดีใจของลูกสาวเธอสิ แล้วจะมาเสียใจทีหลังแม่เลือกคนที่ดีที่สุดให้หนูแล้วจริงๆ “ม๊าหนูไม่แต่งงานหนูจะได้อยู่กับม๊านานๆ ยังไงคะ” อ้อนไปหนึ่ง เธอรู้ว่าแม่ตามใจเธอที่สุด “คุณนักรบครับมีคนมาขอเข้าเยี่ยมครับ ชื่อพรพิชชา” ผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวตรงกลางมีเตียงคนเจ็บซึ้งเจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วเชิงถามว่า ‘พรพิชชาไหน’ แต่ก็ยอมให้เข้ามาเยี่ยม “สวัสดีค่ะฉันพระพายเป็นคู่หมั้นของคุณ” “คู่หมั้น?” หางตายาวรีประเมินคนตรงหน้า เดินเข้ามาแล้วบอกว่าเป็นคู่หมั้นเขานี้นะ ใจกล้าเกินไปหรือเปล่า “ค่ะ คุณคงตกใจที่ฉันพูดตรงๆ แบบนี้ แต่ฉันมีเรื่องจะขอคุณยกเลิกงานหมั้นของเราเถอะนะคะ เราไม่รู้จักกัน ไม่ได้ชอบกัน คุณก็คงไม่อยากแต่งกับผู้หญิงแปลกหน้าอย่างฉันหรอกใช่ไหม” ปล่อยไปเต็มแม็กได้ข่าวว่าเขาเป็นคนชอบคนพูดอะไรไม่อ้อมค้อมเป็นไงละตรงพอไหม ฉันได้แต่ลุ้นคนที่ทำหน้านิ่งงันไปทันทีที่ฉันรัวคำถามใส่ ขนาดบาดเจ็บยังหล่อระเบิด โห่...ยอมใจเขาเลย! “แต่ผมคิดว่าเราเหมาะกันดีนะ” “คะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD