ตอนนี้ ไม่มีอะไรจะเป็นความลับอีกแล้ว พราวเดือนทำให้อารมณ์ดำฤษณาซ่อนเร้นลุกโพลง และมันกำลังจะระเบิดออกมา
“หนู....อย่า...อย่าทำเลย”
“ถ้าพ่อไม่ได้หนู ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง”
เสี่ยเวทินเอ่ยกับพราวเดือน ขณะที่เธอมาช่วยทำกายภาพบำบัด ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อก็ให้หนูเยอะเหมือนกัน ถ้าไม่ได้คุณพ่อ...”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ พ่อต่างหากที่ควรต้องพูด”
พราวเดือนเพิ่งสังเกตว่า กางเกงของเสี่ยเวทินพองโตขึ้น ขณะที่มือของเธอเฉียดกรายไปโดนเข้า
หญิงสาวบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่า รู้สึกอย่างไร ที่แน่ ๆ เธอไม่ได้รังเกียจอะไรเขาเลย นึกสนุกด้วยซ้ำ
“มีอารมณ์เหรอคะคุณพ่อ”
แกล้งถาม “แหม...เดี่ยวนี้แข็งแรงใหญ่แล้วนะคะ”
เสี่ยเวทินหน้าม้าน จนหญิงสาวนึกสงสาร
“คุณพ่อคะ หนูรู้นะคะว่า จริง ๆ แล้วคุณพ่อยังมีความต้องการเหลือเฟือ”
คราวนี้ อะไรสักอย่างดลใจให้เธอตัดสินใจทำ
มือที่นวดเฟ้น เลื่อนขึ้นมาที่หน้าขา แล้ว...วินาทีนั้นเอง พราวเดือนก็ทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำเลย มือเรียวของเธอวางประกบลงบนเอ็นเนื้อที่กำลังพองตัวของเสี่ยเวทิน
“หนู...”
เสี่ยเวทินถึงกับหลุดปากออกมา เสียงแหบพร่า ใบหน้าแดง
พราวเดือนตื่นในอารมณ์ เพราะเอ็นเนื้อนั้นพองเต็มจนล้นมือของเธอ มันแข็งอย่างรวดเร็วเหมือนอารมณ์เก็บกดมาช้านาน
“คุณพ่อคะ หนูช่วยนะคะ”
ช่วยในความหมายของพราวเดือนก็คือใช้มือ จากลูบภายนอกก็สอดเข้าไปสัมผัสกับแกนแท้ ๆ ข้างในกางเกง
ใบหน้าของพราวเดือนถึงกับแดงเรื่อขึ้น นึกเปรียบเทียบกับของวาทิต ยังไม่ได้ครึ่งของเสี่ยเวทินเลย ไม่เฉพาะขนาดเท่านั้น แม้ความแข็งแกร่งก็ยังไม่เท่า
เธองัดดุ้นเนื้อออกมาภายนอก
มือเรียวกำรวบความแข็งแกร่งเอาไว้
เสี่ยเวทินหน้าแดง แต่อารมณ์หวั่นไหวปั่นป่วน ก้นถึงกับขยับลอย ขณะที่ถูกลูกสะใภ้สาวชักสาวแท่ง เมือกเหนียวเล็ดลอดออกมาจากรูปล่อยกระสุน
มันคือลาวารักที่เก็บกักเอาไว้เนิ่นนาน ยังไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาแม้แต่ครั้งเดียว ระยะหลังร่างกายเริ่มเข้าที่เข้าทาง ได้แค่กลิ่นของสะใภ้สาว อาวุธก็มีอาการผงาดตื่นตัวชนิดที่ไม่สามารถหักห้ามเอาไว้ได้ทัน
เพราะเหตุนี้เอง พราวเดือนถึงได้ผิดสังเกต