สถานการณ์ที่คิดว่าจะขึ้นกลับเลวร้ายลงอีกครั้งเมื่อ... “เกิดอะไรขึ้นน่ะ” คนที่หลุดปากออกมาคือ เสี่ยเวทิน เพราะเห็นความพลุกพล่านของรถ เสียงไซเรนแหวกอากาศไปในทิศทางที่ตั้งของโรงงาน พลัน โทรศัพท์ดังขึ้น พราวเดือนเป็นคนกดรับสาย แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “ไฟไหม้ค่ะ!” ความเจ็บปวดบนสีหน้าของเหล่าคนงานที่ร่วมสุขร่วมทุกข์มาด้วยกัน ไม่เท่ากับสีหน้าของเสี่ยเวทินเวลานี้ เพราะมันเหมือนกันว่าจะต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่ที่ยังคงความน่าชื่นชมเอาไว้เหมือนเดิมก็คือ ความหนักแน่นของเสี่ยเวทิน เขาสามารถสลัดความวิตกกังวลทิ้งไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะการมัวแต่มานั่งคร่ำครวญถึงความสูญเสียที่ไม่มีวันเรียกคืนได้ ไม่ได้มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียว “โชคดีที่ไหนแล้วที่ไม่มีใครเจ็บหรือตาย” เสี่ยเวทินเอ่ยกับเหล่าคนงานด้วยสีหน้าจริงจัง เงินประกันที่จะได้รับจากบริษัทประกันวินาศภัย มันเหมือนกับการเปิดหน้าประ