อาริตายืนจ้องมองภาพของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาด้วยความไม่มั่นใจเลย หล่อนหมุนตัวไปมา ยกมือขึ้นลูบปอยผม และก็จับชายเสื้อยัดเข้าไปในกางเกงขาสั้นสีขาว
“หรือว่าปล่อยชายเสื้อออกมาดีนะ”
หล่อนลังเล และรู้สึกไม่มั่นใจในกายแต่งกายเป็นครั้งแรกในชีวิต
ทำไมหล่อนจะต้องรู้สึกประหม่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายหล่อเหลาคนนั้นด้วย หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร และมาหาพี่สาวฝาแฝดทำไม
“เอาเถอะ อย่าไปสนใจว่าหมอนั่นจะมองเธอยังไง ริต้า เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด”
ในที่สุดหล่อนก็ละสายตาจากกระจกเงาบานใหญ่ และหมุนตัวเดินออกไปนอกห้องนอน มุ่งหน้าลงไปยังใต้ถุนบ้านที่มั่นใจว่าสองคนนั้นรออยู่
“อยู่นี่เอง”
หล่อนพึมพำแผ่วเบาในลำคอ ขณะเดินมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากม้าหินอ่อนนัก
มาฮัดหันมาเห็นก่อน จึงเรียกเจ้าชายอัฟฟานเบาๆ
“องค์ชาย นางผู้นั้นมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ที่ดูยังไงก็หล่อล่ำน่าปล้ำไม่เปลี่ยนแปลงค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน ภาพตรงหน้าคล้ายกับภาพสโลโมชั่นจากจอโทรทัศน์ที่หล่อนเคยเห็นไม่มีผิด
ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมดุกระด้าง แต่หล่อจัดราวกับเทพบุตรค่อยๆ หันมา หล่อนเผยอปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างจนลูกกะตาดำแทบถลนออกมาเลยทีเดียว
เจ้าชายอัฟฟานระบายยิ้มหยันน้อยๆ เมื่อประสานสายตากับสตรีตรงหน้า
อาริตาหน้าเห่อร้อนจัด เมื่อถูกสายตาคมกล้าตวัดกวาดมองไปเสียทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนที่เขาจะจ้องหน้าหล่อน
“ปกติเธอแต่งหน้าจัดไม่ใช่หรือ มาริสา”
นั่นมันพี่สาวของหล่อนต่างหาก ไม่ใช่หล่อน
“วันนี้ฉันรีบ ก็เลยไม่มีเวลาแต่งน่ะ”
ปกติหล่อนเป็นคนหน้าสดอยู่แล้ว ออกไปไหนมาไหนไม่เคยแต่งหน้าเลย จะมีก็แค่เพียงแป้งฝุ่นเท่านั้นที่แต้มบนใบหน้า
“ว่าแต่คุณเถอะ เป็นใคร มาหาพี่... เอ่อ มาหาฉันทำไม”
เขายิ้มหยัน หันมองไปมาฮัดและส่งสัญญาณ
มาฮัดรีบเดินออกมายืนตรงหน้าหล่อน
หล่อนหรี่ตาแคบมองหน้าผู้ชายตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
“อะไรของคุณ”
“เธอจำผู้ชายคนนี้ไม่ได้หรือ มาริสา”
“ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ”
อาริตาพยายามจ้องมองมาฮัด มองแบบละเอียดลออ แต่ก็กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน
“ฉันไม่รู้จักเขา รวมถึงคุณด้วย”
หล่อนตอบออกไปตามความจริง ก่อนจะเค้นเสียงถาม
“แล้วถ้าคุณสองคนไม่แนะนำตัวกับฉันอย่างเป็นทางการ ฉันจะไปปล่อยเจ้าบ็อบบี้ให้มากัดพวกคุณ”
“ห้ามสามหาวกับเจ้าชายอัฟฟานนะ” มาฮัดตวาดใส่อย่างเอาเรื่อง
อาริตาเลิกคิ้วสูง มองคนที่ถูกอ้างว่าเป็นเจ้าชายอย่างประหลาดใจ
“เจ้าชาย?”
“ใช่ ท่านคนนี้คือ เจ้าชายอัฟฟาน บิน ฮัมเดน อัล-ฟาริส องค์รัชทายาทแห่งมหานครคาร์มาลย์”
“เจ้าชายอัฟฟาน...?”
หล่อนทวนชื่อยาวๆ ของผู้ชายตรงหน้า และก็รู้สึกคุ้นหูแปลกๆ เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ฉันเคยรู้จักพวกคุณเหรอ”
มาฮัดจ้องหน้าสตรีตรงหน้าอย่างโมโห
“อย่ามาทำเป็นเฉไฉคุณมาริสา คุณเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายอัฟฟาน แต่กลับมานอนกับองครักษ์อย่างผม...”
“ห๊ะ?”
ความตกใจที่ว่าผู้ชายตรงหน้าคือว่าที่เจ้าบ่าวของพี่สาวฝาแฝดยังไม่เท่ากับความตกใจที่ได้ยินคำพูดของพ่อองครักษ์ตรงหน้า
“ฉัน... ฉันเคยนอนกับคุณเหรอ”
“ใช่ อย่าทำเป็นสมองปลาทองนักสิคุณมาริสา”
อาริตาได้ยินก็รู้สึกเสียวไปทั้งสันหลัง ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าพี่สาวจะทิ้งเรื่องชวนอาเจียนแบบนี้เอาไว้ให้ เอาจริงๆ นะ หล่อนก็พอจะรู้หรอกว่าพฤติกรรมของมาริสาในขณะที่มีชีวิตอยู่บันเทิงเริงรมย์แค่ไหน แต่ก็ไม่คิดว่ามาริสาจะกล้านอนกับองครักษ์ของเจ้าบ่าวตัวเอง
“ฉัน... ฉัน...”
“อย่าบอกนะว่าเธอจำไม่ได้”
ในที่สุดผู้ชายที่หล่อสุดในสามโลกก็เค้นเสียงออกมาจากริมฝีปากบางสวยจนได้
หล่อนเหลือบตามองเขาอย่างไม่สบายใจ ในขณะที่ภายในหัวก็กำลังคิดหาทางออก
‘พี่แมรี่ ก่อเรื่องเอาไว้อีกแล้วนะ’
“ฉัน... ฉันจำไม่ได้จริงๆ”
“โกหก คุณจะจำไม่ได้ได้ยังไง ในเมื่อเรื่องน่าขยะแขยงที่คุณทำเอาไว้มันเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่เดือนเอง”
ผู้ชายที่กล่าวหาว่ามาริสานอนด้วยเค้นเสียงเดือดดาล ซึ่งหล่อนไม่ใช่คนที่จะสงบปากสงบคำอยู่แล้ว หล่อนจึงโต้ตอบออกไปเช่นกัน
“ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง งั้นก็แสดงว่าคุณเองก็ทรยศเจ้านายเหมือนกันนั่นแหละที่หลวมตัวมามีอะไรกับฉันน่ะ”
มาฮัดชะงักอึกอัก หันไปมองเจ้าชายอัฟฟานที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยความตกใจ
“กระหม่อม... กระหม่อมพยายามแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ผู้หญิงคนนี้ยั่วยวนกระหม่อมหนักเหลือเกิน กระหม่อมก็เลย... ก็เลย...”
“ไม่ต้องพูดหรอกมาฮัด เราเข้าใจเจ้าดี เพราะเราเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้าเกิดวันหนึ่งวันใดมีผู้หญิงใจแตกมายืนแก้ผ้า หรือถ่างขารอตรงหน้า เราก็คงไม่อาจจะต่อต้าน หรือปฏิเสธได้เหมือนกับเจ้านั่นแหละ”
“นี่พวกคุณ... เข้าข้างกันแบบนี้ได้ยังไงกันคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อฉันรู้จักคนของตัวเองดี ในขณะที่ฉันไม่รู้จักเธอเลย มาริสา”
นี่ให้ตายเถอะ หล่อนอยากจะตะโกนบอกออกไปนักว่าตัวเองชื่ออาริตา ไม่ใช่มาริสาอย่างที่เขากำลังใจ แต่... แต่ก็ทำไม่ได้