Chapter 4-เพื่อนกัน

824 Words
Chapter 4-เพื่อนกัน  “ไม่ได้เจอกันซะนาน ดูมึงเปลี่ยนไปนะครีม” ธันย์เอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะมองไล่ต้นขาฉันที่ใส่กางเกงขาสั้นจุ๊ดเพราะกำลังเตรียมตัวนอน แล้วไล่สายตาไปที่เสื้อสายเดี่ยว ก็เพราะกำลังเตรียมนอนอีกนั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เคยเห็น อย่างที่บอกอาบน้ำด้วยกันตอนเด็ก ๆ ยังเคย แต่…ตั้งแต่สมัยอนุบาลนะ “ทีนายล่ะ ยังเปลี่ยนเลย” “ไม่นะ เหมือนเดิมทุกอย่าง ไข่ก็มีสองฟองเท่าเดิม” มันยั่วประสาทจนฉันเริ่มหมั่นไส้ ดูเถอะธันย์ทำตัวปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ช่างไม่เหมือนคนที่บอกไม่อยากจะคบฉันเป็นเพื่อนในวันนั้นเลยสักนิด แต่พอเห็นมันทำตัวปกติ ฉันก็เลยต้องทำตัวไปตามน้ำ บางทีมันอาจจะลืมเรื่องวันนั้นแล้วก็ได้ ผ่านมาแล้วตั้งเป็นปี “เลิกพูด ไปนั่งก่อนเลยไป” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องพูด ส่วนหนึ่งจะว่าอายสายตาของมันที่มองมาก็คงใช่ “หิว มีไรให้กินบ้าง” ธันย์ทำท่าลูบท้องเหมือนสมัยก่อนที่มันชอบทำ “จะสี่ทุ่ม หิว?” “เออ มาหาเพราะรู้ว่าห้องมึงต้องมีอะไรให้กูกิน” “ตลกล่ะธันย์ ไม่เจอกันเป็นปี พอเจอหน้าปุ๊บหิวปั๊บ ไม่มีแบบบอกคิดถงคิดถึงกันสักนิดก่อนงี้ไม่มีเลย” ฉันบ่นให้ “อยากให้พูด?” “ก็อย่างน้อย มันก็ควรมีเป็นมารยาทไหม” “คิดถึง…” ธันย์พูดออกมาปุบปับ ชนิดที่ว่าคนฟังอย่างฉันยังไม่ทันได้เตรียมใจ ความเงียบระหว่างเราเกิดขึ้นอีกครั้ง.. “อีกแหละ” ฉันคว่ำปากใส่มัน เพราะรู้ว่าเขาคงพูดเล่นเหมือนทุกที “ไรวะ ก็กูคิดถึงมึงจริง ๆ แล้วมึงอะ คิดถึงกูไหม” “ไม่อะ เกือบลืมไปแล้วด้วย” คนเราก็นะชอบพูดออกมาปากไม่ตรงใจอยู่เสมอ “มึงนี่ใจร้ายไม่เคยเปลี่ยน” “ธันย์ ถ้านายว่าฉันใจร้ายอีกคำเดียว นายไม่ต้องกงต้องกินมันเลย กลับห้องไป” “โอเค เงียบให้” มันยิ้ม ในขณะที่ฉันทำหน้างอเดินเข้าไปในโซนห้องครัว ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที บะหมี่สำเร็จรูปรสหมูสับหอมกรุ่นก็ถูกเอามาวางตรงหน้าธันย์ หลังจากที่ฉันหายเข้าไปตรงโซนทำครัวเมื่อครู่ “โห…จำได้ด้วยว่ากูชอบกินรสนี้” “บ้าเหอะ ห้องฉันมีแต่บะหมี่สำเร็จรูปย่ะ” “รสต้มยำก็มี รสต้มโคล้งก็มี แต่มึงไม่เลือก เพราะรู้ว่ากูไม่ชอบรสอื่น มึงจำได้แหละว่ากูชอบ” ธันย์พยักหน้าให้ฉันหันไปมองตามบะหมี่สำเร็จรูปที่แม่เตรียมเอาไว้หลายสิบรสที่วางตั้งหลาอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตรงโซนครัว ทำเอาฉันพูดไม่ออก ก่อนจะหันกลับมาสู้สายตากับมันต่อ “ใช่ไหม มึงจำได้แหละ ว่ากูชอบ” ธันย์เลิกคิ้วเข้ม ๆ ของมันยั่ว ส่วนฉันก็ได้แต่เม้มปากเพราะดันเป็นแบบที่มันพูดจริง ใช่สิ...ทำไมฉันจะจำไม่ได้ละว่ามันชอบกินรสอะไรไม่ชอบกินรสอะไร ก็เราสองคนสนิทกันตั้งแต่เด็ก “สรุปนายจะกินไม่กิน ถ้าไม่กินฉันจะได้เก็บ พูดมากอยู่ได้น่ารำคาญ” ฉันชักสีหน้า ทำท่าจะชักชามกลับ แต่ธันย์ก็ดึงชามเอาไว้ก่อน “กูไม่ได้กินฝีมือของมึงมาตั้งเป็นปี อะไรวะแค่นี้ก็จะไม่ให้กูกิน” “บ้าปะ แค่กดน้ำร้อนแล้วใส่ชามเถอะ พูดซะเว่อร์ ถ้าจะกินงั้นก็รีบเลยให้ไว รีบกินแล้วจะได้รีบกลับ เพราะฉันเพิ่งย้ายเข้ามาเหนื่อย ๆ ง่วง! เข้าใจไหม” “จะกินด้วยกันไหมล่ะ” “ไม่ ไม่กินอาหารหลังสี่ทุ่ม” “ไดเอ็ต?” “เออดิ เข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะให้ปล่อยตัวเป็นช้างน้ำได้ยังไงถามอยู่นั่นเมื่อไหร่นายจะกินสักทีฮะ!” ฉันตัดบทอย่างรำคาญ ส่วนธันย์ก็ไม่รู้ยิ้มอะไรนัก เขานั่งก้มหน้าก้มตากินไปเงียบ ๆ ส่วนฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ...แค่บรรยากาศเก่า ๆ ของความเป็นเพื่อนกลับมาเหมือนวันที่เรายังเคยเป็นเพื่อนกันอยู่ ใบหน้ามันก็เปื้อนยิ้มมาเฉย ๆ เขาจะจับสังเกตความรู้สึกฉันได้ไหมนะว่าดีใจมาก มากกว่าเสียใจที่ได้เจอ ที่สำคัญที่ฉันบอกว่า “ลืมไปแล้ว” เมื่อกี้นี้ฉันโกหก … ความจริงคือฉันคิดถึงเขามาก …มาก ๆ ด้วย แต่…พอเห็นบรรยากาศที่พวกเรากลับมาเป็นแบบตอนนี้ก็พาลให้ฉันนึกไปถึง ตอนม.5 ???
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD