บทที่ 3 สมหวังสักที

1330 Words
ใช้เวลาอยู่ในร้านหมูกะทะประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พ่อเลี้ยงภูริชก็รู้สึกเบื่อแล้วก็เริ่มเวียนหัวกลิ่นควัน เริ่มรบเร้าเด็กในความดูแลให้กลับ โดยปกติถึงแม้ว่าจะกินอิ่มแต่เธอจะนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ต่ออีกเป็นชั่วโมง แต่ด้วยความที่มากับผู้ปกครองก็ต้องตามใจเขาหน่อย และที่สำคัญคือมื้อนี้เขาเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด บรรดาเพื่อนของเธอยิ้มแก้มปริดูอารมณ์ดีกันมาก แถมยังคะยั้นคะยอให้เธอรีบกลับบ้านไปกับเขาอีก "คราวนี้ไม่เห็นจะเรียกร้องให้ฉันอยู่เลย" "เอาน่า มื้อนี้พวกฉันกินฟรีนะยะ แล้วเจอกันอีกทีวันงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชานะ" "อืม เจอกันนะ" เธอโบกไม้โบกมือลาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังจะเตรียมตัวกลับกัน ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพากันลุกขึ้นเดินออกมายังเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้พ่อเลี้ยงภูริชกำลังชำระเงินอยู่ "ขอบคุณมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง วันนี้พวกหนูอิ่มกันมากเลยค่ะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอาไว้ไปกินที่งานประจำปีโน่น รับรองว่าอาหารถูกปากกินกันพุงกางไปเลย" ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็ก ๆ ทั้งหลาย ความจริงในวัยอายุแบบเขาน่าจะคุยกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่ด้วยความที่อยากปรับตัวให้เข้ากับแบมบี๋ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องทันโลกอยู่ตลอด อะไรที่เป็นเทคโนโลยีมาใหม่ หรือแม้กระทั่งของแบรนด์เนม collection ใหม่ เขาก็จะต้องตามให้ทันเพื่อเอาอกเอาใจเด็กในความดูแล "ขอบคุณมากเลยนะคะ วันนี้แดดดี้ใจดีมากเลยค่ะ" แบมบี๋ยิ้มออกมาด้วยความอารมณ์ดี แดดดี้ของเธอโดยปกติก็เป็นคนใจดีแบบนี้แหละ แต่ด้วยความที่ช่วงหลังเธอไม่ได้ออกมาพบเจอเพื่อนฝูง และเขาเองก็ค่อนข้างมีงานยุ่ง ก็เลยไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เขามากับเธอก็จะเป็นเจ้ามือแบบนี้ตลอด "ก็ใจดีแบบนี้อยู่แล้ว แล้วเราล่ะเมื่อไหร่จะใจอ่อน" "ชิ~ กลับกันเถอะค่ะ" หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาอย่างเขินอาย ก่อนจะพากันเดินควงแขนตรงไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้าร้าน แล้ววันนี้เขาขับรถนำเข้าหลักสิบล้านออกมา โดยปกติจะขับแค่รถกระบะคันเก่าของไร่เท่านั้น ซึ่งรถคันนี้มีดีไซน์เรียบหรูและทันสมัย สีภายนอกเป็นสีดำเงางามสะท้อนแสงไฟจากถนน "เข้าไปได้แล้วค่ะ" "ขอบคุณค่ะ" พ่อเลี้ยงภูริชเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่งอยู่ข้างใน กลิ่นของเครื่องหนังแทบตีขึ้นจมูก เพราะตั้งแต่ซื้อมาเขาขับเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง อากาศเย็นสบายจนแบมบี๋เผลอเคลิ้มหลับไป ชายหนุ่มเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับจากนั้นก็ทำการสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทางทั้งคู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งประเด็นหลักที่จะคุยกันก็น่าจะเป็นเรื่องอนาคตของทั้งคู่ "พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม" "คะ... ว่ามาสิคะ" หญิงสาวเหลือบสายตาหันไปมองด้วยความสงสัย "ทำไมหนูถึงไม่ยอมเป็นเมียพี่สักที พี่ไม่ดีตรงไหนหรือว่าพี่อายุมากเกินไป" เขาเอ่ยถามหญิงสาวไปตามตรง เอาจริงมันก็รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่รับรู้ว่าเราสองคนอายุค่อนข้างห่างกันเยอะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเลือกได้เขาก็คงอยากเกิดห่างจากเธอเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นอุปสรรคหลักที่เธอไม่ยอมรับรักเขาสักที "มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าอายุมากเกินหรอกค่ะ แดดดี้ยังดูหนุ่มแน่นอยู่เลย แต่เป็นหนูเองมากกว่าที่เด็กจนเกินไป ไม่เหมาะสมกับพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริชเลยแม้แต่น้อย" เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถ้าถามว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้เป็นยังไง บอกเลยว่าทั้งหัวใจมีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะปากแข็งและใจร้ายกับเธอในอดีต แต่ทุกสิ่งที่เขาทำคือรักและหวังดีกับเธอในทุกเรื่อง "ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แค่เราสองคนรักกันมันไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาเลยนะ" เขายื่นมือมากุมมือหญิงสาวเอาไว้ หันไปมองสบตาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างออกมา "พี่แค่อยากรู้ว่าบี๋คิดกับพี่เหมือนกับที่พี่คิดหรือเปล่า" "แล้วแดดดี้คิดอะไรล่ะคะ" เธอเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่มันคลุมเครือของเราทั้งคู่ มันคาราคาซังมาโดยตลอดไม่จบสิ้นสักที บางทีวันนี้อาจจะเป็นการเคลียร์ครั้งสุดท้ายก็ได้ วัยอายุของพ่อเลี้ยงไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเกิดเขาจะต้องมารอแบบไม่มีจุดหมาย ก็คงจะต้องโสดจนขึ้นคานไปเลยอย่างที่เคยรับปากกับเพื่อนรัก แต่คงทำใจไม่ได้ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งต้องเห็นผู้หญิงที่เขารักแต่งงานเป็นของคนอื่น "ก็แดดดี้รักหนูไง ไม่รู้หรอกว่ารักตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้รักก็พอแล้ว" และเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็ระบายยิ้มออกมา ก่อนจะซบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง "แบมก็รักแดดดี้ค่ะ หัวใจดวงนี้ไม่เคยมีใครเลยนอกจากแดดดี้คนเดียว ถ้าเกิดแดดดี้ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องอายุของหนู ก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วค่ะ" "หมายความว่าหนูรับรักพี่แล้วถูกไหม" เขาเองก็ลุ้นในคำตอบของเธอเป็นอย่างมาก จึงต้องถามกลับเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายคนรัก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข "ใช่ค่ะ" "น่ารักที่สุดเลย รู้งี้พามากินหมูกระทะนานแล้ว ไม่ปล่อยให้นานขนาดนี้หรอก" "มันไม่ได้เกี่ยวกับหมูกระทะสักหน่อย เฮ้อ! แดดดี้เนี่ยนะ" ทั้งสองคนมองสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เธอไม่อยากจะบ่ายเบี่ยงกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ถ้าหัวบอกว่าใช่ มันไม่มีอะไรที่เธอกับเขาจะต้องปฏิเสธมันอีกต่อไป แค่ยอมรับหัวใจของตัวเองเท่านั้น จากนี้ทั้งคู่ก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเปิดเผยสถานะ ไม่ต้องคลุมเครือแบบนี้อีก ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองคนใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไป ตามหึงหวงไปรับไปส่งกันตลอด ใครก็มองว่าแบมบี๋เนี่ยแหละคือนายหญิงของไร่ในอนาคต และคงไม่ผิดคาดไปจากที่เดาสักเท่าไหร่ เพราะในที่สุดทั้งสองคนก็สมหวังกันสักที "ถึงแล้วลงมาค่ะ" "ค่ะ แดดดี้ไปอาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าจะได้สดชื่น มีประชุมตอนเก้าโมงเช้านะคะเรื่องงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชาค่ะ" "ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่กลับห้องก่อนนะ" "ค่ะ แยกกันตรงนี้นะคะ" เธอยื่นริมฝีปากไปจุ๊บแก้มชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความเขินอายก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็ว พ่อเลี้ยงภูริชยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ มองตามหญิงสาวไปจนลับสายตาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ "อาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนเหรอ... หึ ฝันไปเถอะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD