อยากฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆแล้ว!

1156 Words
“ไปทำเอกสารให้เสร็จเถอะ พรุ่งนี้เช้าพี่ต้องเห็นรายงานชุดนั้นวางอยู่บนโต๊ะทำงานของพี่” “ค่ะ ทราบแล้วค่ะ” กฤติกาก้มหน้ารับคำสั่งแล้วเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเอง นอกจากงานที่รุ่นพี่มอบหมายให้แล้ว เธอยังต้องสะสางงานเก่าเพื่อส่งมอบให้คนที่จะมาทำงานในตำแหน่งของเธอทำต่อ อยู่กรุงเทพฯมาตั้งหลายปี ไม่ได้ซึมซับความเป็นคนกรุงเลยสักนิด หรือว่านิสัยขี้เหงาแต่ชอบอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใครจะชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายอย่างนี้ เพราะใช้ชีวิตคนเดียวจนชิน ได้เวลาเลิกงานแล้วแต่เธอไม่รีบร้อนออกจากบริษัท ก็ไม่รู้จะรีบกลับไปทำไมนี่นะ รถก็ติด เธอมักนั่งเล่นในที่ทำงานต่ออีกหน่อย กว่าจะเก็บกระเป๋าออกจากที่ทำงานก็มักจะหลังหกโมงเย็นไปแล้ว แต่วันนี้กฤติกาอยู่พิมพ์รายงานการประชุมจนเย็นค่ำ เธออ่านตรวจทานอีกรอบแล้วจึงปริ้ตเอกสารใส่แฟ้มให้เรียบร้อย หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่แล้วถือเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของพี่ศศิ ถ้า...ถ้าเธอไม่อยู่แล้วจะมีใครคิดถึงเธอบ้างไหมนะ กฤติกาได้แต่ยิ้มเศร้าให้ตัวเอง เธอแพ้แล้ว อย่างที่พ่อพูดไว้จริงๆ เธอไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่กรุงเทพเลยสักนิด ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้งแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน ทว่าร่างของเธอก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกำยำที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า “อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!” กฤติกาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องเบิกตากลมโตกว้างแล้วเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมตัว “คุณไรอัน” ประธานหนุ่มเห็นคนตัวเล็กถอยหลังเตรียมตั้งท่าจะหนีก็รีบยื่นมือไปโอบเอวบางมาแนบชิดกับร่างกำยำของตนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนหญิงสาวไม่ทันตั้งหลัก ร่างเล็กเข้าไปซุกซบในอกของเขาแล้ว “ได้เจอตัวสักที” “คะ?” ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ เขาพูดเรื่องอะไรกัน มุมปากกระตุกยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เสียวสันหลังชอบกล กฤติกาพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนที่โอบรัด “คุณทำได้แสบมากนะ กฤติกา!” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงัก หรือเขาจะโกรธเธอเรื่องคืนนั้น ดูท่าทางจะโกรธขนาดอยากฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆแล้ว! ... เพราะต้องการ ‘คุย’ เป็นการส่วนตัว ไรอัน โจนส์ กึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวขึ้นรถยุโรปแล้วขับมาที่คอนโดกลางกรุงของตน เมื่อมาถึงห้อง เขาก็จัดการล็อกประตูอย่างแน่นหนาให้มั่นใจว่าคราวนี้เธอจะไม่หนีเขาไปได้อีก หญิงสาวนั่งที่โซฟาตามที่เขาสั่ง เขาถอดเสื้อสูทออกตามด้วยเนคไทและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเพื่อคลายร้อน แต่หญิงสาวกลับนั่งไหล่ห่อบีบมือตัวเองแน่น ท่าทางตอนนี้ต่างจากผู้หญิงที่ชวนมีเซ็กส์กับเขาลิบลับ ดูไปดูมาก็น่ารักน่าเอ็นดูดีเหมือนกัน มือใหญ่เอื้อมมาจับมือเธอให้แยกออกจากกัน กฤติกาเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นว่าเขาโน้มตัวมาใกล้จนได้กลิ่นหอมผสมเหงื่อจางๆ ที่ชวนให้รู้สึกวาบหวามในช่องท้อง “จะบีบมืออะไรนักหนา ผมไม่ได้เรียกคุณมาฆ่าแกงเสียหน่อย” เขายิ้มมุมปากแล้วเงยตัวขึ้น “ดื่มอะไรหน่อยไหม” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาจนผมที่รวบเป็นหางม้าสั่นไหว แต่ไรอันเดินไปหยิบขวดน้ำแร่มาสองขวด เปิดฝาขวดแล้วส่งให้เธอ เมื่อหญิงสาวยื่นมือมารับแล้วจึงเปิดขวดของตัวเองยกขึ้นดื่มง่ายๆ โดยไม่รู้ว่าสายตาของหญิงสาวเผลอจ้องมองลำคอของเขา ทั้งที่ไม่หิวน้ำก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที กฤติการีบยกน้ำขึ้นดื่ม แต่เพราะรีบร้อนจึงสำลัก “โอ๊ะ! โทษที ปกติไม่ค่อยรับแขกเลยไม่ได้เอาแก้วน้ำให้” ไรอันพูดตามจริง ถ้าจะหิ้วผู้หญิงมามีเซ็กส์ด้วย เขาจะเปิดห้องที่โรงแรมไม่เคยพาใครมาที่ห้องนอนอย่างนี้ ส่วนเธอคือคนแรกที่เขาละเมิดกฎของตัวเอง เอาเถอะ ยังไงเธอก็ทำเขาให้ทลายกฎของตัวเองมาหลายข้อแล้ว “ไม่ค่ะ ฉันผิดเอง ไม่ระวังเอง” เธอยกหลังมือเช็ดมุมปากอย่างลืมตัว รู้สึกชื้นที่อกเสื้อจึงก้มมอง เสื้อเชิ้ตสีครีมเปียกน้ำจนเห็นชุดชั้นในลูกไม้สีพีช “ขอโทษค่ะ ขอโทษ” เธอรีบพูดขึ้นพร้อมทั้งยกมือขึ้นปิด แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งแล้วเอ่ยถาม “ปกติพูดขอโทษบ่อยแบบนี้เหรอ” เขาส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูส่งให้เธอซับน้ำ “พูดขอโทษบ่อยไปก็ฟังดูไม่ค่อยจริงใจนะ” “ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ” คราวนี้เธอยกมือขึ้นปิดปาก เธอพูด ‘ขอโทษ’ อีกแล้ว ไรอันหลุดหัวเราะออกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองดูท่าทีตื่นกลัวของอีกฝ่าย จากประสบการณ์ชีวิตทำให้มั่นใจได้ว่าเธอไม่ได้เสแสร้งทำตัวไร้เดียงสา แต่นี่เป็น ‘นิสัย’ของเธอจริงๆ เห็นรอยยิ้มแบบที่ไม่เคยเห็นทำให้กฤติกาเริ่มผ่อนคลายลง คราวนี้เธอต้อง ‘ขอโทษ’ เขาแล้วจริงๆ เธอสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยประโยคนั้นออกมาอีกครั้ง “ขอโทษนะคะ” “คราวนี้เรื่องอะไร” เขายิ้มแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้บุบนวมตัวใหญ่ เพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวแต่งหน้าบางๆ แต่น่ามอง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอมส้มดูเหมาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อะไรๆ ใต้เสื้อผ้าไม่เล็กอย่างที่คิด เขายังจำได้ว่าภายใต้เสื้อผ้าเรียบง่ายนี้คือหน้าอกพอดีมือกับสะโพกผายที่เย้ายวนชวนขย่มเหลือเกิน “เรื่องคืนนั้น...” “อ้อ...ใช่...เรื่องคืนนั้นคุณสมควรขอโทษผม...” กฤติยายิ้มเศร้า ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็พูดไปเลยแล้วกัน จะได้ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีก “ต้องขอโทษมากๆ นะคะ คือ...ฉันไม่เจียมตัวเอง ไม่มีประสบการณ์ ทำอะไรไม่เป็นเลยทำให้บอส ไม่มีความสุข ฉัน...ฉันต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ” คราวนี้ไรอันเป็นฝ่ายอ้าปากค้าง เขามั่นใจว่าฟังภาษาไทยได้เข้าใจความหมายเป็นอย่างดี แต่...แต่เธอพูดเรื่องอะไร หรือว่า...เธอเข้าใจไปว่าเพราะตัวเองเป็นสาวเวอร์จิ้นไม่มีประสบการณ์เลยทำให้เขาไม่มีความสุข
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD