กฤติกา คือชื่อของหญิงสาวร่างเล็กสูง156 เซนติเมตร พ่อของเธอชอบดูดาวเลยตั้งชื่อตามกลุ่มดาวลูกไก่ แต่จะตั้งชื่อเล่นลูกสาวคนเดียวว่าดาวลูกไก่ก็จะยาวไป ไปๆมาๆกลายมาเป็น ‘ดาว’ ได้ไงก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ เธอเหลือเวลาทำงานในบริษัทนี้อีกแค่สองอาทิตย์เท่านั้น เธอยื่นใบลาออกแล้ว หัวหน้าเองก็ได้แต่ถอนหายใจ และขอให้เธอทำงานให้ถึงสิ้นเดือน ซึ่งกฤติกาก็ไม่ปฏิเสธ เธอก็ไม่ได้อยากลาออก แต่เพราะคำสั่งของพ่อ เธอเองก็ผลัดมานานถึงสามปีแล้ว ได้เวลาต้องกลับบ้านนอกแล้ว
เธออยากใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ นั้นเป็นความคิดตั้งแต่อยู่มัธยม ทำให้เธอแอบสมัครเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทั้งที่พ่อแม่และพี่ชายทั้งสามต่างต้องการให้เธอใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด แต่ในเมื่อเธอสอบได้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ชีวิตที่อยู่ไกลบ้านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเธอมากนัก หลังเรียนจบเธอก็รีบสมัครงานซึ่งก็นับว่าโชคดีที่เธอได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้ทันทีที่เรียนจบ คราวแรกพ่อให้เวลาเธอแค่สองปี ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด พวกเขาก็จะมารับเธอกลับบ้าน แต่เธอก็ยื้อไว้จนปีที่สาม ดูเหมือนเธอก็ยังคงเป็นแค่พนักงานเล็กๆ เท่านั้น
คนที่ทำให้เธอกระตือรือร้นอยากมาทำงานทุกวันก็คือบอสสุดหล่อ ‘ไรอัน โจนส์’ เจ้าของความสูง185 เซนติเมต รเรียกได้ว่าเป็นนายแบบได้สบายๆ รวมทั้งหน้าตาหล่อเหลา หากไม่เพราะได้ยินเขาพูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำก็คงไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง บิดาเป็นชาวอังกฤษส่วนมารดาเป็นคนไทย ส่วนเธอเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา แน่นอน เพราะเขามักคบกับคนระดับเดียวกันเสมอ ผู้หญิงที่เขาควงแต่ละคน ถ้าไม่ใช่ดารานางแบบชื่อดังก็เป็นคนในแวดวงไฮโซ เธอเคยเห็นข่าวของเขาบ่อยๆ
อันที่จริง ความรู้สึกของเธอที่มีต่อBossสุดหล่อ อาจเรียกได้ว่าเป็นความชื่นชม หลงใหลคลั่งไคล้ตามประสาสาวโสดก็ว่าได้ และเพราะคืนนั้นความเมาจากเครื่องดื่มสีสวยที่ไม่คิดว่าน้ำหวานๆจะเมาได้ ทำให้เธอกล้าหรือบ้าบิ่นก็ไม่รู้ คืนนั้น เธอดื่มเข้าไปหลายแก้วและหมายมั่นปั้นมือจะต้องมีอะไรกับบอสสุดหล่อก่อนที่เธอจะกลับบ้านเกิด เธอดื่มไปหลายแก้วและรู้สึกมึนขึ้นมานิดๆ แต่กระนั้นสายตาของเธอยังคงอยู่ที่ผู้ชายในชุดสูทสีเข้ม แม้ว่าเวลานี้เนคไทคลายลงจากปกเสื้อเล็กน้อย ในมือของเขาก็ถือแก้วเครื่องดื่มยืนคุยกับหัวหน้าของเธออยู่
คืนนั้นเป็นงานเลี้ยงของบริษัท หลังจากที่ไม่มีงานเลี้ยงให้ลูกน้องได้สังสรรค์มาสองปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ของโรงแรมหรูระดับห้าดาวต้อนรับพนักงานทุกแผนกของบริษัท กฤติกาเป็นแค่พนักงานที่แทบไม่มีตัวตน ทำงานมาเกือบสามปีแต่แทบไม่มีใครรู้จักเธอเลย เรื่องนั้นก็ช่างมันเถอะ เพราะแรงบันดาลใจในการตื่นเช้ามาทำงานของเธอก็คือได้เห็นหน้าหล่อเข้มของบอส แม้ว่าจะได้เห็นแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม แต่ต่อไปนี้ เธอก็คงจะไม่ได้มองเขาอีกแล้ว
หญิงสาวก้มมองแก้วเครื่องดื่มที่พร่องไปเยอะแล้ว นี่ก็คงเป็น...แก้วสุดท้ายของเธอเหมือนกัน เหมือนกับชีวิตในการทำงานของบริษัทแห่งนี้ เธอรอจนเขายืนคนเดียวแล้วจะเข้าไปทัก
“บอสค่ะ”
“ครับ?”
กฤติกาจำสายตาที่เขาแค่ปรายตามองเธอที่สวมชุดเดรสสีม่วงเปลือกมังคุดกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สายตาของเขาทำให้เธอทั้งน้อยใจและโกรธขึ้นมาในเวลาเดียวกัน อาศัยว่าเขายืนอยู่คนเดียวและเสียงเพลงที่ค่อนข้างดัง ทำให้เธอต้องขยับเท้าเข้าไปใกล้ ส่งเสียงพูดออกไป และเขาก็ได้ยินไม่ชัดจึงเป็นฝ่ายโน้มหน้าลงมาใกล้เธอ
“คือ...วันนี้วันเกิดฉันค่ะ”
“อ่อ...”
เขาเพียงรับคำในลำคอ แต่สายตายังจ้องมองเธออยู่ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่เธอเคยได้กลิ่นตอนที่เขาเดินผ่านในที่ทำงานทำให้เธอปั่นป่วนและหัวใจเต้นรัว แต่ถ้าพลาดคืนนี้ไป จะไม่ได้ใกล้ชิดเขาอีกแล้ว
“ฉันอยากได้ของขวัญวันเกิด”
“คุณอยากได้อะไรล่ะ” เขาทำหน้าเหมือนเข้าใจมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง
“บอสช่วยเป็นของขวัญวันเกิดให้ฉันได้ไหมคะ”
คราวนี้ดวงตาของเขาหรี่ลงเหมือนจับผิด ช่างเถอะ ถ้าเขาไม่พอใจขนาดจะไล่เธอออกก็ไม่มีผลกับเธอแล้วล่ะ เพราะอย่างไร เธอก็จะไปจากบริษัทนี้อยู่แล้ว เขาเองก็คงไม่เอาเธอไปพูดกับคนอื่นหรอก ที่มั่นใจเพราะเขาไม่รู้จักเธออยู่แล้ว
“ได้”
“คะ?” เธอคิดว่าตัวเองฟังผิดจึงจ้องหน้าเขา หวังให้เขาพูดอีกครั้ง
“ผมบอกว่าตกลง” เขาพยักหน้าแล้วพูด “ผมเปิดห้องไว้....ผมจะออกไปก่อนอีกสิบนาทีคุณตามไปแล้วกัน”
เขาพูดจบก็เดินไปทางอื่น พูดคุยทักทายกับคนอื่นๆอีกเล็กน้อยโดยไม่ได้หันมามองเธอเลยสักนิด แวบแรกเธอเกิดลังเลขึ้นมา วันนี้ไม่ใช่วันเกิดเธอ แค่มุกงี่เง่าที่อยากได้ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็รับมุกด้วย ความไม่มีตัวตนของเธอทำให้ไม่ต้องล่ำลาใครก่อนออกจากงานเลี้ยงที่ทุกคนยังสนุกกันสุดเหวี่ยง เธอเข้าห้องน้ำ นั่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือแล้วตัดสินใจเดินไปที่ลิฟต์ กดชั้นที่ต้องการและเดินไปที่ห้องที่ห้องเขาบอกไว้
เคาะประตูแล้วก็ถอยออกมาครึ่งก้าว นี่เธอทำอะไรอยู่ ถ้าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว หรือหลอกให้เธอมาเจอใครก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงกำลังจะถอยออกไปที่ละน้อย ประตูบานนั้นก็เปิดออกมาก่อน
“คุณมาช้าไปสามนาที”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” กฤติกาอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ แต่เขายืนรอและจ้องมองเหมือนให้เธอตัดสินใจ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เธอก็ก้าวเข้าไปด้านใน
นั้นแหละ เขาก็กลายเป็นของขวัญให้เธอจริงๆ แต่ไม่ใช่ของขวัญวันเกิดที่เธอกุเรื่องขึ้น แต่เป็นของขวัญก่อนจะออกจากบริษัท