บทที่ 11
"เอาน้ำจิ้มเผ็ด ๆ " เสียงทุ้มต่ำสำเนียงแปร่งๆ เอ่ยบอกกับหัวหน้าเชฟประจำผับ ทำให้คนทำถึงกับมือสั่น
ตอนนี้พะพิงพาแขก? ออกมานั่งที่โซนวีไอพีบนชั้นสองของผับแล้วหัวหน้าเชฟของเขาดันเสิร์ฟอาหารรสชาติที่ทำสำหรับชาวต่างชาติ เลยโดนมาเฟียหนุ่มดุเข้าให้
"ซันบอกว่าให้ทำตัวปกติไง" เห็นไหมเชฟเขากลัวจนมือสั่นแล้ว
"ไอปกติสุดแล้วคนสวย" ร่างสูงตอบอย่างไม่สะทกสะท้านก็เขาไม่ได้แปลงร่างเป็นยักษ์เสียหน่อยทำไมเชฟต้องทำท่ากลัวเขาขนาดนั้นด้วย
"เชฟทำตัวตามสบายไม่ต้องกลัว" เมื่อคิดว่าพูดกับซันซัสไปก็ไร้ประโยชน์พะพิงเลยหันไปบอกเชฟแทน แต่ดูเหมือนว่าเชฟก็ยังคงกลัวเหมือนเดิม
"คะ ครับคุณพะพิง"
"เฮ้อ" คนหนึ่งทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคนส่วนอีกคนก็ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้
"กุ้งแม่น้ำเผาครับ" จานกุ้งแม่น้ำเผาร้อน ๆ จากเตาถ่านถูกยกขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านที่มาเฟียหนุ่มสั่งให้หัวหน้าเชฟไปปรุงมาใหม่
"ขอบคุณครับ ชิมน้ำจิ้มเลยนะซัน" เดี๋ยวไม่ถูกปากจะหันไปดุลูกน้องของเขาอีก
"โอเคเผ็ดสะใจ" ร่างบางได้แต่ส่ายหน้าให้กับฝรั่งเก๊ที่ชอบกินอาหารไทยรสจัดจ้าน "ไอขอกุ้งเพิ่มอีกห้ากิโล"
"ไม่ได้กินข้าวมาหรือไงเนี่ย" แค่กุ้งที่เชฟเอามาเสิร์ฟก็ห้ากิโลแล้ว พะพิงไม่รู้ว่าซันซัสจะหิวอะไรขนาดนั้นสงสัยกุ้งที่สั่งเชฟเตรียมไว้ให้คงหมดเสียแล้วมั้ง
"ก็กุ้งที่นี่อร่อยน้ำจิ้มก็ดี" ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ยังดุเชฟของเขาอยู่เลย พะพิงสั่งให้เชฟทำอาหารรสจัดมาให้อีกสามอย่างจากนั้นก็ให้เชฟไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
"ซันเซริวน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ"
"อืม แก๊งใหญ่ระดับต้น ๆ ของเอเชีย ช่วงนี้มันขยายอำนาจไปฝั่งยุโรปด้วย"
"มันไปเหยียบหางนายเหรอ" ร่างบางลองถามหยั่งเชิง
"ก็ประมาณนั้น" เมื่อเดือนก่อนมันขายอาวุธตัดหน้าเขาไปสองเจ้า ทีแรกจะแกล้งปล่อยผ่านแต่พอดีลูกน้องรายงานว่าท่านอนุรักษ์ทำคดีของแก๊งนี้อยู่เลยตัดสินใจบินมาไทยเพื่อจัดการมัน
"อะกุ้ง" ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งที่ย่างแบบผ่าตัวจิ้มน้ำจิ้มแล้วป้อนให้มาเฟียหนุ่ม "มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมังกรนิล"
"จุ๊ ๆ อย่าหลอกถามตอนไอกินข้าวสิ" ซันซัสตอบอย่างรู้ทันทำให้คนเจ้าเล่ห์วางช้อนลงทันที
"งั้นกินเองไปเลย"
"หึหึ" ร่างสูงได้แต่ส่ายหัว ในใจรู้สึกเอ็นดูวิธีล้วงความลับของลูกศิษย์นักโจรกรรมไม่น้อย "ป้อนต้มยำหน่อย" แค่ร่างบางมานั่งกับเขาที่โต๊ะสำหรับเขาก็พอใจแล้ว
"ไม่กลัวลวกปากเหรอ"
"ยูคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น" อีกอย่างคือน้ำต้มยำไม่ได้ร้อนขนาดนั้น "เด็กดี" เมื่อร่างบางยอมตามใจคนน่ากลัวก็เผยยิ้มอ่อนโยนออกมา และจงใจคว้าข้อมือบางไว้แบบนั้นเพื่อเยาะเย้ยผู้ชายที่นั่งอยู่อีกมุมของโซนวีไอพี
"ขนลุกแปลก ๆ "
"ยูนี่ก็เสน่ห์แรงนะ" ตาคมดุของนายตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่มุมนั้นแสดงออกมาชัดว่าไม่ชอบใจ
"หมายความว่าไง"
"ผู้ชายโต๊ะริมสุดด้านหลังของยู จ้องไอเหมือนจะกินทั้งตัว"
"จะพูดว่ากินหัวหรือเปล่าถ้าบอกว่ากินทั้งตัวมันฟังดูแปลก ๆ นะ" พะพิงช่วยแก้จะว่าไปเจ้าตัวก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่ตลอดมาสักพักหนึ่งแล้ว
"นั่นแหละ"
"ซันช่วยอธิบายรูปร่างผู้ชายคนนั้นให้ฟังหน่อย"
"สูงหน้าตาขี้เหร่"
"อธิบายดี ๆ ซัน" เพราะรู้สึกว่าซันซัสพูดด้วยความรู้สึกหมั่นไส้
"สูง หล่อน้อยกว่าไอ คาดว่าเป็นตำรวจ" แค่นี้คนฟังก็พอเดาได้แล้วว่าคนที่เสียมารยาทเอาแต่จ้องกันขนาดนั้นคือใคร
"เหอะ จะกินอะไรอีกซัน"
"ยำรวมมิตร" มือเรียวจับช้อนส้อมจิ้มไปที่ปลาหมึกชิ้นพอดีคำแล้วยื่นไปใกล้ปากของซันซัส "เขาเป็นแฟนยูเหรอคนสวย" มาเฟียหนุ่มถามด้วยความสงสัย
"เขาเป็นเหยื่อยที่ไอรูดทรัพย์น่ะ"
"หืม เดี๋ยวนี้ยูฝีมือตกแล้วเหรอ" ขนาดเหยื่อรู้ตัวนี่แสดงว่าร่างบางฝีมือตกไปเยอะนะ
"ที่ไหนล่ะ เขาแค่จำกลิ่นไอได้"
"กลิ่น?" หมอนั่นเป็นหมาหรือไง
"อืม แต่เขาก็ทำอะไรไอไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีหลักฐาน"
"หึ คงเจ็บใจน่าดู" เป็นตำรวจแต่โดนรูดทรัพย์ แถมพอรู้ตัวคนร้ายแต่จับไม่ได้เพราะไม่หลักฐาน
"..." คงงั้นแหละไม่งั้นเขาคงไม่ตามมาอุ้มตัวร่างบางขึ้นโรงพักหรอก
"มานั่งฝั่งนี้ที่รัก"
"จะเล่นอะไรน่ะซัน"
"ถ้าจะนั่งเบียดกันขนาดนั้นไม่นั่งตักกันไปเลยล่ะ" ร่างสูงที่นั่งมองเจ้าของผับกับแขกหน้าหล่อมาสักพักก็เกิดอาการหมั่นไส้ หมั่นไส้ไอ้ฝรั่งนั่น
"เป็นอะไรพี่ดิน" กวินภพที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะแผ่นดินดูหงุดหงิดกับอะไรสักอย่าง
"เหอะ รอบก่อนก็กระหนุงกระหนิงกับสารวัตรเพชร วันนี้ก็นั่งอี๋อ๋อกับไอ้ฝรั่งตาสวยนั่นอีก"
"อะไรของพี่เนี่ย" เมื่อเห็นว่าคนพูดเริ่มโมโหขึ้นเรื่อย ๆ เลยตัดสินใจหันไปมองด้านหลังที่รุ่นพี่เอาแต่นั่งจ้องมาสักพักหนึ่งแล้ว ก็พบกับร่างเพรียวของเจ้าของผับกำลังนั่งเบียดอยู่กับฝรั่งหน้าหล่อที่เขาไม่คุ้นหน้า "ภาพบาดตาสินะ"
"เหอะ ปกติแล้วเจ้าของผับต้องลงมานั่งกับลูกค้าวีไอพีแบบนี้ตลอดเลยเหรอ" น้ำเสียงกระแทกสุด ๆ ฟังดูคงหัวเสียไม่น้อย
"ก็ไม่นะพี่ปกติแทบไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าคุณพะพิงเขาเป็นเจ้าของผับ และยิ่งมานั่งกับแขกวีวีไอพียิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่"
"แสดงว่าคนนี้ไม่ใช่แขกสินะ!!" หงุดหงิดมากจึงยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแถมสายตายังคงไม่ละจากสองคนนั้น จนทำให้ร่างบางที่โดนจ้องเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มทักทาย แล้วหันไปป้อนอาหารให้กับคนข้างกายต่อ
มือหนาเลยหยิบขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วแล้วกระทกลงคอทีเดียวหมดเพื่อดับอาการดังกล่าว
"เบาพี่เบา" นายตำรวจรุ่นน้องถึงกับต้องรีบเบรกแล้วแย่งขวดเหล้ากับแก้วเหล้าในมือของรุ่นพี่มาชงให้เหมือนเดิม "ไปหึงเขาเป็นอะไรกับเขาเหรอพี่" อดไม่ได้ที่แกล้งแซวรุ่นพี่
"หึ ใครหึงกันแค่รำคาญสายตาเท่านั้น!" คนหัวเสียชะงักไปแป๊บหนึ่งก่อนจะตอบกลับ มือหนาก็รับแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีก
"เหรอครับ" นี่ขนาดแผ่นดินไม่ได้หึงนะ ถ้าหึงขึ้นมาจริง ๆ คงได้มีต่อยกันแน่ ๆ
"สวัสดีค่ะสารวัตรกวิน" เสียงหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของผับดังขึ้นเหนือหัวของคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตายกแก้วขึ้นดื่ม
"สวัสดีครับคุณพะพิง ปกติไม่เคยเห็นลงมาข้างล่างนี่ครับ" ถามเผื่อคนแถวนี้อยากรู้
"ค่ะ พอดีแขกคนสำคัญแวะมาเยี่ยมน่ะค่ะเขาอยากลงมาทานข้าวชั้นนี้เลยพาลงมา"
"เหอะ" แขกคนสำคัญหรือคู่ขาเถอะ
"อ้าว สวัสดีค่ะท่านรองมาด้วยเหรอคะเนี่ยฉันไม่ทันสังเกตเห็น" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าร่างบางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จงใจกวนประสาทเขา "สั่งอะไรเพิ่มไหมคะเดียวฉันเลี้ยงเองวันนี้ บีดูแลโต๊ะนี้ให้ฉันหน่อยเขาทานเสร็จแล้วลงบิลฉันได้เลย"
"ครับคุณพะพิง" บริกรร่างบางที่ดูแลโซนนี้โค้งรับสั่งก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ท่านรองแผ่นดินอย่างรู้งาน
"ขอให้สนุกนะครับท่านรอง" ใบหน้าหวานก้มมาระดับเดียวกับข้างหูของคนหัวเสีย ก่อนจะจงใจยื่นหน้าไปใกล้ในระยะที่คิดว่าแผ่นดินสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น "คิดถึงฉันต้องกับมานั่งมองเลยเหรอครับ" รอยยิ้มหวานหยดถูกส่งมาให้อีกหนเมื่อเจ้าของใบหน้ายืดตัวขึ้น ร่างบางรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อเห็นคนถูกแกล้งหัวเสียขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นการเอาคืนที่ร่างสูงอุ้มเขาขึ้นโรงพักก็แล้วกัน
"..."
"ที่รักทำไมมานานจัง ไออยากพักผ่อนแล้ววันนี้ขอค้างห้องยูนะ" แขนแข็งแกร่งเกี่ยวเอวบางเข้าไปหาตัวก่อนตาดุคู่สวยจะมองไปยังแผ่นดินอย่างเยาะเย้ย
"ได้สิซัน ฉันขอตัวก่อนนะคะท่านรอง สารวัตรกวิน" เมื่อเอ่ยลาตามมารยาททั้งคู่ก็พากันเดินออกไปจากร้าน
ปึก!!
แก้วใสกระแทกลงโต๊ะอย่างแรงทำให้คนที่อยู่ร่วมโต๊ะถึงกับสะดุ้ง ของเหลวในแก้วที่เหลืออยู่นิดหน่อยกระเด็นออกมาด้านนอกก่อนที่ร่างสูงจะรุกเดินออกไปอย่างหัวเสีย