ตอนที่ 5
มินรญาแค่นยิ้มหยัน มองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาไม่หวาดกลัว “พี่ดีเลียนไม่ใช่ของเธอ และฉันก็ไม่มีวันยกเขาให้เธอแน่นอนอินทุอร” พูดจบมินรญาก็ก้าวยาวเดินผ่านหน้าคู่สนทนาไป อินทุอรหันมองไปตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาแน่นอก
“เขาเป็นของฉัน เพราะถ้าไม่มีแกคนที่ต้องแต่งงานกับทายาทของซาโกร่า กาซิยาสก็ต้องเป็นฉัน นังญะญ๋า ฉันจะขัดขวาง จะทำทุกทางเพื่อทำให้แกตกลงไปในนรก ฉันสัญญา!” สองมือของอินทุอรกำเข้าหากันแน่น ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยไฟแค้น หล่อนจะทำทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อให้ได้รรับชัยชนะและไม่เกี่ยงวิธีการด้วย
“ลูกอิน ยังไม่ออกไปตลาดอีกหรือจ๊ะ” เสียงของนับดาวแม่แท้ๆ ของมินรญาดังขึ้นด้านหลัง แม้จะเกลียดแสนเกลียดผู้หญิงคนนี้แต่เพื่อแผนการ อินทุอรจึงจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะแอบใช้มือจิกแรงๆ ลงบนท่อนแขนของตัวเองจนแดงช้ำ จากนั้นจึงค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังด้วยสภาพน้ำตานองหน้า
“ลูกอิน... นี่หนูเป็นอะไรไปจ๊ะ ทำไมร้องไห้ล่ะ”
นับดาวเห็นสาวน้อยที่สามีคนที่สองของตัวเองรับมาอุปการะหน้าตาแดงก่ำก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ รีบเข้าไปจับไม้จับมือและนั่นก็ทำให้หล่อนได้เห็นรอยแดงช้ำที่ท่อนแขนบนผิวขาวผ่องของอินทุอรเต็มๆ ตา
“หนูไปโดนอะไรมาหรือลูกอิน ทำไมถึงได้ช้ำแบบนี้ล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่มีจริงๆ” อินทุอรแกล้งร่ำไห้ออกมามากขึ้น พลางส่ายหน้าทำตัวน่าสงสาร
นับดาวเห็นแล้วก็ยิ่งเวทนา อินทุอรอ่อนแอและน่าสงสารเสมอ จากภาพที่หล่อนกับสามีเห็นจนชินตาก็คืออินทุอรมักจะถูกมินรญาลูกสาวแท้ๆ ของหล่อนกลั่นแกล้งตลอดเวลา นี่ยังไม่รวมถึงสิ่งที่ญาดามินทร์น้องสาวแท้ๆ ของอินทุอรกระทำอีก
“ยายญะญ๋าใช่ไหม”
อินทุอรแกล้งทำเป็นตกใจ ทั้งๆ ที่ภายในอกสะใจยิ่งนัก “คุณแม่อย่าไปว่าน้องญะญ๋าเลยนะคะ อย่าไปว่าน้องเลย อิน... อินผิดเอง อินมันคนไม่ดี อินไม่ดีคนเดียว...”
“โธ่... ลูกอิน ในโลกนี้จะมีผู้หญิงแสนดีอย่างหนูอีกไหมเนี่ย”
นับดาวดึงร่างของลูกบุญธรรมเข้ามากอด ปลอบประโลม ในใจก็อดขุ่นเคืองการกระทำของบุตรสาวแท้ๆ ของตัวเองไม่ได้ มินรญาทำเกินไปแล้วจริงๆ พี่น้องกันแม้จะได้มีสายเลือดเดียวกันแต่ก็ไม่น่าจะทำกันรุนแรงถึงเพียงนี้
“คุณแม่รับปากอินนะคะ รับปากว่าจะไม่ต่อว่าอะไรน้องญะญ๋า นะคะคุณแม่...”
“แต่แม่...”
นับดาวอึกอักเนื่องจากไม่เห็นด้วย เพราะเกิดเรื่องแบบนี้กับอินทุอรทีไรหล่อนจะถูกลูกสาวบุญธรรมคนนี้ขอร้องไม่ให้ไปต่อว่ามินรญาเสียทุกทีไป
“นะคะคุณแม่ คิดว่าเห็นแก่อินเถอะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของอินทุอรทำให้นับดาวใจอ่อนเสียทุกทีไป
“แม่ไม่อยากทำแบบนี้เลย เพราะยิ่งแม่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแบบนี้ ยายญะญ๋าก็จะยิ่งได้ใจและนิสัยเสียไปกันใหญ่” สุ่มเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจของคู่สนทนายิ่งทำให้รอยยิ้มสะใจระบายเต็มไปหน้าของอินทุอร
‘ยิ่งมันเลวร้ายในสายตาของทุกคนเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งสะใจเท่านั้น’ อินทุอรกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในอก ก่อนจะตีหน้าเศร้าเคล้าน้ำตากับนับดาวต่อไป
“อินทนได้ค่ะคุณแม่ อินทนเพื่อคุณพ่อกับคุณแม่ได้เสมอ”
นับดาวถอนใจออกมาด้วยความหนักใจ ดึงร่างของลูกบุญธรรมเข้ามากอดอีกครั้ง ถ้ามินรญาอ่อน
โยนและแสนดีได้สักครึ่งหนึ่งของอินทุอร คุณชายดีเลียนแห่งซาโกร่า กาซิยาสคงไม่วิ่งหนีการแต่งงานที่เกิดมาจากคำสัญญาของบรรพบุรุษแบบนี้
“ต่อไปลูกอินก็อย่าไปเผชิญหน้ากับยายญะญ๋าก็แล้วกัน ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาบอกแม่เข้าใจไหม หรือให้ญาดามาช่วยก็ได้”
แม้จะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองแต่อินทุอรก็ไม่คิดจะปรานี ในบ้านหลังนี้จะต้องมีหล่อนคนเดียวที่เป็นนางฟ้า ส่วนคนอื่นๆ จะต้องเป็นนางมารร้ายไม่อย่างนั้นก็แม่มดเสียทั้งหมด คิดได้อย่างนั้นอินทุอรก็บีบน้ำตาออกมาอีก สะอื้นไห้มากขึ้นจนนับดาวต้องดันร่างของหล่อนออกและจ้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมหรือลูกอิน ร้องไห้อีกทำไม”
“คือว่า... คือว่าญาดา...”
“อย่าบอกนะว่าญาดาก็รังแกลูกอินเหมือนกัน”
สุ่มเสียงของคนพูดคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อ แต่ท่าทางน่าสงสารและภาพลักษณ์ที่แสนดีมาตลอดของอินทุอรทำให้นับดาวจำต้องเชื่อสนิทใจ
อินทุอรไม่ได้ตอบ แต่ก้มหน้าซ่อนความสะใจเอาไว้เต็มอก และการไม่ตอบของหล่อนก็ทำให้นับดาวเข้าใจไปในทางที่หล่อนต้องการ
“แม่คงต้องเรียกญาดามาตักเตือนบ้างเสียแล้ว”
“อย่านะคะคุณแม่ อย่าทำแบบนั้นเลย อินไม่อยากทำให้น้องลำบากใจ”
คนฟังส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ลูกอินก็แสนดีซะแบบนี้ ใครๆ ก็เลยมารุมรังแกเอา แม่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี คงต้องบอกให้พ่อของพวกหนูรู้เรื่องบ้างแล้วล่ะ”
อินทุอรยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ ถ้าอะเดลพ่อบุญธรรมของหล่อนรู้ เขาจะต้องจัดการทำโทษทั้งมินรญากับญาดามินทร์อย่างแน่นอน และทีนี้คนที่จะมีค่าที่สุดในสายตาของอะเดลก็จะเป็นหล่อน ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของหล่อน รวมถึงผู้ชายที่ชื่อดีเลียน ซาโกร่า กาซิยาสด้วย เขาต้องเป็นของหล่อน และแน่นอนว่าหล่อนจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
“ถ้าคุณแม่บอกคุณพ่อจะต้องโมโหนะคะ อินไม่อยากทำให้ท่าน...”
“ลูกอินเลิกแสนดีได้แล้ว แม่อยากให้หนูสู้คนบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะถูกรังแกแบบนี้”
อินทุอรก้มหน้าอมยิ้มสมใจ ตอนนี้นับดาวเชื่อหล่อนสนิทใจเลยว่าหล่อนคือคนดี ซึ่งก็คงไม่ต่างจากดีเลียนที่คิดว่าหล่อนน่าสงสารไม่แพ้กัน
“ขอบคุณคุณแม่ที่เป็นห่วงอินนะคะ อินจะพยายามไม่ทำให้คุณแม่ต้องเป็นห่วงอีกค่ะ”
นับดาวพยักหน้ารับ พลางยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับสาวน้อยตรงหน้า “ถ้าไม่อยากให้แม่เป็นห่วงอีกก็เลิกร้องไห้นะลูกอิน...”
อินทุอรแสร้งยิ้มหวาน ก่อนจะรีบขอตัวนับดาวเมื่อเห็นญาดามินทร์มายืนรออยู่ที่หน้าตึก “เอ่อ งั้นอินขอตัวก่อนนะคะคุณแม่ ญาดามารอแล้ว เดี๋ยวถ้าอินไปช้าจะถูกน้องเอ็ดเอา”
นับดาวมองตามสายตาของอินทุอรไปก็เห็นญาดามินทร์ยืนถือตระกร้าหวายใบย่อมรออยู่ ท่าทางของญาดามินทร์ก็ดูเงียบๆ เรียบร้อย ไม่น่าจะร้ายกาจอย่างที่อินทุอรบอกเลย
“ไปเถอะจ้ะ”
อินทุอรยกมือไหว้นับดาวอย่างอ่อนช้อย ก่อนจะเดินออกไปยังหน้าตึก และเมื่อหันกลับมาไม่เห็นนับดาวแล้ว หล่อนก็เริ่มแผลงฤทธิ์ใส่น้องสาวทันที
“ทำไมมาช้า ฉันรอแกมาตั้งสิบห้านาทีนะนังญาดา” นิ้วมือของอินทุอรคว้าต้นแขนของน้องสาวมาหยิกเต็มแรง
“พี่อิน ฉันเจ็บ...”
ญาดามินทร์น้ำตาซึมพยายามดิ้นรนหนี แต่พี่สาวแท้ๆ ของหล่อนไม่ยอมปล่อย แถมยังเดินเข้ามาใกล้ๆ และเค้นคำด่าใส่หน้าของหล่อนอีก
“เจ็บสิดี จะได้ตายๆ ไปซะ รู้ไหมว่าแกกับนังญะญ๋ามันคือหนาม... หนามที่ขวางทางเดินของฉันอยู่ ถ้าไม่มีพวกแก ป่านนี้ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านหลังนี้แล้ว และที่สำคัญฉันก็จะได้แต่งงานกับพี่ดีเลียนไม่ใช่นังญะญ๋า...!”
“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรพี่อินเลยนะ ฉัน...” คนพูดตาแดงก่ำ จะร้องไห้
“อย่าร้องไห้เชียวนะ แล้วห้ามบอกใครว่าฉันทำอะไรแกบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันจะกล้อนผมแกให้หมดหัวเลยนังญาดา”
“ฉัน... ฉันไม่เคยบอกใคร...”
คนฟังแสยะยิ้มและดันร่างของน้องสาวให้ก้าวขึ้นไปบนรถ ก่อนที่ตัวเองจะก้าวตามขึ้นไปนั่งประกบอยู่ข้างๆ
“ดีแล้วที่แกไม่บอก เพราะถ้าแกบอกใครเมื่อไหร่ ฉันจะทำอย่างที่พูดแน่”
ญาดามินทร์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกจากนั่งร้องไห้ไปเงียบๆ ขณะที่ลุงคนขับรถวัยชรามองภาพเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาชาชิน เพราะเห็นญาดามินทร์ถูกทำร้ายแบบนี้มาตลอดเวลา แต่แปลกที่คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงกลับคิดว่าอินทุอรคือคนที่ถูกรังแกเสมอ
“วันนี้แกต้องทำอาหารให้อร่อยที่สุดเข้าใจไหมญาดา...”
“จ้ะพี่อิน...”
อินทุอรระบายยิ้มพึงพอใจออกมา วันนี้ดีเลียนจะมาทานมื้อค่ำที่บ้านของหล่อน อาหารทุกอย่างจะต้องเลิศรส และทุกคนบนโต๊ะอาหารก็จะต้องรู้ว่าคนที่ทำอาหารทุกจานคือหล่อน ไม่ใช่แม่ครัวตัวจริงอย่างญาดามินทร์ เหมือนอย่างที่รู้มาตลอดหลายปี