ตอนที่ 7
กระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้าสะท้อนภาพสาวน้อยในชุดเดรสลูกไม้สั้นเปิดไหล่สีขาวสะอาดตา ช่วงหน้าอกมีระบายสองชั้นรับการช่วงเอวที่คาดทับด้วยผ้าเส้นเล็กๆ สีดำ ช่วยเน้นเอวคอดเล็กที่รับกับสะโพกกลมกลึงได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างดูลงตัว หล่อนสวยงามกว่าทุกวันเลยก็กว่าได้เพื่อการเผชิญหน้ากับมัจจุราชแสนร้ายอย่างดีเลียนในค่ำคืนนี้ เขาจะแสดงท่าทางชื่นชมหล่อนออกมาให้เห็นบ้างไหมนะ หรือว่าจะเมินไม่มองแบบที่เคยทำมาในทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน
มินรญาถอนใจออกมาด้วยความหดหู่ เพราะเก้าสิบเปอร์เซ็นแห่งความหวังของหล่อนมันแทบไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ ดีเลียนไม่เคยชายตาแลหล่อน เหมือนๆ กับที่เขาไม่เคยต้องการที่จะแต่งงานกับหล่อนนั่นแหละ เขาถามหล่อนเสมอว่าอยากลงนรกหรือไงถึงได้เลือกเขาเป็นสามี หล่อนบอกว่าหล่อนคิดว่าตัวเองรักเขา แต่เขากลับหัวเราะเยาะอย่างดูแคลนและบอกว่าไม่เชื่อ และนั่นก็ทำให้หล่อนจนปัญญาที่จะอธิบายสิ่งใดออกไปอีก
“หวังว่าคืนนี้พี่จะมองฉันบ้างนะพี่ดีเลียน”
หญิงสาวพึมพำด้วยความหวัง แม้ว่าความหวังมันจะแทบไม่มีเค้าความจริงอยู่เลยก็ตาม เฮ้อ... เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมๆ กับมือบางที่ยกขึ้นเสยเส้นผมที่ต้องลงมาเคลียสองแก้มนวลให้ไปไว้หลังใบหูเล็ก จากนั้นหล่อนจึงก้าวออกไปจากห้องนอน ลงไปเผชิญความจริงที่กำลังรออยู่เบื้องล่างด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แต่คนที่หล่อนได้พบเป็นคนแรกกลับไม่ใช่คนที่หล่อนกำลังรอคอยซะงั้น
“เจอรัลด์...”
หนุ่มหล่อลากดินในชุดลำลองสีขาวสะอาดตาลุกขึ้นจากโซฟา และหันมาจ้องมองเจ้าของเสียงหวานใสด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม มินรญาเป็นนางฟ้าไม่ใช่แม่มดอย่างที่พี่ดีเลียนว่าสักหน่อย ดูสิปากคอคิ้วคางงดงามหมดจด แถมเรือนร่างก็ยังอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอมยิ่งนัก แต่ถ้าหล่อนมองเขาบ้างสักนิดก็คงจะดี
“ผมเอง...”
คนพูดยิ้มกว้าง ทั้งๆ ที่ภายในอกไม่ได้อยากจะยิ้มเลยสักนิด เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหญิงสาว มองหล่อนด้วยความชื่นชม
“วันนี้ญะญ๋าสวยกว่าทุกวันนะครับ คงอยากให้พี่ดีเลียนพอใจ”
คนฟังยิ้มบางๆ ดวงตาเศร้าหมอง “พี่ชายของคุณคงไม่มีทางมองเห็นว่าญะญ๋าสวยงามหรอกค่ะ เขามองญะญ๋าเป็นนางแม่มดใจร้ายไปแล้ว และเขาก็เกลียดญะญ๋าเข้าไส้”
เจอรัลด์ส่ายหน้าดิก
“ไม่มีทางที่ใครจะเกลียดชังญะญ๋าได้หรอกครับ คุณเป็นคนดีนะญะญ๋า ความดีของคุณจะเอาชนะทุกอย่างได้ แม้แต่คนที่ไม่มีหัวใจอย่างพี่ดีเลียน”
มินรญาน้ำตาซึม มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะคะเจอรัลด์ ขอบคุณที่คอยเป็นห่วง และให้กำลังใจญะญ๋ามาตลอด คุณแสนดีเหลือเกิน”
แม้จะรู้สึกแปลบๆ ในอกแต่เจอรัลด์ก็ยังยิ้มกว้างออกไป “ถ้าอยากจะขอบคุณผม ห้ามไล่ผมกลับบ้านก่อนที่จะได้ทานอาหารค่ำในวันนี้นะครับ”
มินรญาระบายยิ้มหวานออกมา และส่ายหน้า “ไม่มีใครกล้าไล่คุณหรอกค่ะเจอรัลด์ ดีใจเสียอีกที่คุณชายห้าแห่งซาโกร่า กาซิยาสมาทานมื้อค่ำด้วย” สองหนุ่มสาวหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาอิจฉาริษยาของใครคนหนึ่งลอบมองอยู่
“แกนี่มันร่านจริงๆ นังญะญ๋า พี่ชายก็จะเอาน้องชายก็ไม่เว้น วันนี้แหละฉันจะกระชากหน้ากากแพศยาของแกออกมาให้พี่ดีเลียนได้เห็น” อินทุอรยิ้มอย่างสะใจ และเมื่อหูได้ยินเสียงรถสปอร์ตของดีเลียนแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน หล่อนจึงรีบวิ่งไปดักหน้ารถคันงามเอาไว้ทันที
ดีเลียนหรี่ตามองสตรีที่ยืนอยู่หน้ารถของตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาเปิดประตูลงมาจากรถและเดินเข้าไปหยุดใกล้
“มีอะไรหรืออินทุอร”
น้ำเสียงห่างเหินและไม่เคยแยแสใครของดีเลียนทำให้อินทุอรอดที่จะน้อยใจไม่ได้ แต่หล่อนก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้ให้มิด เพราะในตอนนี้หล่อนคือนางฟ้าผู้ถูกนางแม่มดรังแกในสายตาของคนทุกคน โดยเฉพาะดีเลียน
“คืออิน...”
“มีอะไรก็พูดมา แต่ถ้าไม่มีก็หลีกทางไปซะ” เสียงกระด้างที่บ่งบอกให้รู้ว่าคนพูดกำลังรำคาญแค่ไหนดังออกมาจากริมฝีปากสุดเซ็กซี่ของดีเลียนแผ่วเบา แต่พลานุภาพของมันก็ทำให้คนฟังอย่างอินทุอรตัวสั่นเทาขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นเลยสักนิด
“คืออิน...”
“ถ้าจะคืออยู่อย่างนี้... ก็หลีกทางไป หูแตกหรือไง...” ชายหนุ่มกำลังจะเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เสียงสะอื้นน้อยๆ ของอินทุอรก็ทำให้เขาต้องหยุดความคิดนั้นซะ ก่อนจะพ่นลมออกจากปากด้วยความรำคาญเป็นที่สุด
“จะร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้ฆ่าไม่ได้แกงอะไรเธอสักหน่อย”
“คืออิน... อินเสียใจน่ะค่ะ” อินทุอรบีบน้ำตาไหลพราก
“เธอจะเสียใจเรื่องอะไรไม่ทราบ ฉันยังไมได้ทำอะไรเธอเลย”
ดีเลียนกระชากเสียงถามอย่างหัวเสีย ภายในอกก็กำลังพยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบอยู่อย่างขะมักขเม้น
“อิน... อินเสียใจแทนพี่ดีเลียนต่างหากค่ะ”
“เสียใจแทนฉัน? คนอย่างฉันมีอะไรให้ต้องเสียใจด้วย หลีกทางไปป่ะ ฉันจะเข้าไปข้างใน...”
ท่าทางรำคาญของดีเลียนที่มีต่อตัวของหล่อนทำให้หล่อนยิ่งคิดอย่างจะเอาชนะเขาให้ได้ ยังไงซะผู้ชายคนนี้ก็ต้องเป็นของหล่อน ดีเลียนไม่ใช่ของนังมินรญา มีแค่หล่อนคนเดียวเท่านั้นแหละที่คู่ควรกับมัจจุราชแสนหล่อระเบิดอย่างดีเลียน ซาโกร่า กาซิยาส
“แต่พี่ดีเลียนไม่ควรเข้าไปตอนนี้นะคะ”
อินทุอรฉวยโอกาสคว้าท่อนแขนกำยำสีแทนที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อที่ถูกพับขึ้นไปเหนือข้อศอกเอาไว้ทันที คนถูกจับหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเวทนาในชะตาชีวิตของแม่นี่ไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้ชอบพอเจ้าหล่อนถึงขนาดจะอนุญาตให้มาถูกเนื้อต้องตัวแบบนี้ ดีเลียนคิดอย่างขุ่นเคือง และก็รีบผลักไสร่างเล็กๆ ของสตรีข้างกายออกไปให้ห่างตัวทันควัน
“เป็นสาวเป็นนางอย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ...”
อินทุอรก้มหน้าซ่อนความเจ็บใจเอาไว้ ก่อนจะเค้นเสียงเรียบออกมา
“อินก็แค่... แค่ไม่อยากให้พี่ดีเลียนพบกับภาพบาดตาบาดใจเท่านั้น”
“เธอหมายความว่ายังไง อะไรกันภาพบาดตาบาดใจ”
คนฟังหรี่ตามองคนพูด อินทุอรแสยะยิ้มอย่างสะใจอยู่ภายในอก
“แต่อินไม่อยากบอก...”
“มาถึงตอนนี้แล้ว เธอยังมีหน้ามาบอกฉันอีกหรือว่าไม่อยากจะบอกน่ะอินทุอร ในเมื่อเธอเป็นคนเอ่ยปากพูดทุกอย่างออกมา”
ดีเลียนถามอย่างหัวเสีย ในขณะที่อินทุอรหน้าร้อนผ่าวที่ถูกคู่สนทนาตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจว่าที่คนเขาล่ำลือกันเสียอีก แต่ถึงยังไงซะหล่อนก็เชื่อมั่นว่าตัวเองจะสามารถปราบมัจจุราชตัวร้ายตนนี้ให้เชื่องได้ไม่ยาก แค่ให้มีโอกาสเท่านั้น
“คือ... คุณเจอรัลด์กับ...”
อินทุอรยังพูดไม่ทันจบ คนที่ยืนฟังหล่อนอยู่ก็ก้าวยาวๆ ผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วปานลมพายุ คนมองตามไปหัวเราะสะใจกับแผนการบ่อนทำลายของตัวเอง
“นังญะญ๋า... แกเสร็จฉันแน่...”
พูดจบก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องครัว เพื่อสวมรอยเป็นเจ้าของอาหารทุกจานต่อจากญาดามินทร์ ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าหล่อนไม่ใช่คนทำอาหารพวกนี้ เพราะแม่ครัวกับลูกมืออีกสองคนก็ไม่มีใครกล้าลองดีกับหล่อนสักคน
“เสร็จหรือยังนังญาดาพี่ดีเลียนมาแล้วนะ...”
คนที่กำลังจัดจานอาหารอยู่สะดุ้งน้อยๆ ความสุขที่ฉาบอยู่บนใบหน้างดงามจางหายไปจนหมดสิ้น เมื่อได้ยินเสียงไร้มิตรของพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง
“พี่อิน...”
“ก็ฉันน่ะสิ ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้ ว่าไงอาหารที่ฉันสั่งเสร็จหรือยัง” อินทุอรตวาดเสียงดังลั่น และนั่นก็พาลทำให้แม่ครัวกับลูกมืออีกสองคนสะดุ้งตามไปด้วย ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแม้จะสงสารญาดามินทร์กันสักแค่ไหนก็ตาม
“สะ เสร็จแล้ว... เสร็จแล้วค่ะ...”
“ดี งั้นก็ให้นังพวกนี้ยกออกไปเลยนะ ส่วนแกกลับไปที่ห้องพักได้แล้ว”
“ค่ะ พี่อิน” ญาดามินทร์ก้มหน้ารับคำสั่งของพี่สาวด้วยความหวั่นเกรง
แม่ครัวร่างอ้วนท้วมรอจนนางปีศาจร้ายเดินออกไป จึงเอ่ยขึ้นกับญาดามินทร์ด้วยความสงสาร “ป้าว่าคุณญาดาน่าจะบอกเรื่องพวกนี้กับคุณท่านทั้งสองบ้างนะคะ”
“ญาดาไม่อยากทำร้ายพี่อิน... ถึงยังไงซะเราก็เป็นพี่น้องกัน”
“พี่น้องเหรอคะ ป้าไม่เห็นคุณอินเห็นคุณญาดาเป็นน้องสาวสักนิด มีอะไรก็จิกหัวใช้ มีอะไรก็ตบก็ตี เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกกันเขายังไม่ทำกันรุนแรงขนาดนี้เลยค่ะ ป้าเห็นแล้วก็อยากจะเอาอีโต้ขว้างหน้าคุณอินซะวันล่ะร้อยๆ รอบ เอ่อ อย่าหาว่าป้าหยาบคายเลยนะคะ คุณอินนี่น่ะตอแหลสุดๆ เลย”
“จริงด้วยจ้ะป้า ทั้งเล่นละครเก่ง ทั้งบีบน้ำตาเก่ง ขนาดคุณดีเลียนร้ายๆ แบบนั้นยังเชื่อสนิทใจเลยว่าคุณอรถูกคุณญะญ๋ารังแก...”
ลูกมืออีกคนเข้ามาผสมโรงด้วย ในขณะที่อีกคนที่ถูกเงินของอินทุอรยัดปากเอาไว้ก้มหน้าไม่พูดไม่จาและเก็บรายละเอียดอย่างเดียวเพื่อไปฟ้องเจ้านายของตัวเอง
ญาดามินทร์ได้แต่ระบายยิ้มเศร้าหมอง หล่อนวางชิ้นมะเขือเทศในจานเป็นชิ้นสุดท้าย จากนั้นก็บอกให้แม่ครัวกับลูกครัวอีกสองคนยกออกไปเสิรฟ ในขณะที่ตัวเองตัดสินใจเดินออกจากห้องครัวไปด้วยความเศร้าหมอง
“น่าสงสารคุณญาดานะป้า เธอดีแสนดี แต่ไม่เห็นมีใครดีกับเธอสักคน คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็เชื่อแต่คุณอินคนเดียว จะมีก็แต่คุณญะญ๋านั่นแหละที่คอยยื่นมือเข้ามาช่วย”
“หุบปากได้แล้วนังแอนเน็ต เดี๋ยวก็มีจิ้งจกตุ๊กแกในห้องนี้คาบข่าวไปฟ้องคุณอินหรอก” แม่ครัวพูดกับลูกมือคนสนิทของตัวเอง แต่สายตามองไปยังลูกมืออีกคนที่หล่อนรู้ดีว่าเป็นนกสองหัว ทว่าถึงจะรู้ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแม่นี่มีอินทุอรให้ท้ายอยู่
“ป้าแอ๊บบี้ว่าฉันเหรอ...”
“ใคร...? ใครเขาจะกล้าไปว่าคนดีสีแผ่นดินอย่างแกล่ะนังซินดี้”
คนพูดประชดทำเสียงสูงลิบ จากนั้นก็พยักหน้าเรียกให้แอนเน็ตยกจานอาหารเดินตามตัวเองออกมาจากห้องครัว มุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้ซินดี้ยืนหน้าตาบูดบึ้งไม่พอใจอยู่เพียงลำพัง
“คอยดูเถอะจะฟ้องคุณอินให้หมดเลย”
บ่นกระฟัดกระเฟียดอย่างขัดใจ ก่อนจะตัดสินใจยกจานอาหารเดินตามป้าแอ๊บบี้กับแอนเน็ตออกไปด้วยอีกคน