ณ บริษัทเควีกรุ๊ป
ภายในห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม เขาเพิ่งมีเวลาหยิบเอกสารที่พราวมุกกรอกรายละเอียดเอาไว้ขึ้นมาดู ซึ่งสถานะของเธอโสดสนิทไม่เคยสมรสกับใครมาก่อน จนเขาแอบแปลกใจ เด็กสองคนนั้นเป็นลูกของใครกันแน่ แม้แต่จัสตินก็ยังไม่คิดเหลียวแล
“บอสครับ” ชาร์ลีเริ่มใช้สรรพนามเรียกเจ้านายหนุ่มตามพนักงานในบริษัท หลังจากเข้ามาอยู่ที่นี่ได้หลายวันแล้ว
“มีอะไร”
“สายสืบรายงานมาว่า คุณพราวมุกออกไปกับคุณบุรินทร์ครับ”
“หึ! มันก็ไม่แปลกที่สองคนนั้นจะแอบกินกัน ผู้หญิงอย่างเธอรอนับวันฉันเอาคืนได้เลย” แววตาของเขาแข็งกร้าวราวลูกไฟ ที่พร้อมถาโถมลามเลียใส่ร่างกายของพราวมุก
“แต่ผมว่าคุณพราวมุกเธอขยันตั้งใจทำงานดีนะครับ ผู้หญิงคนหนึ่งเลี้ยงลูกแฝดมาได้คนเดียว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับบอส”
“นายรู้ตัวหรือเปล่าชาร์ลี ว่ากำลังแก้ตัวให้กับเธอทั้งที่นายไม่ได้รู้จักกับผู้หญิงคนนั้นดีพอ ขนาดฉันรู้จักกับเธอมาหลายปี สุดท้ายฉันก็กลายเป็นคนโง่ให้เธอหลอกอยู่ตั้งนาน”
เควินโกรธขึ้นออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาพร่ำบอกกับตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พราวมุกก็เป็นเพียงอดีต เธอเปรียบเสมือนทางเส้นคู่ขนาน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้ามาบรรจบกันได้
หลายวันผ่านไป
พราวมุกได้รับโทรศัพท์จากบริษัทเควีกรุ๊ป หญิงสาวไม่รอช้ารีบแต่งตัวเดินทางไปตามที่พนักงานฝ่ายบุคคลแจ้งมาทันที พอไปถึงเธอนั่งลงแล้วอ่านเอกสารตรงหน้าทีละแผ่น ก่อนจะเซ็นชื่อลงไป
จนกระทั่งแผ่นสุดท้ายได้ระบุกเงื่อนไขเอาไว้อย่างชัดเจน ถ้าหากเธอมีเหตุลาออกต้องถูกปรับร้อยเท่าของเงินเดือน ซึ่งหญิงสาวจะได้เซ็นสัญญาเป็นพนักงานประจำ ของบริษัทเควีกรุ๊ปเป็นระยะเวลาทั้งสิ้นห้าปี เมื่อครบสัญญาทางบริษัทจะเรียกมาลงนามอีกครั้ง ถ้าหากไม่ประสงค์จะทำงานที่นี่ ก็ไม่ต้องลงนามในสัญญา
“ไม่ทราบว่าพนักงานทุกคนต้องเซ็นสัญญาแบบเดียวกันหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ คุณพราวมุกลงนามเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลยนะคะ” พนักงานฝ่ายบุคคลเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนที่พราวมุกจะตัดสินใจลงนามในเอกสารฉบับนั้นอย่างสมบูรณ์
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“โอเคค่ะ ยินดีต้อนรับสู่เควีกรุ๊ปนะคะ พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ” พราวมุกเดินออกมาจากบริษัท ในขณะที่สายตาของเควินได้จับจ้องไปยังเธอ ด้วยแววตาที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดได้ เขาค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ เพื่อให้ตัวเองลบภาพเหล่านั้นออกไป แต่ก็ไม่อาจทำได้ เมื่อพราวมุกยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา
“เชี้ยเอ๊ย! ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้กับเธอด้วยนะ รู้ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอเคยสวมเขาให้ไม่รู้กี่ครั้ง ทำไมต้องโง่เป็นควายอยู่ได้!”
เพล้ง!! ข้าวของบนโต๊ะทำงานของท่านประธานหนุ่ม ถูกมือแกร่งกวาดลงพื้นกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์แบบนี้ ไม่รู้ทำไมถึงไร้เหตุผลอยากระบายความอัดอั้นตันใจออกมา เพียงแค่เห็นพราวมุกปรากฏตัว
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เควินต้องเผชิญและรับมือให้ได้ คือหัวใจตัวเองต่างหาก เพราะขนาดเห็นเธออยู่ไกล ๆ มันยังทรยศเจ้าของได้ แล้วแบบนี้เขาจะทนไหวหรือเปล่า ถ้าหากต้องเจอกับหญิงสาวทั้งวัน ไหนจะออกไปข้างนอกด้วยกัน และที่สำคัญบางทีก็มีไปดูงานที่ต่างจังหวัดและประเทศอีกด้วย
“พราว! ยัยพราว!”
“อ้าว! น้ำ ทำไมออกมาได้ไม่ได้ทำงานเหรอ”
“วันนี้ฉันลาพอดีว่าจัสตินไม่ค่อยสบายนะ เมื่อวานฉันลืมของไว้ที่โต๊ะทำงานเลยแวะมาเอา”
“จัสตินเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่หรอก สงสัยจะเป็นไข้หวัด พอดีว่าเขาจะเดินทางกลับเมกา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ฉันเลยอยากอยู่ดูแลเขาเป็นพิเศษ” แววตาของน้ำค้าแลดูเศร้าลงจนพราวมุกอดที่จะคว้ามือของเธอมากุมไว้ไม่ได้
“แกกับจัสตินมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า แล้วทำไมเขาถึงกลับเมกาล่ะ ไปเยี่ยมพ่อกับแม่เหรอ”
“เปล่า”
“มานี่เลย เราไปหาที่คุยกันดีกว่า หิวไหม”
“อืม”
ในเวลานี้คนทั้งคู่ได้เดินตรงไปยังร้านอาหาร ซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ บริษัท พราวมุกมัวแต่สนใจเรื่องของตัวเอง จนละเลยเพื่อนรักอย่างน้ำค้าง นานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได้โทรหา บางทีมิตรภาพที่มีเงินทองก็ไม่สามารถทดแทนได้ เพราะเพื่อนอย่างน้ำค้างหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“อร่อยไหม”
“อืม”
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ ดูแกผอมไปนะ” พราวมุกพูดออกไปด้วยความห่วงใยเพื่อนรัก
“ถ้าฉันผอม แกก็ไม้เสียบผีแล้วแหละ”
“ชิ! เนี่ยเขาเรียกว่าหุ่นนางแบบจ้า ว่าแต่แกเถอะ... ถ้าจัสตินกลับเมกาแกไปอยู่กับฉันก็ได้นะ”
“ขอคิดดูก่อน”
“แล้วจัสตินไปนานแค่ไหน เขาจะกลับเมื่อไหร่”
“ไม่รู้เหมือนกัน คงรอให้งานที่โน่นลงตัวล่ะมั้ง”
“อืม... ถ้าเหงาก็แวะมาหาฉันละกันนะ”
“มันก็แน่อยู่แล้ว”
“เฮ้อ! เวลาผ่านไปเร็วจัง” พราวมุกถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง เมื่อเธอนึกถึงอดีตสมัยฝึกงานที่นี่
“พราวฉันมีอะไรจะบอกแก... ฉันจะเริ่มยังไงดี” น้ำค้างกระอึกกระอักไม่กล้าพูดความจริงออกไป
“เรื่องอะไรก็พูดมาสิ พราวฟังได้ คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการเป็นแม่เลี้ยวเดี๋ยว มิหนำซ้ำเหมือนชะตาจะเล่นตลกส่งเด็กแฝดมาให้อีก แต่พอนึกอีกที... มันก็ดีเหมือนกันนะ พราวอยู่ได้ก็เพราะลูกแฝด ถ้าไม่มีพวกเขาไม่รู้ว่าป่านนี้พราวจะเป็นยังไงบ้าง จะมีแรงฮึดสู้เหมือนที่เป็นอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
พราวมุกตัดพ้อต่อโชคชะตาที่นำพาให้เธอมาเจอเทพบุตร แต่สุดท้ายเขาก็กลายร่างเป็นอสุรกายร้ายอย่างไร้เหตุผล
“ประธานบริษัทเควีกรุ๊ปยังคงป็นคุณเควิน และเขาก็กลับมาแล้วด้วย”
“แล้วไง” พราวมุกไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกเลยสักนิด จนน้ำค้างเริ่มมั่นใจในการคิดเอาคืนของเพื่อนรัก
“ระวังเรื่องลูกไว้ให้ดี ถ้าเขารู้คนที่เดือดร้อนก็คือแก คิดเหรอว่าเขาจะปล่อยให้แกมีอำนาจปกครองคามิลลากับคาร์เตอร์อยู่ฝ่ายเดียว” น้ำค้างยังไม่วางใจเรื่องนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าจุดอ่อนของหัวใจพราวมุกคือลูกแฝดของเธอ
“เขาไปโดยไม่ร่ำลาพราวสักคำ เรื่องราวในวันนั้น มันพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่มีคุณสมบัติของความเป็นพ่อ อย่าว่าแต่พ่อเลยความเป็นมนุษย์เขาก็ไม่มีด้วยซ้ำ สิ่งที่เขากระทำมันไม่ต่างจากการผลักพราวให้ล้ม แล้วเหยียบจนจมดินซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“อย่าลืมสิพราว เขามีเงินมีอิทธิพลแค่ไหน เพียงแค่กระดิกนิ้วแกก็อาจเสียลูกแฝดให้เขาไปก็ได้”
“ไม่มีทาง! เขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาทิ้งตั้งแต่แรก”
“ยังไงแกก็ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ ฉันเตือนแกก็เพราะว่ารักและหวังดี”
“อย่างน้อยฉันก็โชคดี ที่เพื่อนอย่างแก”
“อืม... ก็ฉันกับแกมีกันแค่นี้ไง ถ้าเราสองคนเลิกคบกัน แล้วใครจะคบล่ะ”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อต่างคนต่างก็รู้ใจ เพราะคบกันมาตั้งแต่เด็ก