หลายวันต่อมา
บ้านซอลลา
Le-kha: วันนี้ก็เลยอยู่บ้านคนเดียวเหรอ?
ใช่แล้วววววว~ น่าเบื่อมากกกกก :Sol La
Le-kha: แม่เขาไปทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงเธอไง
ก็เข้าใจเรื่องนั้นแต่มาทิ้งกันบ่อย ๆ แบบนี้คุณแม่ไม่ห่วงกันบ้างเลยงะ T^T :Sol La
Le-kha: เข้าใจก็อย่างอแงสิ
รับทราบแล้ว :Sol La
และเธอทำงานเป็นยังไงบ้าง? :Sol La
Le-kha: ก็ดีเรื่อย ๆ แหละ
ว่าง ๆ อยากทำขนมส่งไปให้อะขอที่อยู่หน่อยสิ :Sol La
Le-kha: ฉันก็กลัวอ้วนงานฉันต้องรักษาหุ่นนะจะมาอ้วนไม่ได้เด็ดขาด
อะไรกันนิดหน่อยเอง เชอะ! :Sol La
Le-kha: เด็กน้อยจริง ๆ เลยนะเธอเนี่ย
ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับเลขาเพื่อนออนไลน์ของฉันแหละเราคุยและรู้จักกันมาเกือบปีแล้ว เธออยู่ต่างเมืองและทำงานกลางคืน ใช่แล้วงานกลางคืนทำอย่างว่านั่นแหละแต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะเพราะเข้าใจว่ามันเป็นอาชีพของเธอเพราะงั้นเลขาเลยยอมรับฉันเป็นเพื่อน เธอบอกว่าเวลาคุยกับใครแล้วรู้ว่าเธอทำงานอะไรจะไม่อยากคุยเท่าไหร่น่ะและเรื่องที่เราคุยกันก็คือฉัน! อยู่! บ้าน! คน! เดียว! อีก! แล้ว!
ตลอดหลายวันมานี้ฉันอยู่คนเดียวตลอดเพราะคุณแม่ไปทำงานต่างเมืองบ้างต่างประเทศบ้าง ทิ้งฉันเอาไว้คนเดียวตลอดหรือไม่ก็ทำงานเลิกดึกไปเช้าเราไม่มีเวลาเจอกันเลยจากปกติก็ยากอยู่แล้ว เฮ้ออ!! แต่ก็ยังดีมีเลขาที่คอยคุยเป็นเพื่อนเลยทำให้ไม่เหงาเท่าไหร่น่ะสิ
Le-kha: บริษัทแม่เธออาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
ไม่มีหรอกมั้งแต่แค่งานยุ่ง :Sol La
Le-kha: ไม่มีหรือว่าไม่รู้กันแน่?
แหะ ๆ ก็ทั้งสองอย่างนั้นแหละ...ฉันไม่รู้ :Sol La
Le-kha: ไม่ลองถามดูละ?
ถามแล้วฉันจะช่วยอะไรได้ฉันทำอะไรไม่เป็นเลยไม่รู้เรื่องด้วย T^T :Sol La
Le-kha: เห้อออออ
อย่าถอนหายใจยาวแบบนั้นสิ :Sol La
Le-kha: นอกจากเรื่องทำขนมแล้วไม่รู้อะไรเลยสินะ
ใช่ แหะ ๆ :Sol La
Le-kha: ลองถามแม่เธอดูบ้างอย่างน้อยไม่ช่วยก็ยังได้ถามก็ยังดีแม่เธออาจจะต้องการกำลังใจจากเธอก็ได้
คุณแม่หญิงแกร่งจะตายแต่ว่าจะลองถามดูแล้วกัน :Sol La
วันต่อมา...
มหาวิทยาลัยลักซ์
“เฮ้อออ~” ขณะที่กำลังนั่งเรียนอยู่ฉันก็ถอนหายใจออกมาเพราะว่าเมื่อวานนี้ฉันลองส่งข้อความหาคุณแม่แล้วเพื่อถามว่าโอเครไหมแต่ว่าก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากคุณแม่เลย
“เป็นอะไรเหรอถอนหายใจอย่างกับคนมีความทุกข์?” เจนถามฉัน
“อะไรนะคุณหนูซอลลามีความทุกข์เหรอ?” พริกสดถามอย่างตื่นเต้น
“แกดีใจที่เพื่อนมีความทุกข์หรือไงยัยพริกสด?”
“ก็นาน ๆ ทีจะมีเรื่องแบบนี้นี่น่าแล้วเป็นอะไรเหรอซอลลา?” พริกสดหันมาถามฉัน
“คือว่าช่วงนี้คุณแม่งานยุ่งมากแทบจะไม่อยู่บ้านน่ะสิ ฉันเป็นห่วงเลยส่งข้อความไปหาแต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่ตอบกลับเลยชักรู้สึกเป็นห่วงแล้วสิ” ฉันบอกกับเพื่อนและมองที่โทรศัพท์มันยังคงนิ่งไม่มีการตอบกลับมา
“งานเยอะแปลกว่าเงินเยอะขึ้นไงไม่เห็นต้องเครียดเลย”
“พริกสดนอกจากงานก็ควรห่วงสุขภาพด้วยบางทีงานอาจจะมีปัญหาก็ได้ปกติแม่ของซอลลาไม่ค่อยได้ไปไหนนาน ๆ แบบนี้นี่น่า” เจนบอกกับพริกสด
“ไม่โทรดูละในเมื่อไม่ตอบข้อความ”
“โทรแล้วไม่รับสายน่ะสิเลยส่งข้อความเอาไว้” ฉันบอกกับเพื่อนก่อนจะทิ้งตัวพิงกับเก้าอี้เรียนฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยมันแปลกประหลาด เป็นห่วงหายใจไม่ทั่วท้องมันเหมือนกับกำลังคิดอะไรตลอดเวลา...
“งานคงยุ่งจริง ๆ สินะ...”
“นักศึกษาทำความเคารพ!” ระหว่างที่เรากำลังคุยกันนั้นอาจารย์ก็เข้ามาสอนพอดีทำให้เราต้องเลิกคุยและไปสนใจเรียนแต่ว่าวันนี้เป็นวันแรกเลยที่ฉันไม่มีสมาธิเท่าไหร่มัวแต่เหม่อลอยจนไม่ได้ฟังอาจารย์สักนิด
“ทำไมท้องฟ้ามันครึ้มแบบนั้นนะ...” ฉันมองไปนอกหน้าต่างก่อนจะพูดออกมาเหมือนฝนจะตกเลยแหะ
“และการเรา...”
Rrrrr
และระหว่างที่อาจารย์กำลังอยู่นั่นเองโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นปกติแล้วมันไม่เคยดังเวลานี้นะ
“โทรศัพท์ใคร?” อาจารย์ถามอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เพราะขัดการสอนของเขา
“ขอโทษค่ะของหนูเองขออนุญาตนะคะ” ฉันบอกก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไม่รู้สิแต่ฉันมีความรู้สึกว่าต้องรับสายนี้เท่านั้น
ปึก!
“ฮัลโหลค่ะ...ซอลลาพูดสายค่ะ”
(คุณหนูซอลลาค่ะดิฉันเป็นเลขาของท่านประธานชื่อว่าบีต้าค่ะ) ได้ยินแค่นั้นฉันก็เริ่มรู้สึกใจไม่ดีเท่าไหร่ทำไมกันนะคงไม่มีเรื่องอะไรหรอก
“มีเรื่องอะไรเหรอคะเลขาของคุณแม่ถึงโทรมาเวลานี้คะและคุณแม่อยู่ไหนทำไมไม่ตอบข้อความ?” ฉันถาม
(ตอนนี้ท่านประธาน...)
“เป็นอะไรคะ?” ฉันเร่งเพราะอยากรู้คำตอบ
(ท่านประธานเส้นเลือดในสมองแตกตอนนี้อยู่โรงพยาบาลค่ะ)
“วะว่าไงนะคะ?!” ฉันถามกลับออกไปอย่างตกใจมันเป็นไปได้ยังไงทำไมคุณแม่ถึงได้เส้นเลือดในสมองได้ละคุณแม่ท่านแข็งแรงดีนิ?
(คุณหมอต้องผ่าตัดด่วนค่ะรบกวนคุณหนูมาเซ็นต์...)
“โรงพยาบาลไหนฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย!!”
(ลักซ์ค่ะ...) ฉันวางสายทันทีก่อนจะกลับเข้าไปในห้องเรียนเพื่อเอากระเป๋าอย่างรีบร้อน
ปัง!!
หมับ!!
“จะไปไหนซอลลา?!” เจนถามฉัน
“ดะเดี๋ยวฉันบอกนะไปก่อนฉันรีบ” ฉันบอกและไม่ได้ฟังเสียงเพื่อนและอาจารย์ที่ตะโกนเรียกเลยเวลานี้มันไม่ใช่เวลามาอธิบายอะไรทั้งนั้นฉันต้องไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด!!
จะโทรลุงมีคงไม่ทันแน่เพราะงั้นก็แท็กซี่แล้วกัน
ซ่า!!!
แต่เมื่อเดินออกมาจากอาคารเรียนฝนก็ดันตกลงมาอีกมันวันซวยอะไรของฉันนะแต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการกลัวฝนแล้วฉันออกไปที่ถนนเพื่อเรียกแท็กซี่ แต่ก็ไม่มีใครจอดรับเลย
“จอดหน่อย!!จอดหน่อยค่ะ!!!” ฉันพยายามโบกและสุดท้ายก็มี
ปึก!!
“โรงพยาบาลลักซ์ค่ะ!” ฉันบอกแท็กซี่ทันทีเมื่อขึ้นรถฉันสแกนจ่ายเงินทันทีโดยไม่สนว่ามันจะราคาเท่าไหร่แต่จำนวนที่ฉันให้มันเยอะแน่นอน
“ครับ” คนขับรถมองฉันนิดหน่อยทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยเอากระเป๋าบังตัวเอาไว้เพราะใส่ชุดนักศึกษาสีขาวและเปียกฝนมันเลยบางอย่างเห็นได้ชัด
โรงพยาบาลลักซ์
ปึก!
“โอ๊ยยยยย!!ยัยเซ่อเอ๊ย!”
ฉันลงจากแท็กซี่ทั้งที่ยังจอดไม่สนิทเลยทำให้ฉันล้มกองอยู่หน้าโรงพยาบาลฉันด่าตัวเองนิดหน่อยก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อไปหาแม่แม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะมีเลือดที่ขาอยู่ก็ตามแต่ฉันก็ยังวิ่งต่อไป ๆ ที่เลขาของคุณแม่บอกเอาไว้
ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยบาดเจ็บเลือดไหลแบบนี้เพราะคุณแม่ดูแลอย่างดีและจ้างคนมาดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะงั้นเรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉันเลือดออก ดูอ่อนแอซะจริงฉัน
“คุณหนูซอลลา!” เสียงเรียกชื่อทำให้ฉันหันไปตามเสียงเป็นผู้หญิงคุ้นหน้าฉันเคยเจออยู่หลายครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณบีต้าคุณแม่อยู่ไหนคะ อะโอ๊ยยยย!!” อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บแผลที่เข่าขึ้นมาเลือดไหลนองเลย
“เป็นอะไรไหมคะ?!” หมับ!! ดีที่ไม่ล้มลงไปอีกรอบเพราะคุณบีต้าจับเอาไว้ทัน
“มะไม่ค่ะ คุณแม่ละคะคุณแม่เป็นยังไงบ้างแล้วทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบขึ้นได้คะ?!” ฉันถามทั้งน้ำตา
“ท่านประธานทำงานเยอะมากค่ะและก็เครียดมาก ๆ ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาค่ะ ทำให้เกิดความเครียดสะสมและเส้นเลือดในสมองแตกค่ะ”
“อึบ!!กะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทหรือเปล่าคะ?” ฉันถามและภาวนาว่าอย่าให้เกิดอะไรเลย
“ค่ะ ตอนนี้บริษัทของเราอยู่ในภาวะล้มละลายค่ะ...”
ตุบ!!
“ฮึก!!วะว่ายังไงนะคะ?!” ฉันทิ้งตัวอย่างหมดแรงและช็อกมากกับสิ่งที่ได้ยินทั้งคุณแม่ป่วยและบริษัทที่ล้มละลาย....
“บริษัทล้มละลายและบ้านเป็นหนี้ธนาคารค่ะคุณหนูอีกไม่นานบ้านอาจจะโดนยึด”
“มะไม่จริงอะ...ไม่จริง!!ไม่จริง!!!กรี๊ดดดดดดด!!ฮือออออ!!”