ตอนที่ 8
“ค่ะฉันเข้าใจคุณดีแล้วนี่ดื่มน้ำเย็นๆก่อนสิคะ” เมื่อภรรยาของเขายื่นแก้วน้ำส่งไปให้ และเขารับแก้วนั้นนำมาดื่ม รู้สึกชื่นใจแก้กระหายเป็นอย่างมาก หล่อนเอาอกเอาใจสมกับเป็นแม่ศรีเรือนทีดี แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้เขารักหล่อนมากขึ้นทุกวันได้อย่างไร
ส่วนคิ้วนางนั้นเธอก็เพิ่งเดินมาจากในครัวเพราะว่าได้เข้าไปช่วยพี่สะใภ้ทำอาหารเย็น เลยทักพี่ชาย
“อ้าวพี่ยุห์..กลับมาแล้วหรือคะ”
เขาพยักหน้ากับน้องสาว “ใช่ พี่เพิ่งมาถึง”
“คงหิวมากล่ะสิ อาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยลงมากินข้าว นางจะได้รับเตรียมสำรับไว้รอ เพราะนางกับพี่บุ้งพากันทานจนอิ่มแล้ว”
ใช่เป็นอย่างนั้นเพราะพลพยุห์ไม่อยากให้ทั้งภรรยาและน้องสาวรอคอยเขาคนเดียว ถ้ากลับดึก หากถ้าวันไหนกลับมาตามปกติ ถึงบ้านหกโมงเย็น ก็ได้ทานอาหารร่วมกัน
“ดีล่ะ นึกหิวอยู่พอดีเลย เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำก่อน”
พลพยุห์ตอบแล้วก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำให้เรียบร้อย จึงค่อยโล่งสบายตัว
หลายวันที่ผ่านไปในสายตาของบุษราภรณ์ที่ถือว่าอยู่ใกล้ชิดกับน้องสาวของสามี คิ้วนางเป็นเด็กสาวที่เรียนรู้ง่าย ฉลาด ปรับตัวได้ง่าย เข้ากับใครได้ทุกคน เพราะเป็นคนร่าเริง อีกอย่างหนึ่ง คือคิ้วนางเป็นเด็กสาวที่ถือว่าปากกล้าท้าทายไม่น้อย ประเภทไม่ยอมคน ออกจะดื้อนิดๆ ก็มีเหตุผล
ทำให้บุษราภรณ์รู้สึกถูกชะตาด้วยกับเด็กสาวคนนี้ ขณะนี้บุษราภรณืนั่งอยู่ข้างล่าง เช่นเดียวกับสามีที่เขาเดินลงมาจากข้างบนอีกครั้งสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามสีขาวแบบง่ายๆ คิ้วนางเป็นฝ่ายจัดเตรียมสำรับกับข้าวให้พี่ชายอย่างเรียบร้อย มีบุษราภรณ์นั่งเคียงใกล้ ชื่นชมการปฏิบัติตัวของน้องสาวสามี ที่เอาใจใส่คนในครอบครัว และสีหน้าของคิ้วนางก็บ่งบอกถึงความสุขสบายใจมีรอยยิ้มละไมที่ริมฝีปากและใบหน้า เมื่อเธอแอบจ้อง ลอบสังเกตพี่ชาย แบบที่เขาไม่รู้ตัว
“พี่ยุห์ขาช่วยทานให้เยอะๆนะคะกับข้าวอร่อยทั้งนั้น เพราะว่าเป็นฝีมือของพี่บุ้ง แล้วอีกอย่างนางก็ช่วยด้วย แต่เป็นแค่ลูกมือนะคะ ถ้าทานไม่หมดน่ะ นางน่ะเสียดายแย่เลย กับข้าวดีๆทั้งนั้น พี่ยุห์เองก็เหนื่อย คงหิว”
คิ้วนางพูดแกมบังคับให้พี่ชายทานอาหารที่อุตส่าห์ทำให้หมดเพราะเหลือทิ้งก็รู้สึกเสียดายข้าวของที่อุตส่าห์ทำมากับมือ และบุษราภรณ์นั้นก็อมยิ้มด้วยอีกคนให้กับคำพูดที่น่ารักน่าหยิก และแสนฉลาดของน้องสาวสามี ที่รู้มารยาท รู้อะไรควรไม่ควร สองพี่น้องคู่นี้นั้นดูกลมเกลียวรักใคร่กันดี
เพราะหล่อน ในอาชีพที่ตัวเองแสนรัก เตรียมพร้อมเสมอกับการปรับตัวการเป็นแม่พิมพ์ของชาติเป็นสาขาที่คิ้วนางได้เลือกไว้ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่เริ่มงานสอนเด็ก นักเรียนชั้นอนุบาลนั้น มันก็ไม่ได้ง่ายหรอก อาศัยใจรักและสามารถรับมือกับพ่อหนูแม่หนูจอมซนทั้งหลายได้ และจะว่าไปนั้นมันก็เหนื่อยกว่าที่คิดเสียอีกเพราะทั้งพ่อหนูและแม่หนูแสนซนและรั้นกว่าที่คิด
“เหนื่อย ค่ะ กับการที่เราจะต้องมาสู้รบปรบมือ รบรากับพวกเด็กๆจอมซนทั้งหลาย”
คิ้วนางเอ่ยเล่าให้พี่ชายฟัง เมื่อเขาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของเธอ เพราะจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร
เขาไม่อยากให้น้องสาวอึดอัดหรือเครียด การพูดระบายออกมาทำให้เขานั้น เข้าใจความรู้สึกของน้องสาวได้เป็นอย่างดี
“ซ้นซนมากๆเลยค่ะก็เลยต้องหลอกโน่นนี่บางครั้งก็ต้องปล้ำกันอุตลุดเลย” คิ้วนางทำท่าเหมือนเหนื่อยเวลาพูด และพี่สะใภ้ก็หันมายิ้ม เมื่อรับฟังด้วย
“แหม ก็เด็กๆนี่จ้ะ ตัวกะเปี๊ยกเดียว แล้ว คิดว่านางพอจะไหวมั๊ย” หากบุษราภรณ์ถาม ด้วยเพราะความเป็นห่วงเป็นใยนั่นเอง เลยทำให้คิ้วนางต้องเงยหน้าขึ้นตอบพี่สะใภ้อย่างมั่นอกมั่นใจ ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องเกรงกลัวเป็นอุปสรรคสำหรับคิ้วนาง
“ไหวค่ะ เรื่องแค่นี้เอง นางไม่กลัวหรอกค่ะ”
ตอบแล้วเธอก็เป็นฝ่ายหันไปถามพี่สะใภ้บ้าง
ส่วนพี่ชายนั้นเมื่อเขาอิ่มจากรสชาติอาหารแล้วก็นั่งเงียบ เพื่อให้ท้องได้ย่อย จึงไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ยังทานไม่เสร็จ เพราะอาหารมีมากมายหลายชนิดของโปรดของเขาทั้งนั้น ท้องรู้สึกอิ่ม แต่อาหารยังไม่หมด จนต้องกินที่เหลือให้เสร็จ อย่างที่น้องสาวเอ่ย เพราะเขาเชื่อว่า น้องสาวหวังดีต่อพี่ชายอย่างเขาเสมอมา
“เอ้อ แล้วทางพี่บุ้งล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”
“ใช่ พี่เองก็เหนื่อย แต่มันเป็นงานนี่นา ไม่เหนื่อยก็ต้องเหนื่อย เพราะมีลูกค้าชองบริษัททั้งเก่าใหม่ ก็อย่างว่านั่นล่ะ ช่วงนี้ บริษัทของพี่ อยู่ในช่วงปิดงบดุลประจำปี”
คิ้วนางนั้นฟังพี่สะใภ้เอ่ยบอกและเธอเข้าใจบ้าง รวมทั้งไม่เข้าใจบ้าง แต่พยายามคาดเดาความ จนเข้าใจ แล้วจึงหันไปทางพี่ชาย
“ทานให้มากๆนะคะพี่ยุห์ เพราะพี่ทำงานหนัก”
และพลพยุห์ก็อมยิ้มกับคำพูดของน้องสาว และเขาห่วงใยคิ้วนางไม่น้อย
“แล้วนี่เธอก็เหมือนกันเพราะพี่ว่าการเป็นครูน่ะ มันต้องเหนื่อย เพราะต้องดูแลเด็ก”
พี่ชายก็พูดถูก แต่คิ้วนางพยายามเก็บความรู้สึกไว้ดีกว่า เธอเพิ่งเข้ามาทำการสอนได้เดือนกว่าๆ หากแต่เมื่อพี่ชายเอ่ยเรื่องนี้ จึงเบ้ปาก เมื่อพูดถึงอาหารการกิน
“ไม่หรอกค่ะเรื่องทานนี่นางพยายามจะทานให้น้อยลงค่ะ เพราะจะลดหุ่น กลัวอ้วน”
คิ้วนางตอบออกไปอย่างนั้นหากสองสามีภรรยานั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยท่าทีคำพูดที่แสนจะแก่แดดของเธอ ครั้นต่อมาก็ถึงเวลาที่สมาชิกภายในบ้านจะได้แยกย้ายเพื่อขึ้นไปพักผ่อนในห้องส่วนตัวคิ้วนางเองก็เช่นกันได้ขึ้นไปก่อนพี่ชายและพี่สะใภ้พอเปิดประตูได้ ก็ปิดล็อกกลอน แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
จากนั้นสักพักจึงปิดดวงไฟที่หัวเตียง ส่วนพลพยุห์เขาสำรวจดูกลอนประตูของบ้านให้เรียบร้อย ก่อนจะปิดไฟดับ แล้วถึงได้ขึ้นชั้นบน