เจ็บฝังรอยจำ

1219 Words
ตอนที่ 2 ฮึ ง่ายดายอย่างนั้นหรือคงจะมีแผนบางอย่างในใจของหล่อนคิดหรือว่าคนอย่างวาทิตจะยอมหลงกลและโง่เง่าไปตลอดไป ทีนี้ล่ะพอเขาได้รู้แล้ววาทิตควรจะทำยังไงดี และเขาจะตอบสนองหล่อนด้วยวิธีนี้ ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามารับรู้จากบรรดาคนใช้อีกครั้งว่า ทั้งบิดาและมารดามีธุระออกไปทำข้างนอก เขาจึงไม่มีเวลาบอกท่านทั้งสอง และอีกครั้ง ที่เขาได้เตรียมตัว เพื่อออกจากบ้าน เขามีอะไรทำสนุกๆแล้ว หล่อนดิ้นรนมาหาเขาเอง เขาไม่ออกจากบ้านนานแล้ว นึกเบื่อไปหมด แต่คราวนี้เกิดเปลี่ยนใจ จึงเดินไปที่โรงจอดรถ แล้วหยิบกุญแจไข ก่อนเข้าไปสตาร์ท แล้วพารถคันหรูแล่นออกไปข้างนอก เมื่อความมืดนั้นได้โรยตัวเข้ามาแล้วชายหนุ่มเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งบ่งบอกเป็นเวลาสองทุ่ม ในยามนี้ ของท้องฟ้าเมืองราตรีในใจกลางเมืองศิวิไลซ์ ซึ่งดูแล้วมันไม่เคยหลับใหลไปตามราตรีกาลอย่างเช่นเวลานี้ ปลุกความรื่นเริงคึกคัก ไปแทบถนนทุกสาย หรือแม้แต่ซบเซา ไม่มีเลย หาก มันมีทั้งสีสันแต่งแต้ม ให้เพริดพรึงตะลึงใจและสิ่งล่อตาล่อใจนั่นก็ชวนให้ปลุกเร้าประสาทของเขา แทบทุกขุมขนอณู ผิวเนื้อแน่น หากเมื่อใกล้ถึงแล้ว ฝ่ายของหล่อนก็โทร.มาอีก “ ถึงไหนแล้วคะ เขมรออยู่นะ” “ใกล้ถึงแล้วครับ” เพราะว่าวาทิตก็กำลังจะเลี้ยวพารถกลับเข้าไปจอดยังลานจอดพอดีจากนั้นก็ดับเครื่องยนต์สนิท ก่อนจะถือกุญแจติดมือไปด้วยกันแล้วเขาก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อแจ้งเรื่องให้ทราบเพราะว่าเขมญาสั่งไว้กับพนักงานเรียบร้อยแล้วเขาจึงกล้าถามไถ่และทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็รับรู้และบอกให้เขาขึ้นไปที่ข้างบนเลยที่ลิฟต์ พร้อมกับกุญแจเพื่อไขเข้าไปในห้อง หากขึ้นลิฟต์มาแล้วและร่างสูงโปร่งได้ก้าวมาหยุดยืนนิ่งก่อนด้วยใจสงบ พร้อมการชั่งใจ อยู่ที่ประตูหมายเลขดังกล่าว ก่อนที่เขานั้นจะตัดสินใจใช้มือเคาะที่ประตูเบาๆ และก็ไม่นานนัก ฝ่ายข้างในห้องที่โผลุกออกมา พร้อมกับเสียงผลักจนประตูเปิด “เข้ามาข้างในสิคะ” เพราะหล่อนยิ้มเชิญชวนให้เขา และหวานหยดย้อยจนแลมพ์อยากจะอ้วกใจของเขามันชาชืดไปแล้วในตอนนี้บทพิศวาสมาปลุกไม่ก่อเกิดอารมณ์ใดทั้งสิ้นที่จะสานต่อหากนั่นฝ่ายวาทิตก็ชำเลืองและกวาดตามองนิดหนึ่งเป็นการรับรู้ แต่แล้วเขาก็เดินเข้าไปอย่างเงียบๆครั้นพอประตูนั้นถูกดึงปิดพร้อมล็อกอีกครั้ง ในบรรยากาศเป็นส่วนตัว แล้วจากนั้นร่างของหล่อนก็พลันถลันเข้ามาจู่โจมและกอดเขาเอาไว้ จากทางด้านหลัง ซึ่งชายหนุ่มสะดุ้งและตกใจเช่นกัน หากแต่ว่าเขา ก็ยังคงทำสีหน้าเป็นปกติ เหมือนกับว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น และนอกเสียจากรั้งตัวเขายึดไว้แน่นกลัวตัวเขาหายและล่องหนจากไป หล่อนเลยกอดเขาแนบแน่นไม่ยอมให้ห่างกาย แล้วหล่อนก็พร่ำพรรณนาออกมา “คิดถึงมากเลยค่ะ นี่ รู้ไหมคะ แลมพ์ เขมคิดถึงคุณมากเหลือเกิน” หล่อนเน้นคำหลัง เพราะหล่อนยังคงแนบใบหน้าทาบอยู่บนแผ่นหลังของเขานั่นเองเลยทำให้วาทิตเป็นฝ่ายรู้สึกอึดอัดและเขาก็พร้อมที่จะดึงสติกลับมาเป็นของตนเองอีกครั้ง หากคราวนี้ นั้นเขาเพียงแต่ปั้นรอยยิ้มหวานตอบสนอง เพื่อให้หล่อนนั้นตกหลุมพราง และตายใจในการกระทำของเขา และในเวลานี้เขมญา หล่อนนั้นอยากเหลือเกินที่จะปรนเปรอ บำเรอรักให้เขาอย่างเต็มที่อย่างที่ใจเขาต้องการ คงเหมือนหล่อน เขมญาคิดไปเอง หากพร้อมกันนั้นที่เนื้อนวลของหล่อนกำลังตระกองกอดและสัมผัสร่างของเขาไล้ลูบทดสอบเสน่หาจากเขาอย่างพลิ้วรัญจวน เพื่อให้แนบแน่นชิดเชื้ออย่างจงใจและนั่นก็เพื่อต้องการเติมไฟรักและเชื้อไฟสวาทที่กำลังพุ่งโพลงในใจของหล่อน ครั้นแล้วฝ่ายวาทิตเป็นคนเงยใบหน้าผ่านมาจ้องมองหล่อนนิดหนึ่งอย่างรู้สึกสังเวชเต็มประดาและเขานั้นได้รู้สึกขยะแขยงกับการกระทำแบบเอาเนื้อตัวเข้าแลกของหล่อนมากที่สุดเพราะดวงตาของเขาเริ่มขุ่นพร้อมกับมีรอยยิ้มเยาะหยันที่มุมปากก่อนจะ ถามออกไป “ฮึ เพราะคุณต้องการให้ผม มาที่นี่ใช่ไหม?” แล้วเขมญาก็ยิ้ม พร้อมพยักหน้าอย่างถูกต้อง จะกล่อมให้เขาอยู่ในมนต์สวาทที่หล่อนต้องการ “ใช่สิคะ เพราะ เขมคิดถึงคุณมาก” รวมทั้งในเวลานี้เขาวาทิตก็กำลังครุ่นคิดถึงบทบาทที่จะตอบสนองสาดใส่ผู้หญิงคนนี้ เพราะเขาไม่คิดว่า การมาที่นี่ของเขา จะมาเพื่อกลายเป็นเครื่องสำรองนักของใคร วาทิตไม่เคย ชอบของกากเดน เขาชอบแต่ของสดซิง ที่ตัวเขาเป็นคนลิ้มลองครั้งแรกเวลานี้เขมญาหมดคุณค่าไปแล้ว แต่หล่อนนั้นกลับเป็นฝ่าย ที่พยายามดึงรั้งคอปกเสื้อของเขาแล้วรั้งโน้มให้ต่ำลงเพื่อชิดเบียดกับกายสาว และหล่อนก็พร้อมที่จะกระแซะเข้ามาหา กับอกอุ่นไอของชายหนุ่มใหญ่รูปหล่อด้วยชั้นเชิงรักเชิงเสน่หาที่ตัวหล่อนยังมีต่อเขาเสมอมาไม่เคยจางหาย “เขม ไม่เคยลืมคุณเลยและยังรักคุณเสมอ ค่ะ ทิต” กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเขาแต่ สำหรับฝ่ายของวาทิตเขาไม่โง่หรอก ที่จะไม่สามารถอ่านเดาจากแววตาของความปรารถนาในตัวของหล่อนได้ มันเริงแสงและเร่าร้อนด้วยไฟสวาท และสิ่งที่หล่อนต้องการ มันจะไม่มีทางสำเร็จได้ “คนดีของเขมแหมนี่ นึกว่าทิตจะปฎิเสธเขมเพราะเขมกล้าอย่างนี้เอ้อเขมกลัวว่าจะต้องกินแห้วซะแล้ว หากว่า โทร.นัด แล้วทิตไม่มาเนี่ย” “แต่ผมก็มา” หากน้ำเสียงนั้นเอ่ยเรียบ ก็เหมือนกับคนที่พยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงเอาไว้ให้ดูเป็นปกติ แม้จะดูตึงไปนิด แต่หล่อนก็ไม่สนใจ หากแต่ในใจของวาทิตเฝ้าครุ่นคิด เรื่องราวในอดีต นี่เหรอที่หล่อนบอกว่าในเวลานี้เขมญากลับมาคิดถึงเขาเฮอะรักเขาและมาคิดถึงเขาได้อย่างไรกันนะ บ้าที่สุดเพราะเขาไม่อยากจะเชื่ออีกอย่างเขาไม่ใช่ไอ้โง่ที่ใครจะมาสนตะพายได้อีกแล้วถึงแม้ว่าแลมพ์หล่อเหลาคมคาย ส่วนปากเขาในยามสุภาพก็พูดสุภาพอ่อนโยนหากแต่ถ้าปากจัด ร้ายละก็ นั่น ล่ะเขาก็ยิ่งกว่า ปากตะไกรเสียอีก คิดดังนั้นจึงได้เริ่มแผนการด้วยการจุดยิ้มที่มุมปากซึ่งดูเย็นชาที่ใบหน้าคร้ามคม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD