บทที่ 7 สตรีผู้เหี้ยมโหด

2228 Words
เมิ่งลี่เฟยหันมาสนใจเสี่ยวเหลียนที่ยังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวในใจ “เจ้าเจ็บเพียงนี้คนพวกนั้นยังไม่คิดจะสนใจ จวนแห่งนี้คือนรกของจริงใช่หรือไม่เสี่ยวเหลียน” เมิ่งลี่เฟยออกแรงดึงร่างของเสี่ยวเหลียนขึ้นจากพื้นที่เย็นจัด ทว่าในยามนี้นางเองก็แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว สิ่งที่ทำได้จึงเป็นเพียงนำผ้าห่มกับหมอนมาปูแล้วผลักร่างของบ่าวรับใช้ให้กลิ้งไปนอนบนผ้าห่มอย่างทุลักทุเล เสียงของบ่าวข้างนอกเรือนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ขอท่านอ๋องทรงประทานอภัย พระชายารองมีน้ำพระทัยหากจะลงโทษก็ให้ลงโทษบ่าวเถิดเพคะ บ่าวยินดีรับโทษนี้แทนพระชายารอง เมิ่งลี่เฟยส่ายหน้าด้วยความรู้สึกว่าพวกเขาช่างเสแสร้งนัก ละครฉากนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง นางเองก็อยากรู้ว่าคนใจดำผู้นั้นจะตัดสินเช่นไร หรือจะตามมาหาเรื่องนางในนี้อีก ทว่าผ่านมาชั่วครู่แล้วประตูเรือนก็หาได้เปิดออกอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อไม่มีผู้ใดเปิดประตู เมิ่งลี่เฟยจึงเดินไปหยิบยาเพื่อมาทาแผลให้เสี่ยวเหลียน หูของนางยังเงี่ยฟังคนด้านนอกด้วยความสนใจ สุดท้ายแล้วท่านอ๋องผู้นั้นมิได้ทำให้นางผิดหวัง เมื่อเขาเอ่ยเสียงดังราวกับต้องการให้นางได้ยินเช่นกัน พระชายารองทำผิดจริง เช่นนั้นเปิ่นหวางขอลงโทษให้กักตัวในเรือนตนเองเพื่อสำนึกผิดในความผิดนี้ ห้ามพระชายารองออกจากเรือนเป็นเวลาเจ็ดวัน มุมปากของเมิ่งลี่เฟยโค้งขึ้นก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะอันดังด้วยความขบขันปนสมเพชกับคำตัดสินนี้ เต๋อลู่หานได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีที่อยู่ด้านใน ดวงตาของเขาจึงจ้องประตูเขม็ง ในใจอยากจะผลักเข้าไปถามนักว่านางมีเรื่องใดน่าขบขันกันหรือ ก่อนที่เขาจะก้าวเท้ามือเรียวของพระชายารองกับรั้งเขาเอาไว้เสียก่อน "ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันยินดีรับโทษ เรากลับกันเถิด เพคะ ยืนตรงนี้นานเกินไปทำให้หม่อมฉันรู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นอย่างยิ่งเพคะ" ได้ยินดังนั้นเต๋อลู่หานรู้สึกสงสารพระชายารองจนเจ็บในใจ ที่ผ่านมาเขาถนอมนางเอาไว้ในฝ่ามือ มิเคยทำให้ชอกช้ำใจแม้แต่น้อย ทว่าบัดนี้เขากลับต้องสั่งลงโทษเมียรักด้วยตนเองโดยไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้มาก่อน ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าต้องเพราะนางปีศาจผู้นั้นที่ทำให้จวนที่สงบสุขวุ่นวายเพียงนี้ เมิ่งลี่เฟยรับรู้ถึงความลำเอียงนี้ของเต๋อลู่หานเป็นอย่างดีและนางยังจดจำความรู้สึกเอาไว้ในใจว่าเขาเคยกระทำสิ่งใดกับนางเอาไว้บ้าง คนผู้นั้นไม่คู่ควรให้นางเคารพนับถือในฐานะสามีเลยแม้แต่น้อย แต่เอาเถิดยามนี้มิใช่เวลาจะเปิดศึก นางจะเกิดปัญหากับตนเองในยามอ่อนแออีกไม่ได้ หากนางล้มลงอีกคนจะปกป้องเสี่ยวเหลียนได้อย่างไร เต๋อลู่หานประคองเฉียนมี่กลับเรือนของนาง เฉียนมี่ของเขาร่างกายอ่อนแอยิ่ง หากไม่ดูแลให้ดีมักจะล้มป่วยอยู่เสมอ เฉียนมี่แท้จริงแล้วเป็นบุตรสาวพ่อค้าผู้หนึ่ง แม้ว่าเต๋อลู่หานอยากจะให้นางอยู่ในตำแหน่งชายาเอกแต่เพราะชาติตระกูลต่ำต้อย จึงทำให้ไทเฮาไม่ทรงเห็นด้วย เขาเองไม่อยากมีปัญหากับพระมารดาจึงจำใจต้องทำตามรับสั่งเฉียนมี่จึงเป็นได้เพียงแค่พระชายารองของเขา นอกจากใบหน้าที่งดงามหมดจดของเฉียนมี่แล้วเต๋อลู่หานยังหลงใหลในความอ่อนหวานและช่างเอาอกเอาใจของนาง แม้ว่าเขามีอนุอีกสามคนอยู่ในจวนก็ไม่เคยสนใจสตรีเหล่านั้นราวกับว่าพวกนางไร้ตัวตนในจวนแห่งนี้ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เฉียนมี่ที่ใบหน้าซีดเซียวก็แข้งขาอ่อนแรง ทำให้เต๋อลู่หานต้องอุ้มนางเอาไว้พากลับเรือนด้วยใจร้อนรน "ข้าสั่งกักบริเวณเจ้าในเรือน เจ้าโกรธข้าหรือไม่" เฉียนมี่ซุกใบหน้ากับอกกว้างตอบเสียงอ่อนหวาน "หม่อมฉันทำผิดจริง ถูกลงโทษสมควรแล้วเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้ทรงกังวลหม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ" เต๋อลู่หานไม่กล่าวสิ่งใดอีก ในใจหวนคิดถึงใบหน้าของสตรีนางนั้น ในยามที่เมิ่งลี่เฟยโยนอาหารลงพื้นโดยไม่แยแสนางช่างมีสีหน้าราบเรียบไม่ทุกข์ร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งคิดถึงใบหน้าของเมิ่งลี่เฟยที่แสนเย็นชา จู่ ๆ เต๋อลู่หานบังเกิดความรู้สึกคล้ายคลื่นที่สาดโหมกระหน่ำจิตใจร้อนรนพาล ไม่สงบขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อภายนอกไร้เสียงคนแล้ว เมิ่งลี่เฟยจึงถอดเสื้อของเสี่ยวเหลียนออกกระทั่งเผยแผ่นหลังที่เป็นรอยบวมช้ำ นิ้วเรียวเปิดกล่องยาแล้วเริ่มทายาไปที่รอยบาดแดงบนแผ่นหลังของเสี่ยวเหลียนอย่างระมัดระวัง "เสี่ยวเหลียนทั้งหมดเพราะข้าแท้ ๆ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก" น้ำเสียงอิดโรยของเสี่ยวเหลียนพลันดังขึ้น "คุณหนูเสี่ยวเหลียนทนไหวเจ้าค่ะ" เสียวเหลียนได้สติแล้ว เพียงคำนี้ของสาวใช้ดังขึ้น น้ำตาแห่งความอ่อนแอของเมิ่งลี่เฟยพลันไหลออกมา เมิ่งลี่เฟยพ่นลมหายใจยาวกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เสี่ยวเหลียนรู้ว่านางกำลังร้องไห้ ทั้งหมดนี้เพราะไม่ต้องการให้เสี่ยวเหลียนกังวลใจ "อืม ก็ดีแล้ว" ในตอนที่เมิ่งลี่เฟยได้พบกับเสี่ยวเหลียนนั้นคือตอนที่หญิงสาวมีอายุเพียงเก้าขวบ และเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงอันเลวร้ายของเมิ่งลี่เฟยเช่นกัน บุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ที่ตายไปแล้วแห่งจวนท่านมหาเสนาบดีเมิ่งกำลังออกเที่ยวชมตลาดกับบ่าวรับใช้และคนคุ้มครองราวสิบคน ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูผู้นี้มีฐานะใดจึงหลีกหนีและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ให้ตนเองลำบาก กระทั่งเมิ่งลี่เฟยเกิดความเบื่อหน่าย อาศัยที่สาวใช้เผลอจึงลอบหนีออกไปเดินเล่นตามถนนคนเดียว และในยามนั้นเองที่นางพบเด็กน้อยขอทานผู้หนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมถนน เมิ่งลี่เฟยในมือถือซาลาเปาลูกใหญ่ ทั้งยังมีขนม ดอกกุ้ยฮวาอยู่ในมืออีกข้าง เด็กขอทานนางนั้นมองมาที่ขนมในมือของเมิ่งลี่เฟยพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เมิ่งลี่เฟยเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ล้วนได้รับการสั่งสอนมาว่าอย่าได้เข้าใกล้ขอทานสกปรกเป็นอันขาด ด้วยความยังเด็กนักนางจึงถอยหลังไปหลายก้าว ทว่าเด็กน้อยนางนั้นก็ยังคงมองขนมในมือเมิ่งลี่เฟยไม่วางตา เมิ่งลี่เฟยบังเกิดความสงสารจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นขนมนั้นให้เด็กขอทาน เด็กขอทานผู้นั้นรับไปกินอย่างเอร็ดอร่อย เมิ่งลี่เฟยไม่เคยเห็นผู้ใดกินได้ตะกละเช่นนี้มาก่อนในชีวิตจึงเกิดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง "เจ้าเป็นขอทานหรือมีนามว่าอย่างไร พ่อแม่ไม่มีหรือเหตุใดจึงได้มาขอทานเช่นนี้" เด็กขอทานนางนั้นทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าไปพร้อม ๆ กัน ท่าทางประหลาดแท้ "นามข้าคือเสี่ยวเหลียน บ้านอยู่ไกลมากข้าไม่มีพ่อแม่ พวกเขาไม่รู้ไปที่ใดแล้ว ตัวข้าอยู่กับขอทานผู้อื่น" เสี่ยวเหลียนขอทานน้อยตอบเจื้อยแจ้ว ใบหน้าดำเมี่ยมเสื้อผ้าขาดจนเมิ่งลี่เฟยคิดว่าจะทนความหนาวได้อย่างไร แต่เด็กน้อยผู้นี้ก็ยังดูสบายดี เมิ่งลี่เฟยจึงนับถือในความอดทนต่อความหนาวบาดกระดูกของนาง เมิ่งลี่เฟยยืนดูเสี่ยวเหลียนกินขนมจนหมด กระทั่งคล้ายขนมจะติดคอใบหน้าแดงก่ำทั้งไอออกมา กว่าจะหายใจได้อีกคราก็แทบแย่ เมิ่งลี่เฟยรู้สึกขบขันจึงหัวเราะออกมาจนปวดท้อง "ข้าถูกใจเจ้า เห็นหน้าเจ้าแล้วสนุกกว่าเล่นกับบ่าวในจวนเสียอีก" ว่าแล้วนางก็ควักถุงเงินออกมาทั้งมอบให้เด็กขอทานไปทั้งถุง เมิ่งลี่เฟยกลัวว่าบ่าวจะตามมาเจอแล้วห้ามนางให้เงินคนมากเช่นนี้ นางจึงปัดมือของตนเองแล้วบอกเสี่ยวเหลียนเบา ๆ "ข้าไปก่อนนะ เงินนี่ให้เจ้าไปซื้อของที่อยากกิน" เสี่ยวเหลียนรับถุงเงินมาอย่างงง ๆ กระทั่งคิดได้จึงยิ้มกว้างออกมา "ขอบคุณ คุณหนู" เมิ่งลี่เฟยเพียงพยักหน้าแล้วหมุนตัวคิดเดินจาก ทว่านางกลับชนเข้ากับบุรุษผู้หนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเขากำลังแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวเผยฟันดำเมี่ยม เมิ่งลี่เฟยตกใจ แต่นางไม่หวาดกลัวด้วยรู้ว่าไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งกับชนชั้นสูงให้เดือดร้อนเป็นแน่ ตรงกับที่นางคิด คนผู้นั้นเมื่อเห็นการแต่งกายด้วยผ้าไหมเนื้อดี ใบหน้างดงามทั้งยังปักปิ่นหยกแสดงฐานะสูงส่ง คนผู้นั้นขยับกายห่างนางทันใด ทั้งยังเอ่ยชมดวงตาวาว "โอ๊ะ คุณหนูบ้านใดกันจึงได้น่ารักเช่นนี้ โปรดอภัยให้ข้าน้อยที่ไม่มีตา" เมิ่งลี่เฟยเชิดใบหน้าเล็กที่ฉายแววงดงามจนคนต้องตื่นตะลึงขึ้นเล็กน้อย นางกระแอมให้คอโล่งส่งเสียงดังฟังชัด "ทหารของข้ามาโน่นแล้ว รีบหลีกทาง" แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำว่าทหาร บุรุษฟันดำผู้นั้นพร้อมกับพวกอีกสองคนรีบค้อมตัวหลีกทางให้อย่างนอบน้อม เขาผายมือแล้วเอ่ยว่า "เชิญคุณหนูขอรับ" เป็นทหารอารักขาของเมิ่งลี่เฟยจริง ๆ พวกเขาหน้าตื่นวิ่งเข้ามาหานาง ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิเมิ่งลี่เฟยสักคน ได้แต่ขอให้นางกลับไปที่เกี้ยวเพราะได้เวลากลับจวนแล้ว "ข้ายังอยากเดินเที่ยวอีกหน่อย" เมิ่งลี่เฟยเอ่ยคำนี้แล้วเดินไปอีกทางทหารต่างมองหน้ากันแม้ถึงเวลากลับแต่คุณหนูยังไม่อยากกลับพวกเขาก็ไม่กล้าจะขัดจึงได้แต่เดินตามอารักขาอยู่ห่าง ๆ ผ่านมาราวครึ่งชั่วยามเมิ่งลี่เฟยที่กำลังจะกลับจวน พลันได้ยินเสียงแหลมเล็กของเด็กผู้หนึ่ง นางจึงหันไปมองเห็นร่างของเด็กขอทานผู้นั้นที่นางได้ให้เงินไว้ถูกลากไปที่มุมหนึ่ง เมิ่งลี่เฟยก้าวขาวิ่งไปที่ตรอกเล็กแคบนั้นทันใด ทหารองครักษ์ได้แต่ร้องเรียกคุณหนูด้วยความตกใจเช่นกัน ทว่าเมื่อไปถึงเมิ่งลี่เฟยกลับพบเด็กหญิงขอทานคนนั้นถูกทำร้ายจนนอนตัวงออยู่ที่พื้น ใบหน้าของเด็กน้อยขอทานถูกตีจนเลือดอาบ รู้สึกว่าศีรษะจะมีแผลลึกอีกด้วย เมิ่งลี่เฟยกัดฟันเอ่ยด้วยความรู้สึกโกรธแค้น "ผู้ใดทำเจ้า ผู้ใด" เด็กชี้นิ้วเล็กไปอีกทางหนึ่งพร้อมกับเอ่ยว่า "ชายสามคนใส่ชุดดำ พวกเขาปล้นเอาเงินข้าไป" เมิ่งลี่เฟยตะโกนสั่งองครักษ์ทันใด "ไปลากตัวมันมา สั่งสอนให้เข็ดหลาบ" ชั่วพริบตาเมิ่งลี่เฟยก็ยืนกอดอกอยู่ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านจำนวนมากที่มามุงดูอย่างสนใจ ช่างบังเอิญยิ่งที่บุรุษที่ถูกจับตัวมานั้นคือคนที่นางเดินชนก่อนหน้านี้นั่นเอง เมิ่งลี่เฟยไม่พูดพร่ำทำเพลง นางสั่งให้ทหารค้นตัวพวกมันจนกระทั่งได้ถุงเงินของนางคืนมา ผู้คนเริ่มสงสัยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ไม่มีผู้ใดอธิบายให้คนที่มามุงดูเข้าใจ เมิ่งลี่เฟยไม่สนใจสายตาของผู้ใด ทั้งยังไม่คิดส่งคนผิดให้ทางการเลยสักนิด โทษนี้นางคิดจะจัดการด้วยตนเอง "เอาแส้มาให้ข้า ข้าจะโบยพวกมันเอง" ในยามนั้นเองที่เมิ่งลี่เฟยในวัยเพียงเก้าขวบลงมือเฆี่ยนตีคนพวกนั้นด้วยตนเองโดยไม่คิดปราณีผู้ใดเลยแม้แต่น้อย ข่าวลือถูกแพร่กระจายออกไปว่าเมิ่งลี่เฟยเหี้ยมโหดเพียงใด ทั้งที่เป็นเพียงสตรีที่อายุน้อยผู้หนึ่งยังเฆี่ยนคนจนสลบคาแส้ ผู้คนสงสัยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น บ้างก็ว่าคนพวกนั้นเพียงแค่ขวางทางเดินของเมิ่งลี่เฟยจึงถูกลงโทษอย่างหนัก บ้างก็ว่าคนพวกนั้นเพียงแค่ฟันดำก็ทำให้คุณหนูจวนเสนาบดีมีโทสะจนต้องถูกทำโทษ นับแต่นั้นมาชื่อเสียงความโหดร้ายของเมิ่งลี่เฟยจึงถูกเล่าขาน ทั้งยังขนานนามให้นางว่าเป็นคุณหนูปีศาจแห่งจวนเสนาบดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD