ชีวิตวุ่นๆ ของเด็กชายเจย์เดนก็เริ่มขึ้น เมื่อผมไปโรงเรียนโดยเข้ากลางเทอมของชั้นอนุบาล ด้วยความที่ผมตัวเล็ก แก้มยุ้ย ผิวขาว และผมสีน้ำตาลอ่อน มันเลยทำให้ผมดูแปลกตากว่าคนอื่น ใช่แล้วครับผมกลายเป็นเป้าสายตาของคนเกือบทั้งโรงเรียน พวกรุ่นพี่ก็จะชอบเข้ามาจับแก้มผม ดึงแก้มผมด้วยความเอ็นดู แล้วก็จะมีเพื่อนนักเรียนบางคนก็ชอบมาล้อผม มาแกล้งผม
“ว้าย เจ้าเด็กฝรั่งขี้นก เด็กฝรั่งขี้นก”
“ฝรั่งขี้นกคืออะไรเหยอ”
“ฝรั่งขี้นกก็คือเจย์เดนไง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมโดนเพื่อนๆ ล้อว่าเป็นฝรั่งขี้นก ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มีคำว่าขี้นกมันต้องเหม็นแน่เลย พวกเขารังเกียจผมหรือ เขาหาว่าผมตัวเหม็นเหมือนขี้ใช่ไหม แค่คิดแค่นี้ หัวใจดวงน้อยของเจย์เดนก็รับไม่ไหวแล้ว น้ำตาแห่งความเสียใจร่วงหยดเผะ
“แง ... ฮือ ฮือ มาว่าเจย์เดนทำไม มาว่าเจย์เดนเป็นฝรั่งขี้นกทำไม ฮือ”
“เจ้าตัวประหลาดหัวทองแบร่”
เพื่อนกลุ่มนี้ยังล้อผมไม่หยุด ทั้งล้อ ทั้งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม มีบางคนว่าผมเป็นตัวประหลาดหัวทองด้วย ผมเสียใจจัง และยิ่งผมร้องไห้ ทุกคนก็ยิ่งได้ใจล้อผมไม่หยุด และแล้วก็มีนางฟ้าคนสวยมาช่วยผมไว้
“น้องเจย์เดนร้องไห้ทำไมครับ ใครแกล้งน้องเจย์เดนบอกพี่แป้งมา”
พี่แป้งคนสวยของผมวิ่งมากอดผม ผมโผเข้ากอดพี่แป้งตอบ พี่แป้งลูบหลังปลอบโยนผมอย่างใจดี ผมรู้สึกอบอุ่นจังเลย
“ฮือ... เจย์เดนตัวเหม็นเหมือนขี้ เจย์เดนเป็นฝรั่งขี้นก ฮืออ”
“เจย์เดนทำไมพูดแบบนี้ละคะ”
“เพื่อนๆ บอกว่าเจย์เดนเป็นฝรั่งขี้นก เจย์เดนเป็นตัวประหลาดหัวทอง ฮือ ฮือ พี่แป้งน้องเจย์เดนตัวเหม็นหรือเปล่า”
“ไม่ครับ น้องเจย์เดนตัวไม่เหม็น ไหน คนไหนว่าน้องเจย์เดนครับ บอกพี่แป้งมาคนเก่ง”
ผมขยี้ตาแล้วใช้มือกลมปุ๊กลุกชี้ไปยังคนกลุ่มนั้น พี่แป้งมองตามแล้วยืนขึ้นเดินไปหาเด็กเกเรกลุ่มนั้น
“อ้อ.. เด็กนิสัยไม่ดีพวกนี้เอง ว่าไงน้องหูกาง ผอมเป็นขี้ก้างแบบนี้ท่าทางที่บ้านจะอดอยากไม่มีอะไรกิน ทำไมถึงทำตัวไม่น่ารักมาว่าเพื่อนแบบนี้ละคะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายหูกางผอมเป็นขี้ก้างจริงด้วย”
พวกเพื่อนของเด็กที่เป็นหัวโจกที่ว่าผมพากันหัวเราะ และพูดล้อเลียนตามจนเด็กคนนั้นเอามือปิดหูตัวเองไว้ แล้วตะโกนต่อว่า
“ผมไม่ได้หูกาง พี่มาว่าผมทำไม พวกนายหยุดพูดเลยทุกคน บอกให้หยุดไง”
“อ้าวพี่ก็พูดความจริงไงคะ ก็หูของน้องกางจริงๆ ดูสิหูกางเหมือนดัมโบ้ช้างบินเลย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายเป็นดัมโบ้ช้างบิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
พี่แป้งขยี้เข้าไปอีก เพื่อนๆ ของเจ้าเด็กหัวโจกก็หัวเราะขำกันตัวหงิกตัวงอ ส่วนนายหัวโจกพอได้ยินว่าหูตัวเองใหญ่เท่าดัมโบ้ช้างบินเท่านั้นแหละ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาเหมือนน้ำประปาที่เปิดก๊อกไหลมานองหน้าเลย สำหรับใครไม่รู้จักดัมโบ้ช้างบินลองค้นหาในอากู๋กูเกิ้ลเอานะ แล้วจะรู้ว่าหูของดัมโบ้ใหญ่มากแค่ไหน แล้วถ้าหูเราใหญ่เหมือนดัมโบ้ก็คงจะสะเทือนใจน่าดู
“ฮือ .. ไม่ ผมไม่เป็นดัมโบ้ช้างบินนะ ฮือ”
พี่แป้งเดินเข้าไปกอดเด็กคนนั้นแล้วเริ่มปลอบโยน
“เป็นอย่างไรบ้างครับ พอโดนล้อแล้วเสียใจไหมครับ”
เด็กคนนั้นพยักหน้า
“พี่แป้งขอโทษน้องนะครับ พี่แป้งจะไม่ล้อน้องอีกแล้ว และน้องก็อย่าไปล้อเลียนคนอื่นๆ นะครับ เพราะเพื่อนเขาก็จะเสียใจเหมือนที่น้องเสียใจตอนนี้”
“ครับผมจะไม่ล้อใครแล้ว เดี๋ยวเขาเสียใจ”
“เก่งมาก น่ารักที่สุด ดูสิเมื่อกี้นี้เจย์เดนร้องไห้เสียใจมากเลย ทำอย่างไรดีนะ”
เด็กคนนั้นหันหน้ามาทางผม
“เจย์เดนเราขอโทษ เราจะไม่ล้อนายอีกแล้ว”
ผมก็พยักหน้ารับ แต่ผมเริ่มไม่ชอบใจอีกแล้ว ก็พี่แป้งกอดเจ้านี่นานไปแล้ว ผมเดินไปหาพี่แป้ง เอาตัวไปเบียดเจ้าเพื่อนปากเสียคนนั้นแล้วกอดพี่แป้งบ้าง พี่แป้งเป็นของผม คนอื่นห้ามมากอด พี่แป้งยิ้ม แล้วกอดทั้งผมและเด็กนั้นพร้อมกัน
“ทุกคนเข้าใจกันดีแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปเราจะไม่ทำให้เพื่อนเสียใจนะครับ มาจับมือกัน”
พี่แป้งจับมือผมมาจับมือเจ้าหมอนั่นเป็นการสงบศึก เราสองคนก็พยักหน้าพร้อมกัน
“พี่แป้งครับ น้องเจย์เดนอยากกินหนม”
ผมรีบอ้อนพี่แป้ง ไม่อยากให้พี่แป้งไปกอดและพูดคุยกับเจ้านั่นนาน
“ไปพี่แป้งพาไปกินขนมนะคะ”
แล้วพี่แป้งก็จูงมือผมไปซื้อขนมกิน เป็นไงครับนางฟ้าของผมเป็นคนดี เป็นคนน่ารักที่สุดเลยใช่ไหมครับ นี่แหละ ทำให้ผมยิ่งรัก ตกหลุมรักพี่แป้งมาตั้งแต่เด็ก รักแบบ รักมาก รักพี่แป้งคนเดียว หวงพี่แป้งด้วย
มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ผมอยากเล่า วันนั้นเป็นวันแข่งกีฬาสีของเด็กอนุบาล ผมได้เป็นนักกีฬาด้วยนะครับ ทายสิว่าผมลงแข่งอะไร ติ๊กตอก ติ๊กตอก ผมลงแข่งวิ่งครับ ใช่แล้วผมเป็นนักวิ่ง ถึงผมจะตัวเล็ก แต่ผมก็ขยันซอยนะครับ ซอยเก่งมาตั้งแต่เด็กเลย ฮ่า ฮ่า
วันนั้นวันที่แข่งกีฬาเขาให้ผู้ปกครองเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยได้ ทั้งแม่และแด๊ดก็มาเชียร์ผมมาให้กำลังใจผม
“ขอเชิญนักกีฬาคนเก่งของเราที่จะลงแข่งวิ่งเข้าประจำที่ค่ะ”
เสียงคุณครูพละคนสวยประกาศ เจ้านักกีฬาขาสั้นแต่ละคนวิ่งดุ๊กดิ๊กมาเข้าประจำที่
“เข้าประจำที่ พร้อม ระวัง”
พอเสียงว่าระวังดังขึ้น นักกีฬาตัวน้อยแต่ละคนก็เอาสองมือแตะพื้น ถอยขาข้างหนึ่งไปข้างหลังแล้วยกก้นขึ้น
“ปี๊ดดดดดดดดดดด”
ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้นทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาซอยเท้าวิ่ง กองเชียร์ก็เชียร์กันเสียงลั่น บรรดาเหล่าผู้ปกครองก็จะไปรอรับที่เส้นชัย คอยปรบมือ โบกมือและส่งเสียงเรียกลูกหลานของตัวเอง ผมไม่ได้สนใจใครทั้งนั้นตั้งหน้าตั้งตาซอยเท้ายิก ตามองไปที่เส้นชัยที่มีทั้งแด๊ด แม่และพี่แป้งยืนปรบมือเชียร์รออยู่ ผมวิ่งเข้าไปถึงเส้นชัยเป็นคนแรกก็โผเข้าไปกอดพี่แป้งเต็มแรง จนพี่แป้งตั้งตัวไม่ติดล้มลงไปนอนลงบนพื้นโดยมีล้มทับลงไปกอดอีกที ผมกอดพี่แป้งแล้วจุ๊บไปที่ปากพี่แป้งหนึ่งที ทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ความจริงแล้วผมตั้งใจ อิอิ
“อ้าวน้องแป้งเจ็บไหม ดูสิเจ้าอ้วนวิ่งไปทับพี่เขาเฉยเลย”
“มานี่สิเจ้าตัวเล็กคนเก่งของแด๊ด”
แด๊ดดึงตัวผมขึ้นมาจากพี่แป้งมาอุ้มไว้ ส่วนคุณแม่ก็มาประคองพี่แป้งให้ลุกขึ้น
“น้องเจย์เดนเก่งไหมครับ”
“เก่งครับเจ้าตัวเล็กของแด๊ดเก่งที่สุด”
พูดจบแด๊ดก็ฟัดไปที่แก้มย้วยของผมทั้งสองแก้ม
“ใช่น้องเจย์เดนของแม่เก่งที่สุดในโลกเลย”
แม่ก็เข้ามารับผมไปอุ้มต่อแล้วฟัดที่สองแก้มของผม ผมปล่อยให้แม่ฟัดจนพอใจ ผมก็ขืนตัวออกเพื่อที่จะขอมายืนเอง แม่ปล่อยผมลงกับพื้น ผมเดินเข้าไปหาพี่แป้ง เอาไปลูบแก้มพี่แป้ง
“พี่แป้งเจ็บหรือเปล่าครับ ที่น้องเจย์เดนทับพี่แป้ง”
“พี่แป้งไม่เจ็บค่ะ”
พี่แป้งเอามือจับแก้มยุ้ยของผม ผมเอาสองมือไปประคองแก้มพี่แป้งแล้วยื่นปากเล็กๆของผมไปจุ๊บที่ปากพี่แป้ง
“เจย์เดนเอาอีกแล้ว ทำตัวแก่แดดอีกแล้วนะเนี่ย”
คุณแม่ตกใจร้องเสียงดัง
“ไม่เป็นไรค่ะ น้าเดือนน้องยังเด็ก”
พี่แป้งยิ้มให้ผมด้วย
“พี่แป้งไม่เห็นชมน้องเจย์เดนเลย”
“อ้าวพี่แป้งยังไม่ได้ชมคนเก่งของพี่แป้งหรือครับ น้องเจย์เดนของพี่แป้งเก่งที่สุดในโลกเลยค่ะ”
“เย้...”
ผมกระโดดโลดเต้นดีใจทำเอาแด๊ดกับแม่มองผมด้วยแววตาและสีหน้าที่หมั่นไส้เต็มที แด๊ดดี๊กับแม่ต้องเข้าใจสิ ว่าแด๊ดกับแม่ผมก็รัก แต่ตอนนี้ผมรักพี่แป้งมากกว่า
แล้วผมก็ถูกเรียกให้ไปรับรางวัลเหรียญทอง เพราะผมวิ่งเข้าเส้นช้ยคนแรก ผมรับเหรียญแล้ว ผมก็เอาเหรียญมาให้พี่แป้ง
“น้องเจย์เดนเอามาให้พี่แป้งทำไมคะ”
“พี่แป้งแต่งงานกับน้องเจย์เดนนะครับ ผมเอาเหรียญทองมาให้ครับ”
พ่อกับแม่ผมมองหน้ากับเลิกลั่ก ส่วนพี่แป้งได้แต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะใส่ผม
“นี่คุณ ไม่ทันไรเจ้าเจย์เดนลูกชายเราก็มาขอสาวแต่งงานแล้วดูสิ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
พี่แป้งเอามือมาขยี้หัวผม แล้วจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของผม
“ยังแต่งไม่ได้หรอกครับน้องเจย์เดนยังเป็นเด็กอยู่เลย”
“แล้วเมื่อไหร่น้องเจย์เดนจะแต่งงานกับพี่แป้งได้ละครับ”
“ก็ต้องรอให้น้องเจย์เดนโตก่อนค่ะ”
“ต้องให้น้องเจย์เดนตัวสูงๆ แบบแด๊ดก่อนใช่ไหมครับถึงจะแต่งงานกับพี่แป้งได้”
“ใช่แล้ว น้องเจย์เดนต้องกินผัก กินนมเยอะๆ และเล่นกีฬาด้วยนะคะจะได้โตเร็วๆ”
“น้องเจย์เดนจะกินนมทุกวัน แล้วน้องเจย์เดนก็จะกินผักด้วย เอ่อ.. น้องเจย์เดนขอกินแต่แครอทได้ไหมครับ น้องเจย์เดนไม่ชอบกินผักเขียวมันไม่อาหย่อย”
“ไม่ได้ค่ะ น้องเจย์เดนต้องกินผักสีเขียวด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นน้องเจย์เดนจะตัวไม่โตนะ”
“ก็ได้ครับ น้องเจย์เดนจะพยายามกินผักสีเขียวๆ จะได้โตเร็วๆ จะได้แต่งงานกับพี่แป้ง”
“....”
“พี่แป้งสัญญากับน้องเจย์เดนก่อนสิครับว่าจะแต่งงานกับน้องเจย์เดน”
“ให้น้องเจย์เดนโตก่อนแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันนะคะ ตอนนี้ต้องขยันเรียนหนังสือให้เก่งๆ ก่อนค่ะ”
“ครับน้องเจย์เดนจะตัวโตๆ แล้วเราแต่งงานกันนะครับ”
พูดจบผมก็ไปจุ๊บที่แก้มของพี่แป้งมัดจำไว้ก่อนแต่งงาน เป็นไงหล่ะ ผมเจ๋งปะ ขอสาวแต่งงานตั้งแต่เด็กเลย อิอิ