รักแฝงร้าว ตอนที่ 3

2335 Words
ตีสอง... ตึ๊ด! ตึ๊ด! เสียงของโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงสั่นร้องปลุกให้เจ้าของลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดมิด ชายหนุ่มเอื้อมคว้าต้นเสียงมาดูหมายเลขโทรเข้าที่กำลังรบกวนนิทราของเขาแล้วเปิดโคมไฟเพื่อช่วยให้สว่างขึ้น กัณฑ์รพีกดรับสายเพื่อให้ทางนั้นรู้ว่าเขารับรู้แล้ว ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือที่ใช้แทนหมอนให้กับร่างน้อยซึ่งกำลังหลับใหล ตลบผ้าห่มออกจากร่างเปลือยของตัวเองเบาๆ แล้วก้าวย่างลงจากเตียงพร้อมเสียงทุ้มห้าวสื่อสารกลับไป “ว่ายังไงบ้าง...” “เจอตัวแล้วครับ ตอนนี้พวกเราควบคุมอยู่ไม่มีคนตามมา นายจะให้ทำยังไงต่อครับ” ปลายสายตอบรับเสียงเข้ม ไม่มีท่าทีเหนื่อยเพลียกับเวลาที่ควรแก่การพักผ่อน “พามันเข้าไปในโกดังหลังผับ เดี๋ยวฉันจะตามไป...” “ครับนาย!!” สิ้นเสียงตอบรับจากลูกน้องคนสนิท ร่างสูงใหญ่เปลือยล่อนจ้อนก็เหลือบหันมายังเตียงอีกครั้ง และดูให้แน่ใจว่าสาวเจ้าคงหลับสนิทไปแล้วจริงๆ และคงไม่ตื่นขึ้นมาระหว่างที่เขาไม่อยู่ ตมิสากลัวความมืด กลัวการอยู่ในห้องเพียงลำพัง ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ปล่อยเธอไว้โดดเดี่ยวเช่นนี้เด็ดขาด แต่เพราะมีงานสำคัญเกี่ยวพันกับความอยู่รอด ดังนั้นชายหนุ่มจึงผันหน้าอย่างตัดใจแม้จะยังห่วงอยู่ก็ตาม เขาเปิดตู้เสื้อผ้ารีบแต่งตัวด้วยชุดดำสวมทับด้วยเสื้อโค้ตสีเทาเข้ม ไม่ลืมหยิบเอาอาวุธร้ายคู่กายซึ่งซุกเอาไว้ในลิ้นชักลับด้านในสุดติดมือไปด้วย ก่อนจะเปิดประตูห้องจากไปสายตายังมิวายหันกลับมามองร่างน้อยบนเตียงกว้างด้วยความเสียดายยิ่ง รัตติกาลอันเหน็บหนาวในห้องที่เปิดผ้าม่านอาบแสงจันทร์คืนเพ็ญเขาควรได้นอนห่มกอดคลอเคลียกันจนถึงยามฟ้าสาง ที่ไหนได้ดันมาติดภารกิจสำคัญเสียนี่...น่าหงุดหงิดจริงๆ ใจกลางเมืองหลวงในค่ำคืนที่รอบตัวรายล้อมไปด้วยแสงไฟนีออนหลากสี ร่างทะมึนก้าวเท้าเดินไปทางถนนคอนกรีตที่ทอดยาวไปยังลานจอดรถและโกดังเก็บของด้านหลังของผับใหญ่ซึ่งมีป้ายห้ามเข้า และเส้นแถบล้อมไว้ทั่วบริเวณเพราะสถานที่เพิ่งจะถูกสั่งปิดเมื่อไม่นานมานี้ กัณฑ์รพีเหลียวมองตึกสูงตระหง่านที่ตัวเองกำลังเดินอ้อมรอบๆ ถูกตกแต่งด้วยดวงไฟที่บัดนี้ถูกระงับการใช้งาน มีเพียงไฟดวงใหญ่ที่เพื่อความสะดวกให้กับยามรักษาความปลอดภัยที่คอยดูแลอยู่ เขาเดินต่อไปยังลานกว้างสำหรับลานจอดรถและเลยไปตรงด้านหลังสุดที่เป็นโกดัง ชายหนุ่มใช้มือเคาะประตูม้วนสองครั้ง เว้นระยะ แล้วเคาะอีกครั้ง ตามด้วยอีกสามเป็นสัญญาณง่ายๆ บอกให้คนข้างในรู้ว่าใครมา “คุณซีล...มาแล้วเหรอครับ...” ประตูม้วนถูกเปิดเสียงไม่เบานักต้อนรับนายใหญ่ผู้มาเยือนตามนัดหมาย “มันอยู่ไหน...” “ข้างในครับ ให้คนของเราคุมตัวเอาไว้แล้วกว่าจะจับตัวได้เล่นเอาได้เหงื่อเหมือนกัน ดูเหมือนคนที่อยู่เบื้องหลังก็คงไม่เบานะครับ” “แน่ใจเหรอว่าเป็นฝีมือของมัน” สองหนุ่มวัยไล่เลี่ยแต่ต่างฐานะพูดคุยกันเบาๆ ขณะเดินเข้าไปด้านใน “เราตรวจกล้องวงจรปิดในร้าน แล้วก็รอบๆ แถวนี้ด้วยเป็นมันแน่ๆ เพราะมาด้อมๆ มองๆ ตอนผับปิดอยู่เป็นอาทิตย์แล้วครับ อีกอย่างตั้งแต่เข้ามาทำงานมารู้สึกมันจะคอยหลอกถามโน้นถามนี่จากพวกพนักงานคนอื่นตลอดครับ แต่ไม่มีใครสังเกต เพิ่งจะมาเอะใจกันตอนเกิดเรื่องนี่แหละ” “อืม...แล้วมันปริปากพูดอะไรบ้าง” “ไม่เลยครับ ขนาดพวกผมซ้อมจนน่วมยังไม่ยอมบอกอะไรเลย” “ดี! ฉันชอบปากแข็งใจแข็งแบบนี้” เขาว่าขณะเดินเคียงคู่กับลูกน้อง สายตาคมกล้านั้นลุกโชนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กรามถูกขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน แก้มตอบลึกตามแรงกัดขบ ไม่บ่อยนักที่เรื่องร้ายแรงจะเกิดขึ้นจนเขาต้องลงมือสืบสาวด้วยตัวเอง สองหนุ่มลัดเลาะตามทางเดินท่ามกลางสิ่งของวางเป็นระเบียบเกือบเต็มทั้งโกดังมาจนถึงกำแพงด้านหลังสุด ร่างสะบักสะบอมของชายคนหนึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่โดยมีบรรดาชายฉกรรจ์อีกสามสี่คนคอยคุมเชิง สองมือที่เปรอะเปื้อนของจำเลยถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลัง ศีรษะชุ่มไปด้วยเหงื่อและเลือดแหงนมองไปยังทางเดินเมื่อรับรู้ถึงการมาเยือน “คุณ...คุณซีล...” “ยังจำได้เหรอ นึกว่าถูกอัดซะความจำดับไปแล้ว” กัณฑ์รพีบอกกับจำเลยขณะย่อตัวนั่งใกล้ๆ ร่างระทวยของมัน “ถ้าอย่างนั้นคงจำได้สินะว่าแกทำอะไรกับผับของฉันจนต้องถูกสั่งปิด เสียหายเป็นล้านๆ แบบนี้!!” ชายหนุ่มผู้มีอำนาจเหนือกว่าตะคอกใส่ด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว มือข้างหนึ่งตะปบจับปลายคางของเหยื่อแล้วบีบเข้าหากันจนปากที่ช้ำเลือดของมันเจ่อจู๋ ดวงตาเลิ่กลั่กด้วยความกลัวจับจิต “อื้อ! อื้อ!!” เผียะ!!! ใบหน้าบวมปูดหันพลิกไปตามแรงตบจากฝ่ามือใหญ่พร้อมกับร่างที่ล้มหงายไปด้วย จำเลยผู้ไม่อาจเดาชะตาชีวิตพยายามถีบไถพื้นหนีตายตามสัญชาตญาณทั้งที่หนทางรอดนั้นแทบไม่มีเลย “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!!” “ไม่รู้เหรอ...ไม่รู้แล้วทำไมไอ้เด็กที่มันมีสารเสพติดอยู่ในตัวมันบอกว่าแกเป็นคนให้ของล่ะ แล้วยังกล้องวงจรปิดที่จับพิรุธย้อนหลังได้ตลอดตำรวจก็เข้ามาตรวจแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยวันที่แกไม่มาทำงาน...มันหมายความว่ายังไงตอบสิ” กัณฑ์รพีไล่เรียงเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเสียหายนับสิบๆ ล้านของเขา จำเลยหลบหน้าฉับพลันกลืนน้ำลายลงคอเฮือก มันรู้ดีว่าหากนายใหญ่มาถึงชะตาชีวิตของมันคงไม่เป็นแค่กระสอบทรายไว้เตะเล่นอย่างที่เหล่าลูกน้องกระทำก่อนหน้า เพราะกัณฑ์รพีมีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจกำหนดความเป็นความตายของมัน หากเขาเอาจริง...มีหรือมันจะรอด “ผมกลัวแล้วนายอย่าทำผมเลย...” ร่างเปรอะเปื้อนสั่นงกกล่าววอนขอ น้ำตาไหลรินพร้อมเสียงร้องไห้โฮอย่างกลัวตายดังระงมโกดัง กัณฑ์รพีแสยะยิ้มอย่างรู้ทันว่ามันคงมองเห็นชะตากรรมที่แท้จริงแล้วเมื่อเขายื่นมือเข้ามาสะสางด้วยตัวเอง “กลัวก็บอกมา...ว่าแกทำงานให้ใคร” “ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจ อย่าบังคับผมเลยพวกเขาจะฆ่าผม...” “ฮึ เสร็จนาแล้วจะเก็บควายเอาไว้ทำไมล่ะ” กัณฑ์รพีเสริม แอบลอบมองท่าทีสับสนของจำเลยหนุ่ม และพอจะออกว่ามันไม่ได้กำลังเผชิญหน้าความตายจากเขาเพียงด้านเดียวหรอก “ฉันจะช่วยแกเอง...ถ้าแกบอกที่ไปที่มาฉันจะปล่อยแกไป” ชายหนุ่มยอมต่อรองด้วยไม้อ่อน “แต่...พวกเขาก็ไม่ปล่อยผมอยู่ดี” “แล้วอยากจะตายตอนนี้เลยหรือยืดเวลาอีกหน่อยให้ถึงมือพวกมันล่ะ” สิ้นคำพูดสายตาแดงก่ำของเหยื่อก็เหลือบมองเขาอย่างหวาดหวั่น สับสนระคนกลัวจนร่างกายสั่นเทิ้ม ความตาย...ใครบ้างล่ะปรารถนาเมื่อสามารถจะเลือกที่จะ...ไม่ตายได้ “ผมจะบอก...ผมรู้ว่าตัวเองหนีไม่รอดแน่ๆ แต่ผมอยากขอร้องคุณเรื่องหนึ่งให้ดูแลน้องสาวของผมที่อยู่ต่างจังหวัดให้ผมด้วย อย่าให้เธอมีอันตรายเธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย” “ได้...ฉันรับปาก” กัณฑ์รพีบอกน้ำเสียงจริงจัง เจ้าคนอยู่ใต้อำนาจของเขาคงมีทางเลือกไม่มากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาพอจะคาดเดากลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ แต่ไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่าเป็น...ใคร เพราะคู่แข่งสำคัญๆ ที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลนั้นมีอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว “คุณ...คุณรับปากกับผมแล้วนะ...” มันละล่ำละลักถามเพื่อความแน่ใจซึ่งได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าจากคนกุมชะตาชีวิตของมันไว้ในมือ ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคอตัดสินใจเด็ดเดี่ยวจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมด “อย่างที่รู้ๆ กันว่าผับนี้คุณเซ้งต่อมาจากเพื่อนที่ล้มละลายแล้วสามีเขาฆ่าตัวตาย...ตอนแรกไม่มีใครคิดว่าคุณจะบริหารได้ตลอดรอดฝั่ง ต่างก็คิดว่าไปไม่รอดกันทั้งนั้นเพราะคุณไม่มีประสบการณ์แต่พอเอาเข้าจริงเพียงไม่ถึงสองปีคุณก็ตีตลาดดึงลูกค้าจากผับอื่นๆ มาได้เกือบทั้งหมด ทำให้...ทำให้ร้านอื่นๆ ขาดทุนเป็นระยะ บรรยากาศเงียบเหงาลงเรื่อยๆ ผับหรือสถานบันเทิงบางแห่งที่ทำธุรกิจอื่นแอบแฝงก็พลอยเสียลูกค้าหลักๆ ไปด้วย...” “เดี๋ยว! ธุรกิจแอบแฝงเหรอ” กัณฑ์รพีถามอย่างคลางแคลงใจ “ยาเสพติดครับ...ในช่วงที่ลูกค้ากำลังบูมการค้าขายกันในกลุ่มลับๆ เป็นไปอย่างคึกคักมากเพราะเมื่อคนที่เสพมาเที่ยวก็ถือความสะดวกหาซื้อกันในนั้นเลย แต่พอ...ผับคุณเปิดตัวนักท่องเที่ยวก็แห่กันมาที่นี่หมด” “ฉันไม่ได้ขายยา!!” เขาตะคอกใส่ทั้งที่คนเล่ายังสาธยายไม่จบ นึกไว้ไม่มีผิดว่าต้องมีเรื่องนรกแบบนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง “คุณไม่ขายแต่พวกคนที่เสพก็หาซื้อกันตามความสะดวกไงครับ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อที่ผับเมื่อตัวเองไม่ได้ไปเที่ยวที่นั่นแล้ว ส่งผลกระทบให้เจ้าของกิจการเหล่านั้นขาดทุนหลายต่อเลยทีเดียว” “พวกมันเลยส่งแกมาเล่นงานฉัน...บอกมาว่ามันเป็นใคร” เขาต่อให้แบบรวบรัดด้วยใจอยากรู้เหลือเกินว่าผู้บงการที่ทำให้ธุรกิจกลางคืนของเขาต้องถูกสั่งปิด แถมตัวเองซึ่งเป็นเจ้าของยังต้องถูกดำเนินคดีอีกด้วย “เขาจ้างให้ผมแฝงตัวเข้ามาทำงานที่นี่เพื่อดูลาดเลา ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะ...จะให้ผม...” คนเล่าเริ่มตะกุกตะกักเมื่อถึงตอนที่ตัวเองทำผิดมหันต์กับบุรุษร่างทมิฬตรงหน้า “ให้แกเอายาเสพติดมาให้เด็กในร้านร้ายเสพ จากนั้นก็เอามาซุกเอาไว้แล้วแจ้งตำรวจจับใช่ไหม!!” “ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะให้ทำถึงขนาดนั้นครับ ตอนแรกนึกว่าแค่ให้เข้ามาสืบลาดเลาเฉยๆ ...” “แล้วมันเป็นใคร...ใคร!! ที่มันเล่นสกปรกกับฉัน!!” กัณฑ์รพีคาดคั้น สีหน้าและแววตาเคร่งเครียดของเขาดูน่ากลัวเสียยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก ราวกับจะจับคนตรงหน้ารับโทษแทนผู้บงการให้แหลกละเอียดคามือ “คุณ...คุณอธิปครับ” “อธิปเจ้าของ Challenger Pub อย่างนั้นเหรอ? ก็ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่” “ใช่ครับ...คุณอธิปเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด แต่พอผมทำงานสำเร็จเขาก็ไม่ยอมจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ แถมยังส่งคนตามล่าอีก ผมเลยต้องหนีหัวซุกหัวซุนทั้งทางคุณแล้วทางโน้นด้วย แต่...คุณก็หาผมเจอก่อน” เป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่รู้ๆ กัณฑ์รพียังพอต่อรองกันได้หากเป็นอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรให้ต้องเคลียร์อันอีกนอกเสียจากมันจะถูกกำจัดทันที “แล้วแกมีหลักฐานไหม...หลักฐานที่ทำให้ฉันเชื่อได้ว่าแกไม่โกหกปลิ้นปล้อนหลอกให้ฉันจัดการนายอธิปเพื่อที่ว่าคนอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงได้รอดตัวอย่าลอยนวล วางแผนให้คู่แข่งกัดกันเอง” แม้จะนายอธิปที่ว่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้า แต่ใช่ว่ากัณฑ์รพีจะวางใจเชื่อเสียทีเดียว วงการสกปรกนี้ลูกล่อลูกชนที่งัดกันมาทำลายคู่แข่งมีมากมายนัก เขาจะไว้ใจเพียงคำพูดเศษสวะที่ยอมถวายชีวิตให้กับเงินนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ “ก็...ผมไม่มีหลักฐานอย่างอื่นนอกจากเงินที่โอนเข้าบัญชีตอนที่ทำงาน ถ้าตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้โอน แล้วโอนมาจากไหนพอจะใช้ได้ไหมครับ” คนจนตรอกเสนอ “อืม น่าจะได้...” “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคุณจะปล่อยผมไปแล้วใช่ไหมครับ...” มันถามอย่างตื่นเต้น มีความหวัง “ยัง ฉันต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าแกไม่ได้สอพลอ ถ้าทุกอย่างเป็นจริงอย่างแกว่าฉันปล่อยแกไปแน่ แต่ตอนนี้แกก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน” กัณฑ์รพีบอกพร้อมลุกยืนเต็มความสูง เขาหันไปกระซิบสั่งการลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่จำเลยจะถูกแก้ให้อิสระกับร่างกายที่บอกช้ำของมันซึ่งยังคงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงกังวล “ส่วนเรื่องน้องสาวแก...บอกรายละเอียดทั้งหมดกับลูกน้องของฉันพวกเขาจะไปจัดการดูแลให้ ถ้าคนที่เล่นสกปรกกับฉันเป็นอธิปจริงๆ แกก็รอด แต่หากแกโป้ปดล่ะก็...แกตายโดยที่ใครก็หาแม้แต่กระดูกไม่เจอแน่ จำไว้!!” “ครับ...ขอบ...ขอบคุณครับที่กรุณาผม...” จำเลยหนุ่มกล่าวละล่ำละลักไล่หลังผู้ไว้ชีวิตของมัน ก่อนจะหันมองชายฉกรรจ์ที่เหลืออยู่สองคนอย่างหวาดๆ เพราะยังจำรสชาติทั้งมือทั้งเท้าคนสองคนนั้นได้ดี มันจึงลุกเลี่ยงเดินไปนั่งอยู่ตรงมุมห้องเสียและทำใจ ชีวิตของมันตอนนี้อยู่ในกำมือของกัณฑ์รพีแล้วไม่มีสิทธิ์ลิขิตด้วยตัวเองอีกแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD