เอาคืน ตอนที่ 2

2114 Words
สถานการณ์ของอีกฝั่ง “ระวังนะ...คงไม่แห่กันออกไปรับมือกับพวกพีระทั้งหมดหรอก เพราะในนี้มีของต้องรักษา” กัณฑ์รพีบอกกับลูกน้องอีกสองคนที่ตามเขามา ทั้งคู่พยักหน้าและกำรอบอาวุธร้ายเตรียมพร้อมใช้งานอยู่เสมอพวกเขาใช้เหล็กชนิดพิเศษไขกุญแจและโซ่ที่ใช้คล้องประตูเหล็กตรงทางเดินหนีไปออกและค่อยๆ ก้าวขึ้นไปอย่างระมัดระวัง “ชั้นบนนี้น่าจะเป็นห้องพักของพวกผู้หญิงที่ถูกขัง ส่วนชั้นล่างสุดเป็นชั้นใต้ดินเป็นบ่อนเถื่อน เราต้องช่วยผู้หญิงออกมาให้หมดก่อนไม่อย่างนั้นถูกย่างสดแน่ๆ แล้วค่อยเผา ฉันจะให้วันโลกาวินาศนี้เป็นของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับร้านที่เปิดใหม่” กัณฑ์รพีอธิบายเพียงคร่าวๆ ต่างก็รู้กันว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง           นายใหญ่จัดการไขกุญแจประตูเพื่อเข้าไปด้านในของชั้นที่พวกเขายืนอยู่ สองคนที่เหลือเล็งปืนไปยังประตูเพื่อคุ้มกันให้ทันท่วงทีเมื่อมันถูกเปิดออก            ปัง!! ปัง!! มัจจุราชในมือได้ทำงานทันทีเมื่อบานประตูถูกเปิดออกและพวกมันที่คอยคุมดูความเรียบร้อยสองคนก็หันมาเห็นพอดี ทั้งสามมองดูร่างที่ล้มจมกองเลือดตัวเองบนพื้นเห็นว่าแน่นิ่งดีแล้วจึงเดินหน้าต่อไป “คงมีกันไม่กี่คน...ลองหากุญแจห้องสิว่าอยู่ที่พวกมันไหม” “มีครับพวงใหญ่เลย”             “ไขทุกห้อง ระวังด้วย!” ชายหนุ่มออกคำสั่งให้ลูกน้องช่วยกันไขประตูห้องสามห้องที่ถูกล็อกด้วยแม่กุญแจอันใหญ่แน่นหนา เขาสืบเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้วจากเพื่อนที่ทำงานร่วมกันในวงการธุรกิจซึ่งมาใช้บริการเป็นประจำ แม้จะไม่เคยเข้านอกออกในแต่โครงสร้างของตึกนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย จึงไม่เป็นการยากอะไรเลยที่จะคาดเดาช่องทางต่างๆ             “ว้าย!” ประตูเปิดออกเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้หญิงที่ถูกกักขังก็ดังขึ้นด้วยความหวาดกลัวพร้อมถอยหลังกรูไปทางด้านหลังจนติดกำแพงตามสัญชาตญาณ             “ไม่ต้องกลัว พวกเรามาช่วย!” หนึ่งในสองที่บุกเข้ามาบอกพร้อมยกมือเป็นสัญญาณในการปลอบขวัญ ทางด้านกัณฑ์รพีนั้นอยู่ด้านนอกคอยระวังตรงบันไดทางขึ้นลง             “รีบหนีไปทางบันไดนี้นะ ถ้าไม่อยากตายก็ตามมา ถ้าใครอยากตายอยู่ที่นี่ก็ตามใจ” อีกคนบอกพร้อมกลับไปด้านนอกเพื่อไขประตูห้องถัดไป                  บรรดาหญิงสาวต่างมองหน้ากันอย่างขอความเห็นพวกพ้องร่วมชะตากรรม ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าสู้มีหนทางได้ออกไปยังดีกว่าอยู่รอความตายทั้งเป็นที่พวกเธอต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ชายหนุ่มผู้เป็นแกนนำคอยระวังหลังให้ส่วนอีกสองคนเมื่อไขกุญแจห้องทั้งหมดได้ก็คอยให้ความช่วยเหลือพวกผู้หญิงที่กำลังเดินลงบันได                                                                              “พันธ์ นายตามลงไปด้วยคอยช่วยเหลือตอนลงไปถึงอาจมีพวกมันเล็ดลอดมาเห็นจะเป็นอันตราย พาออกไปทางถนนใหญ่เดี๋ยวตำรวจจะมาสมทบส่วนนายนะพิชิตเข้าไปในห้องเอาผ้าที่มีอยู่มาทำเชื้อเพลิง รอให้ทุกคนลงไปให้หมดก่อนแล้วเรามาเล่นจุดไฟเผาเล้ากัน” กัณฑ์รพีบอกแผนถัดไปอย่างร้ายกาจ ไม่มีพวกมันที่เหลืออยู่ด้านบน คงเหลือแต่ชั้นใต้ดินที่เป็นแหล่งรวมของพวกนักการพนัน รวมไปถึงห้อง VIP สำหรับหาความสุขทางด้านร่างกายก็อยู่ในชั้นที่บรรดาสาวงามนั่งเอ้อระเหยคอยเหยื่ออยู่นั่นเอง ซึ่งส่วนนั้นมีทางหนีทีไล่ได้ทันดีกว่าด้านบนที่ถูกปิดตายนี้หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องจะมาเสียชีวิต อีกอย่างไฟไหม้มาจากด้านบน ด้านล่างก็ต้องรู้ตัวและหนีได้ทันอยู่แล้ว ในส่วนชั้นบนสุดนี้ก็เอาไว้กักขังหญิงสาวที่ไม่เต็มใจทำตามความต้องการของพวกมันไว้ รอเวลาให้มีลูกค้าอีกระดับหนึ่งซึ่งซื้อขายเนื้อสดนี้กันอย่างลับๆ มาใช้บริการก็จะบังคับพวกเธอเหล่านี้ให้ออกไปรับแขกด้วยสารพัดวิธีที่แสนจะทารุณ “อีกสิบห้านาทีเราต้องกลับไปที่ร้าน...เร็วเข้า...” เขาบอกพิชิตที่เข้าไปรวบรวมผ้าห่ม ผ้าม่าน รวมถึงเสื้อผ้าที่มีเกือบทั้งหมดออกมา ก่อนจะเอาไปวางไว้ตามที่ต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่ว “นายลงไปช่วยพันธ์ก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง” พิชิตพยักหน้า มองดูกัณฑ์รพีดึงเอาน้ำมันเบนซินที่บรรจุในกระป๋องเล็กๆ พกติดตัวมาด้วยกำลังราดหัวเชื้ออัคคีลงบนผืนผ้าที่วางกระจัดกระจายก่อนจะวิ่งตามเพื่อนร่วมทางและบรรดาสาวๆ ลงบันไดหนีไฟไป                                                                             กัณฑ์รพีมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เขากะเวลาได้ไม่คลาดเคลื่อนเท่าไหร่ อีกไม่กี่นาทีหลายสิบชีวิตที่ได้รับความช่วยเหลือก็จะลงสู่พื้นดินและถูกพาไปยังที่ปลอดภัย จากนั้นทุกอย่างก็จะกลายเป็นทะเลเพลิงไปโดยปริยาย                      ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร จะได้ไม่เล่นสกปรกแบบไม่ดูตาม้าตาเรืออีก “นี่แค่บทเรียนนะอธิป ถ้าบังอาจมาแหยมฉันอีก แกเขียนพินัยกรรมจองโลงไว้ได้เลย” พึ่บ!! ฟู่!! ไฟแช็กในมือถูกจุดและทิ้งลงไปบนผ้าที่มีเชื้อคอยส่งให้ประกายอัคคีนั้นเจิดจ้า เปลวไฟลุกกระพือขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจจอมล้างผลาญ เขามองดูผลงานตัวเองเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะมุ่งตรงไปยังบันไดหนีไฟและตามคนอื่นๆ ลงไปบ้างในขณะที่มือก็คว้าเอาบางอย่างในกระเป๋าเป้ด้านหลังออกมาและโยนไว้ตรงระเบียงด้านนอกที่มีลูกกรงกั้นเอาไว้อีกที “เรียบร้อยแล้วครับ ผมพาพวกผู้หญิงไปหลบไว้แล้วรอแค่ตำรวจมา เรากลับกันได้แล้วครับ” พันธ์กล่าว “ไม่รู้ป่านนี้พวกพีระจะเป็นยังไงบ้าง” “คงเอาตัวรอดกันได้ล่ะครับ รายนั้นเจ้าเล่ห์หาตัวจับยากคงไม่เสียทีง่ายๆ หรอกครับ” “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น...” เขากล่าวยิ้มๆ กับลูกน้อง หันหน้าขึ้นไปมองด้านบนที่ไฟกำลังเผาทำลายอีกครั้งควันสีดำพวยพุ่งออกตามช่องทางที่มันสามารถเล็ดลอดมาได้ทุกทางและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกถึงความเสียหายที่มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน                                                                                                กัณฑ์รพีมองดูนาฬิกาอีกครั้ง เขาทำเวลาได้ดีกว่าที่คิด เหลืออีกตั้งสามนาทีกว่าจะเที่ยงคืน ชายหนุ่มแสยะยิ้มร้ายมุมปาก ก่อนจะหันกลับไปสู่เส้นทางที่มาพร้อมด้วยลูกน้องหนุ่มทั้งสองทิ้งความพินาศย่อยยับของคนที่มันบังอาจมาล้วงคอราชสีห์อย่างเขา และเชื่อว่าต่อไปนี้ถ้ามันจะทำอะไรเขาก็คงต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะมันจะถูกเอาคืนแบบที่ ‘แรง’ กว่าหลายร้อยเท่าตัว                                “ไฟไหม้ๆๆๆ ช่วยด้วย ไฟไหม้!!” เสียงร้องตะโกนเมื่อมีคนรู้ตัวว่าอัคคีภัยกำลังเล่นตึกแห่งนี้ดังขึ้น พร้อมกับเสียงวี้ดว้ายเอะอะกระหึ่มจากคนอื่นๆ ตามมา สามหนุ่มหาได้ให้ความสนใจ พวกเขาหันหลังให้กับความย่อยยับของคนอื่นมุ่งสู่ความเจริญโชติช่วงที่รออยู่ข้างหน้าของตัวเอง นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี กัณฑ์รพีเดินนำหน้าหน่วยปฏิบัติการมีลูกน้องสองคนเดินตามหลังมาติดๆ ฟิ้ว! ฟิ้ว!! ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงพลุดังสนั่นกลบเสียงร้องเสียงปะทุของเพลิงอัคนีหมดสิ้น แสงสีที่พุ่งกระจายรอบทิศทางบนฟากฟ้าช่างดูสวยงามยิ่งนัก ดอกไม้ไฟดอกแล้วดอกเล่าทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าเบื้องบนระบายรัตติกาลอันแสนมืดมิดให้ดูสวยสดด้วยแสงสีระยิบระยับหลากหลาย                                     โครม!! โครม!! “มันเกิดอะไรขึ้น! พังพินาศหมดแล้วเป็นไปได้ยังไง!!” ข้าวของบนโต๊ะทำงานถูกกวาดตกหล่นเกลื่อนพื้นด้วยน้ำมือชายวัยสามสิบห้ากะรัต ดวงตาเขาเดือดแดงอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเจ็บแค้น ใบหน้าแดงก่ำหายใจหอบถี่เพราะออกแรงระบายอารมณ์ไปเต็มที่ “ไม่ทราบครับนาย ไม่มีวี่แววอะไรเลยจู่ๆ ก็มีคนบุกเข้ามาทำร้ายคนของเราพวกเราก็เลยออกตามล่ามัน จากนั้น...จากนั้นร้านก็ไฟไหม้พวกผู้หญิงก็ถูกปล่อยไปหมด แถมตำรวจกับพวกมูลนิธิเพื่อนหญิงก็มากันเต็มเลย ผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆ” ชายผู้นำข่าวร้ายมาบอกกล่าวอธิบายสิ่งที่ตัวเองเผชิญมา “ไอ้กัณฑ์รพี! ต้องเป็นมันแน่ๆ มันมาเอาคืนฉันได้เจ็บแสบจริงๆ”         “คุณอธิปแน่ใจเหรอครับ คนของเราที่แฝงตัวเข้าไปเที่ยวที่ Red Bar บอกว่าเห็นเจ้าของอยู่ที่ร้านตั้งแต่หัวค่ำนะครับ หลังจากการแสดงไฮไลท์ตอนเที่ยงคืนจบเขายังขึ้นเวทีขอบคุณแขกเหรื่อเลยนะครับ”                                                       “ฉันมั่นใจว่าเป็นมัน ไม่จำเป็นว่ามันต้องลงมือเองนี่ ระยำ!! ฉันไม่น่าประมาทมันเลยจริงๆ” อธิปทอดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เขายังหายใจแรงๆ เพราะความโกรธยังคุกรุ่นอยู่ในใจ มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นทุบไปบนโต๊ะทำงานของตัวเอง “แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ เรื่องคดีเราก็หนักนะครับ ถ้ามีแค่ตำรวจก็ไม่เป็นไรเพราะเราก็จ่ายส่วยให้อยู่ไม่ขาด แต่นี่เล่นแจ้งไปทางมูลนิธิช่วยเหลือผู้หญิงด้วย พวกนี้ไม่เห็นแก่หน้าใครทำงานช่วยผู้หญิงและเด็กที่ถูกทำร้าย มีนักการเมืองหญิงคอยให้ความร่วมมือหลายคนด้วย เราคงต้องลำบากหน่อยแล้วล่ะครับ” “แกทำฉันแสบมากไอ้กัณฑ์รพี” อธิปยังบ่นอุบ ความเสียหายครั้งนี้ของเขาตีเป็นมูลค่าเหยียบร้อยล้านเลยทีเดียว ทั้งตึกที่ถูกเผา ผ่อนการพนันที่มีเงินสะพัดแต่ละคืนนับไม่ถ้วน ซ่องที่เปิดให้บริการลูกค้าทั้งขาจรขาประจำและพวกนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล นักธุรกิจหลากหลายอาชีพ ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างรายได้ให้เขามหาศาล แล้วอยู่ดีๆ มันก็มาล่มสลายไปเพียงชั่วข้ามคืน              นั่นไม่เท่ากับยังทิ้งปัญหาคดีความไว้ให้เขาปวดหัวอีก เรื่องผิดกฎหมายหลายอย่างที่เขาลักลอบทำถูกขุดคุ้ยออกมาดำเนินคดีเกือบทั้งหมด แม้จะมีเจ้าหน้าที่บางส่วนรู้เห็นเพราะเขาจ่ายเงินใต้โต๊ะเป็นค่าปิดปาก แต่พอเรื่องแดงใครล่ะจะอยากเดือดร้อน แค่ปล่อยให้มีสถานที่ผิดกฎหมายอยู่ในพื้นที่ก็ถูกตรวจสอบกันระนาวแล้ว อย่าหวังเลยจะขอความช่วยเหลือจากคนมีสีที่ไหนได้             “พวกมันมากันกี่คน แล้วจับตัวใครได้บ้างไหม” อธิปถามลูกน้องของตัวเองต่อ             “ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าห้าหกคน เพราะพวกที่ล่อเราให้ออกจากร้านไปมีสามคน พวกมันขับรถหนี พอเราตามไปถึงสะพานมันก็สละรถกระโดดน้ำหนี เลย...จับใครไม่ได้ครับ”             “พวกแกก็เลยทิ้งร้านตามไอ้พวกกระจอกสามตัวนั้นไปหมดเลยเหรอ ช่างโง่จริงๆ!!”             “ขอโทษครับนาย จริงๆ มีคนคอยคุมชั้นบนอยู่สองคนก็ถูกฆ่าตายในกองเพลิงนั่น อีกสามสี่คนอยู่ในบ่อนแต่ไม่รู้ว่าเกิดเหตุขึ้นที่ชั้นบนครับ”             ปัง!! “ไอ้กัณฑ์รพี!! ฉันจะฆ่าแก!” อธิปทุบกำปั้นกับโต๊ะอีกครั้ง มือที่กำแน่นของเขาเกร็งเครียด ชายหนุ่มกล่าวคำอาฆาตกับศัตรูที่เขามองข้ามไม่คิดว่าจะมีพิษสงมากมายขนาดนี้ กัณฑ์รพีเอาคืนเขาได้เจ็บเข้ากระดูกดำที่สุด ตลอดชีวิตที่ทำงานด้านโลกกลางคืนมาเขาก็นับได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง แต่ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนที่เพิ่งเกิดในวงการนี้ได้แค่ปีสองปีกลับไม่ไว้หน้า ไม่เกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย             เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้หรอก...แต่ต่อไปนี้จะทำอะไรก็คงต้องระวังหน่อย กัณฑ์รพีจมูกไวมือไวใช่เล่นจะประมาทเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ สักวัน...เขาจะสอนให้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้สำนึกให้ได้ว่าอย่าริอ่านมาเล่นกับของสูง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD