“แล้วพวกมึงรู้ได้ยังไงว่าภัทรจะเข้าหาแจง นี่มันรีสอร์ตของนินะโว้ย มันบุกไปบ้านน้องไม่ดีกว่าเหรอ” นิคเริ่มฉุนเฉียว
“น้องมันยอมซะที่ไหนล่ะ พวกมึงก็รู้”
ภัทรเคยมาเล่าเรื่องในคืนนั้นให้เพื่อนทั้งสองฟังแล้ว และพวกเขาเชื่อว่าภัทรไม่โกหก ไม่อย่างนั้นมันไม่แสดงอาการเป็นหมาหวงก้างขนาดนั้นหรอก
“ยังไงอีก” นิคเร่ง
“เมื่อวานที่นิเล่าให้ฟังในรถว่าวันนี้จะไปถ้ำ กูก็เลยวางแผนกับแจง กูนัดให้นิมารับกูที่บ้านราตรีตอนตีสามครึ่ง”
“นั่นมันบ้านที่แจงนอน” พีทนึกภาพตาม
“เออ ตีสองพวกมึงเมาหลับ ภัทรเดินมาส่งกูที่บ้านดาหลา จากนั้นก็หายเข้าไปในบ้านราตรี”
“ซึ่งมึงนัดน้องให้มาบ้านราตรี” นิคถาม
“เออ น้องมันไม่รู้ว่าใครอยู่บ้านหลังไหน” น้ำจบคำพูดพร้อมกับปาดน้ำตา
“ไอ้ห่า แม่งเลวว่ะ” นิคด่าเพื่อน
“กูสงสารน้อง” พีทนึกถึงแววตาของนิดาที่ได้สบกันเมื่อครู่
“ไอ้ภัทรมันไม่รู้เรื่องแผนนี้หรอก มีแค่กูกับแจง กูไม่น่าเลย”
“ผลมันต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว พวกมึงโง่เหรอ พูดกันตรงๆ ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ส่วนไอ้ภัทร มันน่ะผิดเต็มๆ” นิคพูดด้วยความเดือดดาล
“โอกาสมันมา แจงมันเลยคว้าไว้ก่อน” น้ำเอ่ย
“กูหมดอารมณ์เที่ยวแล้วว่ะ กูผิดหวังกับพวกมึงมาก เพื่อนกินเพื่อนกูไม่ว่า แต่พวกมึงทำร้ายคนบริสุทธิ์ไปด้วย รักสนุกแต่อย่าทำร้ายคนอื่นน่ะ เข้าใจไหม” พีทพูดทิ้งท้ายแล้วก้าวพรวดๆ กลับไปยังบ้านพักของตนเอง
“กูก็ด้วย กูกลับกรุงเทพฯ เลยดีกว่า” นิคตะโกนใส่หน้าน้ำ จากนั้นก็เดินกลับไปเก็บข้าวเก็บของที่บ้านพัก
*********
“ขอบคุณนะคะ...”
นิดาจับมือธีร์มาบีบเบาๆ ขณะกล่าวถ้อยคำนั้นออกมา ทั้งสองนอนมองผืนดาวอยู่ที่ลานไม้ริมลำธารมาพักใหญ่โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงสายน้ำในลำธารไหลเซาะหินที่ไม่ทำให้บรรยากาศไร้เสียง
“...ที่อยู่เป็นเพื่อนนิ”
“ครับ” เพียงคำเดียว แต่นิดารับรู้ได้ถึงความห่วงใยอันมากมายมหาศาลของเขา
“ท้องฟ้าสวยนะคะ นินับดาวได้สองพันดวงแล้วนะ มันทำให้นิสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน นิเข้มแข็งพอ พี่ธีร์ไม่ต้องเป็นห่วง น้ำตาของนิมีไว้สำหรับคนที่นิแคร์เท่านั้น”
“ครับ พี่อยู่ข้างๆ นิเสมอ ไม่มีวันที่พี่จะปล่อยมือเด็ดขาด” เขาดึงมือออกจากนิดา ครู่หนึ่งก็เป็นฝ่ายจับไว้เสียเอง จากนั้นเขาก็มอบของบางอย่างที่เตรียมไว้ให้กับเธอ
และสัมผัสเย็นๆ ของวัตถุก็ทำให้นิดาต้องยกมือข้างซ้ายซึ่งอยู่ในมือเขาขึ้นมา นิ้วนางของเธอถูกครอบครองด้วยแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวระยิบระยับกัดตา ตัดกับผืนฟ้าสีดำสนิท แต่ดูเป็นส่วนหนึ่งของดวงดาว เป็นแหวนวงเดียวกับที่อยู่ในอินสตาแกรมของเขา
นิดาสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะผ่อนออกช้าๆ
“ดาวดวงที่...” เธอนิ่งไป จากนั้นก็หันไปมองเขา “ดวงที่เท่าไรดีคะ”
“ดวงแรกและดวงเดียวได้ไหมครับ” เขาจ้องตาเธอขณะถาม ความจริงจังและเด็ดเดี่ยวแนวแน่อยู่ในแววตาและน้ำเสียง
นิดายิ้มน้อยๆ “พี่ธีร์ยังคิดว่านิมีดาวดวงอื่นอยู่อีกเหรอคะ”
คำตอบของเธอคือคำถาม แต่เป็นคำถามที่ให้คำตอบแก่เขาแล้ว ธีร์ขยับไปหอมแก้มเธอพลางอมยิ้ม
นิดาลดมือข้างนั้นลงไปจับมือเขา ประสานนิ้วเข้ากับนิ้วหนา ก่อนจะดึงมาวางแนบหน้าท้องตัวเองและยกมืออีกข้างมากุมไว้ด้วยกัน สายตาทอดมองดวงดาวบนผืนฟ้านิ่งๆ ธีร์มองหน้าเธอ ดวงตาของเธอเก็บดาวนับล้านไว้ภายใน แต่ในใจของเธอมีดาวเพียงดวงเดียว ทว่าดาวดวงนั้นยังไม่สามารถเปล่งแสงผ่านหมอกหนาที่คลี่คลุมอยู่ในนั้นได้
“ทำให้นิเชื่อสิคะ...” นิดาหันมามองตาเขา ความสับสนไหวระริกอยู่ในดวงตาของเธอ “ทำให้นิเชื่อมั่นในความรัก”
“ครับ ขอบคุณสำหรับโอกาส ขอบคุณที่เปิดใจให้พี่ พี่จะทำให้นิพูดว่ารักพี่ให้ได้ พี่จะเป็นดาวที่มีแสงสว่างในตัวเอง จะเป็นดาวที่สว่างไสวอยู่ในหัวใจของนิ จะไม่มีอะไรมาบดบังแสงจากดาวของพี่ได้”
“ขอบคุณนะคะ นิสัญญาว่าจะไม่ถอดแหวนวงนี้”
“ขอบคุณครับที่รัก” ธีร์จูบบนหน้าผากเธอ
นิดาปล่อยมือเขาแล้วพลิกตัวมาซบเขาในอ้อมอก “พี่ธีร์รู้ไหมคะ นิยังไม่เคยพูดว่ารัก...เขา”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ธีร์คงไม่เชื่อ แต่หลังจากได้ยินเธอตำหนิไอ้หมอนั่น เขาถึงได้เข้าใจความคิดของเธอ เรื่องที่นิดายังรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้เป็นสิ่งที่เขาดีใจ แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะยังไม่เคยพูดคำนี้ เขาคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำให้เธอเชื่อว่าเขารักเธอจากใจจริง
“พี่ดีใจที่ได้ยินแบบนี้ และหวังว่าพี่จะได้ยินคำนั้นจากนินะครับ”
“คำพูด...มันง่ายมากที่จะพูดออกไป แต่ทำไมคำนี้มันพูดยากจังเลยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่จะพิสูจน์ให้นิเห็นเองว่าพี่ธีร์คนนี้รักนิขนาดไหน”
นิดาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา ก่อนหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้อีกด้านขึ้นมา แล้วบันทึกภาพมือที่สวมแหวนเพชรทาบกับท้องฟ้า อีกภาพเป็นมือของทั้งสองจับกันบนที่นอนสีขาว นิดาเริ่มกลับมาเป็นคนเก่าด้วยระยะเวลาไม่ทันข้ามวัน แต่เขาก็ไม่อาจวางใจ หากปล่อยให้เธออยู่คนเดียว เธอจะเศร้าซึมไหม