“เล็กเอาร่มของเราไป เดี๋ยวเราวิ่งไปที่บ้านครูได้ ใกล้แค่นี้เอง” นิดาหยิบร่มออกมาจากกระเป๋าให้เพื่อน
“จะรออีกแป๊บค่อยตกก็ไม่ได้นะ” เล็กบ่นฟ้าบ่นฝน
“เอ้า รับไปสิ เราต้องรีบ ใกล้เวลาเรียนแล้ว”
เล็กจึงรับร่มจากเพื่อน แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกัน
นิดาวิ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าว ฝนที่ตกปรอยๆ ก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก แต่จะถอยหลังก็คงไม่มีประโยชน์ จึงฝืนวิ่งต่อไปจนกระทั่งถึงบ้านของครูในสภาพที่เปียกม่อลอกม่อแลก
บ้านของครูธีร์เป็นอาคารพาณิชย์สองคูหาสามชั้น ชั้นบนใช้เป็นที่พักอาศัย ชั้นสองเป็นที่สำหรับสอนพิเศษ ส่วนชั้นล่างสุดเอาไว้ต้อนรับแขก การตกแต่งของสองชั้นล่างนั้นดูทันสมัย โปร่งโล่ง สบายตา ดูจากรสนิยมแล้วชั้นบนสุดก็คงน่าอยู่ไม่ต่างกัน
นิดามองไม่เห็นใครที่ชั้นล่างซึ่งเป็นห้องรับรองแขก ก็ต้องไม่มีใครอยู่แล้วละ ทุกคนที่มาถึงจะต้องรีบขึ้นไปจองที่นั่งด้านหน้า เธอก้มมองนาฬิกาข้อมือ เดินขึ้นไปที่ชั้นสอง แปลกที่วันนี้ไม่ได้ยินเสียงเหมือนนกกระจอกแตกรังเลยสักนิด พร้อมกันนั้นก็ล้วงผ้าขนหนูผืนเล็กที่มักจะนำติดกระเป๋ามาด้วยในวันที่เรียนพละขึ้นมาเช็ดผม
ธีร์ที่ยืนอิงสะโพกอยู่กับโต๊ะของเขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารเตรียมสอน เมื่อรู้สึกได้ว่ามีนักเรียนขึ้นมาบนห้องเรียน แปลกใจที่มีคนเดินทางมาในช่วงฝนตกหนักเช่นนี้ ด้วยความเป็นครูที่อัธยาศัยดี รู้จักการผูกใจเด็ก จึงคิดว่าคงต้องมีการให้รางวัลนักเรียนดีเด่นกันบ้างละวันนี้
แต่ไม่คาดว่าคนที่จะได้รางวัลจะเป็น...
“นิดา”
ธีร์ไม่ปฏิเสธว่าคิดไม่ซื่อกับเธอ เด็กสาววัยสิบเจ็ด กับผู้ชายวัยยี่สิบเจ็ด มันไม่ได้ห่างกันเกินไปกับความสัมพันธ์ชายหญิง แต่ตอนนี้มันก็เป็นได้แค่ความคิด เพราะสถานะระหว่างเรามันเหมือนเส้นขนาน แต่เมื่อตอนบ่ายเขายอมรับว่าอารมณ์พาไปจนเผลอแสดงด้านมืดออกมานิดๆ หน่อยๆ ไม่รู้ว่านิดาจะจับได้หรือไม่...
อาจจะไม่รู้...
หรือรู้แล้ว...
นั่นเป็นเรื่องที่เขาสุดจะรู้
แต่สักวันเธอต้องได้รู้
“ยังไม่มีใครมาอีกเหรอคะครู นึกว่ามากันครบแล้วเสียอีก”
ความกลัวกับความกล้าต่อสู้กันอยู่ในอก นิดาข่มอารมณ์หลากหลายที่พุ่งเข้าโจมตีถามเขาออกไป การขึ้นมาพบว่าบนชั้นเรียนยังไม่มีใคร นอกจากเขา ให้ความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยต่อใจของเธอเลย
“ฝนตกหนัก คงต้องรออีกสักพักถึงจะมากัน แล้วนี่เราไม่มีร่มเหรอ” ธีร์เดินเข้ามาหานิดา ฉวยกระเป๋านักเรียนมาวางบนโต๊ะของเขา เพื่อให้เธอเช็ดผมได้สะดวก
“หนูให้เล็กยืมไปน่ะค่ะ”
นิดาตอบ หลบตาเขา เธอสั่นน้อยๆ เพราะเสื้อพละเปียกจนเกือบจะเรียกได้ว่าชุ่ม สองแขนเล็กยกยีผ้าขนหนูบนศีรษะ เสื้อพละแนบลู่ลงไปบนเรือนกาย ขับเน้นทรวดทรงองค์เอว อีกทั้งความบางของผ้าสีเหลืองอ่อนยิ่งทำให้เห็นโครงร่างโค้งเว้าของวัยสาวแรกรุ่นที่ด้านในมีเพียงชั้นในลูกไม้สีดำห่อหุ้ม
ธีร์กลืนน้ำลายลงคอ นิดาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าเธอไม่ใช่เด็กแล้ว แต่เธอโตเป็นสาวเต็มตัว สามารถกระตุ้นราคะผู้ชายกลัดมันที่หิวโหยอย่างเขาได้ทุกเวลา ธีร์พยายามบังคับลมหายใจให้เป็นปกติที่สุด ภาพตรงหน้ามันคือความยั่วยวนแบบไร้เดียงสาที่สามารถฆ่าเขาได้
เขาหันหลังกลับทันใด เขาควรหาเสื้อผ้าให้เธอเปลี่ยนเดี๋ยวนี้
“เอ่อ...เดี๋ยวมานะ”
“คะ?” นิดาเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง
“ครูจะไปเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน เดี๋ยวจะไม่สบาย” ธีร์ยกเอาเรื่องสุขภาพขึ้นมาบังหน้า
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวก็แห้ง” เธอพูดตามหลังเขาไป แต่ดูจะไร้ประโยชน์
ธีร์หายไปข้างบนสักพักก็กลับมาพร้อมเสื้อยืดตัวใหญ่และผ้าขนหนูผืนใหม่
“เสื้อครูเอง ผ้าขนหนูผืนนี้ก็ยังไม่ได้ใช้ รับรองว่าสะอาด ไปเปลี่ยนที่ห้องนั้นค่ะ” ธีร์ส่งของให้แล้วผายมือไปทางห้องที่มีผ้าม่านรูดปิดแทนประตู มันเป็นห้องที่เขาเอาไว้เก็บเอกสารซึ่งมีไม่มาก และใช้สำหรับให้นักเรียนสาวๆ ที่ชอบเสริมสวยได้เข้ามาใช้บริการ บางคนก็เรียกห้องนี้ว่า ‘ห้องเชือด’
แป๊ะ!
เสียงสวิตช์ไฟดึงความสนใจของธีร์อีกครั้ง
ไฟที่สว่างขึ้นหลังม่านทำให้ธีร์มองเห็นความเคลื่อนไหวด้านในห้อง เขาไม่ใช่พวกถ้ำมอง แต่ขาแกร่งก็สืบไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว มันอึดอัด ร้อนผ่าว ความปรารถนาระอุแทบคลุ้มคลั่งเพียงแค่เห็นภาพรางเลือนหลังม่าน ความรู้สึกทำนองนี้สั่งสมมานานตั้งแต่นิดาเข้ามาอยู่ในสายตาเขา อีกไม่นานเธอก็จะจบม.6 และก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย นี่เป็นเทอมที่สองที่เขาได้สอนเธอ ธีร์พยายามพาตัวเข้าไปใกล้ชิดเธอ แต่ก็มักจะมีอุปสรรคเป็นเด็กสาวๆ ที่ถลาเข้ามาหาเขาทั้งในห้องพักครูและนอกห้องเรียน โดยเฉพาะคลาสสอนพิเศษ บางคนแทบจะขึ้นมานั่งบนตักเขาอยู่แล้ว ในชั่วโมงเรียนดูจะเป็นโอกาสเดียวที่เขาพอจะเข้าถึงเธอได้
ธีร์เอื้อมมือไปผลักม่านออกเบาๆ และก้าวเข้าไป...
แผ่นหลังบอบบางมีเพียงสายบราเซียร์รัดรึงดูนวลเนียนขาวลออ เอวเธอเล็กคอดยั่วตาให้เขาอยากสอดแขนรัด แล้วฝังจมูกลงไปตรงไหนก็ได้บนเรือนกายเย้ายวนตรงหน้า เกลือกกลั้วสูดกลิ่นสาบสาวของเธอที่เขาเฝ้าปรารถนาให้สมรัก เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่เธอแขวนไว้บนตะขอด้านข้าง แล้วจรดมันลงบนแผ่นหลังเด็กสาวเบาๆ