บทที่ 5. ตอน ข้าจะปล่อยเจ้าไป

1167 Words
บทที่ 5. ตอน ข้าจะปล่อยเจ้าไป เช้าวันต่อมา หลิวซืออินตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว กว่าคนผู้นั้นจะปล่อยนางก็ค่อนรุ่ง นางอ่อนเพลียจนหลับไปในอ้อมกอดของเขา "เจ้าคนชั่ว ข้าจะต้องหาทางหนีให้ได้" หลิวซืออินบอกกับตัวเอง นางสูญเสียความสาวไปแล้วแต่ยังเหลือชีวิต หากมีโอกาสนางจะต้องกลับไปหาท่านย่า แกรก ! ประตูห้องเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของเยี่ยเหวินจ้าวเดินเข้ามา ในมือของเขามีเสื้อผ้าสตรีอยู่ชุดหนึ่ง เขาเดินมาหาหลิวซืออิน มองดูนางที่ตอนนี้สวมชุดแต่งงานขาดวิ่นเปื้อนเลือดตัวนั้น แล้วยื่นส่งชุดในมือให้ "เอาไปเปลี่ยน หากอยากอาบน้ำ ตรงนั้นมีถังข้าตักน้ำมาให้แล้ว" เขาชี้มือไปยังมุมห้อง มีถังใส่น้ำวางอยู่ เยี่ยเหสินจ้าวอาศัยตอนที่นางหลับไปตักน้ำมาให้ และยังขอซื้อเสื้อผ้าจากชาวบ้านมาชุดหนึ่ง "ข้าจะรออยู่ข้างนอก หากเจ้าหิวก็ออกมากินข้าว" พูดจบเขาก็ยัดเสื้อผ้าชุดนั้นใส่มือนาง เดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตู หลิวซืออินรีบวิ่งไปปิดประตู ยกเก้าอี้มาขวางไว้ ก่อนที่นางจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขามอบให้ ชุดสตรีแบบชาวบ้านทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบราคาถูก เทียบกับชุดแต่งงานผ้าไหมสีแดงที่นางสวมแล้ว แตกต่างกันมาก หลิวซืออินพับชุดนั้นวางไว้ แล้วจัดเตียงนอนใหม่ ที่นอนยับยุ่งมีคราบโลหิตพรหมจรรย์ของนางเปื้อนอยู่ นางกำลังจะแต่งงานกับหยวนจงเหลียง แต่ถูกเขาฉุดตัวมาย่ำยี ร่างกายเปื้อนราคีคงไม่มีผู้ใดต้องการอีกแล้ว คิดแล้วดวงตาก็แสบร้อนแต่จำต้องข่มกลั้นไว้ นางร้องไห้มามากพอแล้ว หากอ่อนแอคงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ "อาบน้ำเสร็จหรือยัง ออกมากินข้าวได้แล้ว" เสียงตะโกนเรียกดังอยู่หน้าประตู หลิวซืออินกำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ให้ตัวเองได้เข้มแข็ง นางผ่านคืนอันโหดร้ายมาแล้ว จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก ก็คงไม่ต้องกลัวแล้ว "ข้าหิวข้าว" นางเปิดประตูออกมา เผชิญหน้ากับเจ้าคนชั่วโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายเห็น ท่าทางอ่อนแอของตัวเอง เขามองหน้านางแล้วหมุนกายเดินนำออกไป หลิวซืออินเดินตาม นางมองสำรวจไปรอบกายพบว่า เขาพานางมาอยู่บนเรือขนาดใหญ่ ซึ่งมีห้องนอนและห้องต่างๆ อีกหลายห้อง น่าจะเป็นเรือสำราญของสำหรับเดินทางส่วนตัว ผู้ที่มีเรือเช่นนี้ต้องมีเงินทองมาก หรือเป็นผู้มีตำแหน่งใหญ่โต นางเคยนั่งเพียงเรือข้ามฟากลำเล็ก เทียบไม่ได้กับเรือลำเท่าบ้านลำนี้ "นั่งลงสิ เข้าอยากกินอะไรก็ตักเอา" เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินมาที่ห้องครัว บนเตามีหม้อต้มโจ้ก ซึ้งนึ่งซาลาเปา บนโต๊ะยังมีอาหารอีกหลายจานและข้าวขาว เขานั่งลงหยิบตะเกียบมาคีบกับข้าวลงมือกินโดยปล่อยให้นางเลือกตักอาหารเอง หลิวซืออินเมื่อเห็นอาหารก็น้ำลายสอขึ้นมา ตอนนางอยู่ที่บ้านอาหารเช้าได้กินแค่โจ๊กกับผักดอง มาเจออาหารมากมายล้วนน่าอร่อย จึงไม่เกรงใจใคร หยิบชามมาตักโจ๊ก พอกินหมดก็เอาซาลาเปามากินอีกสามลูก ต่อด้วยข้าวสวยอีกสองชาม อาหารบนโต๊ะถูกนางจัดการไปเกินครึ่ง "เจ้าทำอาหารเองหรือ ฝีมือใช้ได้นี่" นางกินอิ่มก็เอ่ยชมเขา เมื่อท้องเต็มอารมณ์หดหู่ก็ผ่อนคลายลง "เจ้ากินเหมือนผีหิวโหย คุณหนูอะไรท่าทางตะกละเหมือนขอทาน" เยี่ยเหวินจ้าวนั่งมองนางกินอาหาร ด้วยความประหลาดใจ นางขยับตะเกียบว่องไวเคี้ยวกลืนอาหารเหมือนตายอดตายอยากมานาน อาหารที่นางกินลงไป มีจำนวนพอๆ กับคนตัวโตกินถึงสองคน ตัวเล็กบางแต่ท้องยุ้งพุงกระสอบเช่นนี้ เขาจะเลี้ยงไหวหรือ "ข้าไม่ใช่หลิวชิงหลิน ข้าคือหลิวซืออินหลานของหลิวจื่อเซิ่ง เจ้าสาวตัวจริงหนีงานแต่ง อาสะใภ้จึงจับข้ายัดใส่เกี้ยว มาแต่งงานแทน" หลิวชิวเยว่ไม่คิดปิดบังตัวตน เขาคงคิดว่านางคือคุณหนูหลิวชิงหลิน บุตรีของหลิวจื่อเซิ่ง เศรษฐีผู้มั่งคั่ง หากรู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นเพียงหลานกำพร้าไร้ค่าของตระกูลหลิว คงจะนึกรังเกียจนาง "เจ้าไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง แต่เป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับหยวนจงเหลียง" ความจริงเรื่องนี้ ทำให้เยี่ยเหวินจ้าวนิ่งเงียบไป หลิวซืออินเห็นเขาไม่พูดอะไร ก็คิดว่าเขาคงรังเกียจนาง "ท่านนึกเสียใจแล้วใช่หรือไม่ ที่ฉุดข้ามา ฐานะของข้าในตระกูลหลิว ไม่ต่างจากบ่าวไพร่ เป็นแค่หลานกำพร้าที่ท่านอาจำใจเลี้ยงไว้" น้ำเสียงของหลิวซืออินเจือรอยขมขื่น บิดามารดาถูกโจรฆ่า นางรอดชีวิตมาเพียงคนเดียว ทรัพย์สินเงินทองถูกปล้นชิง เหลือเพียงตัวเปล่าไม่ต่างจากขอทาน ท่านย่าขอให้ท่านอารับเลี้ยงนางไว้ ชีวิตในแต่ละวันต้องทำงานแลกข้าวไม่ต่างจากบ่าวไพร่ มีข้าวก็ต้องรีบกินให้อิ่มท้อง ของกินดีๆ ไม่เคยได้ลิ้มรส ได้แต่กลืนน้ำลายมองดูท่านอากับครอบครัวกินของดีๆ "เดิมข้าคิดเพียงว่า แค่มีข้าวกินมีที่ซุกหัวนอน ได้ดูแลท่านย่า ก็ดีมากแล้ว ข้าทำงานเหนื่อยสักหน่อยก็ไม่เป็นไร" หลิวซืออินพูดไปก็รู้สึกคิดถึงท่านย่า น้ำตาอยากจะไหลออกมาอีกแล้ว นางไม่อยากร้องไห้ให้เจ้าคนชั่วเห็นจึงฝืนทน แล้วยัดซาลาเปาเข้าปากเคี้ยวกลืนลงไป ซาลาเปาใส้เนื้อแป้งนุ่มเนื้ออัดเต็มลูกแบบนี้ นางเพิ่งเคยลิ้มรสครั้งแรก กินให้มากหน่อยก็ไม่เสียดายท้อง "เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน" หลังจากเขานิ่งเงียบไป เยี่ยเหวินจ้าวก็เอ่ยออกมา ดวงตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของหลิวซืออิน แววตาที่เขามองดูนางเปลี่ยนจากเดิม "ดีหรือ ดีได้อย่างไร ข้ามันแค่ตัวภาระ เลี้ยงไว้ก็เปลืองข้าวเปล่าๆ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะนะ" หลิวซืออินลงทุนเล่าชีวิตรันทดของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง แต่เขากลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา "ข้าก็เป็นกำพร้า ท่านลุงรับเลี้ยงข้าไว้เช่นกัน หยวนจงเหลียนข่มเหงเสี่ยวเฉียน ทำร้ายลูกชายของท่านลุงจนเกือบพิการ ข้าจึงมาล้างแค้นให้เขาทั้งสอง" ///
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD