สายตายังคงจับจ้องร่างนั้นไม่วางตา เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว ผ้าห่มนวมสีหวานลายดอกไม้ ห่มคลุ่มร่างนั้นจนมิดเห็นเพียงศีรษะเล็กๆโผล่ออกมาแค่ช่วงบน มือเรียวยื่นมาแตะส่วนที่คิดว่าเป็นหลังของคนในโปงผ้า ก่อนจะโถมตัวลงไปรวบร่างนั้นมากอดแรงๆ
“ว้าย! ใครน่ะ ปล่อยนะ”
เสียงกรี๊ดดังมาจากร่างในผ้าห่ม พร้อมกับอาการดิ้นขลุกขลักอย่างคนที่ตกใจสุดขีด ทำให้คนที่อยู่นอกผ้ายิ้มขำ หากไม่ปล่อยง่ายๆ กลับกอดรัดร่างนั้นแน่นขึ้น
“ยายตัวขี้เกียจ ต้องโดนลงโทษแบบนี้”
เอริกยังแกล้งต่อไม่เลิก เขาล้วงมือไปใต้ผ้าพยายามจี้เอวคนในนั้น อาการดิ้นรนขัดขืน ค่อยๆ กลายเป็นชักกระตุกหนีด้วยความจั๊กจี้ ทำเอาคนแกล้งได้ใจแกล้งไม่หยุด
“ปล่อยนะ ฮ่า ฮ่า... โอ้ย จะไม่ไหวแล้วนะ!”
เสียงหัวเราะแปร่งๆ นั้น ทำให้คนได้ยินขมวดคิ้วหยุดชะงักการจี้เอวไปชั่วครู่
“เอ๊ะ! ไม่ใช่เสียงยายไอรีนนี่”
เอริกรีบเปิดผ้าห่มออก ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นหน้าคนในโปงผ้าถนัดตา
“เธอเป็นใคร มาอยู่ในห้องยายไอรีนได้ยังไง!”
เขาตวาดเสียงดัง สายตาคมคลายความขี้เล่นลง เปลี่ยนมาดุดัน เมื่อเห็นคนบนเตียงไม่ใช่น้องสาวสุดที่รัก แต่เป็นผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ ไอรีนไปไหน ทำไมถึงปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มานอนในห้องตัวเอง
โรสิตาหอบหายใจแรงๆ อาการจุกเสียดจากการโดนจี้จนหัวเราะท้องแข็ง ทำให้พูดไม่ออก หญิงสาวมองหน้าคนตัวโตที่โอบรัดด้วยความตกใจ เขาคงเป็นพี่ชายคนใดคนหนึ่งของไอรีน ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ดวงตาสีน้ำเงินของเขาจ้องมองเธอราวนิ่งมันดูมีเสน่ห์น่าค้นหา แม้จะทอประกายดุกร้าวไปหน่อยก็ตาม บวกกับริมฝีปากแดงระเรื่อตามธรรมชาติ ทำให้คนมองรู้สึกวูบๆในใจ ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่แตกกระเจิงของตัวเองให้กลับคืน
“เอ่อ...โรส ฉัน... เป็นเพื่อนของไอรีนค่ะ” โรสิตาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ร่างบางถูกร่างหนากว่าโอบรัดไว้ทั้งตัวแบบนี้ ใครจะพูดเต็มเสียงได้ไหวล่ะ ดูสิเขายังไม่ยอมปล่อยเธอ แขนแข็งแรงนั้นรัดแน่นจนอึดอัดไปหมด หากไม่มีผ้าห่มนวมเนื้อหนาพันไว้อย่างนี้หญิงสาวคงเข้าไปอยู่แนบชิดเนื้อตัวอีกฝ่ายไปแล้ว
“ปล่อย... ปล่อยฉันก่อนนะคะ ฉันหายใจไม่ออก”
เอริกเพิ่งรู้ตัวว่า เขายังไม่ได้ปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ ผ้านวมหนานั้นทำให้เขาไม่ได้สัมผัสแนบชิดกับเธอ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มร้อนวูบวาบขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าหวานใสนั้นเต็มตา ปกติเขาไม่ชอบผู้หญิงผมสั้น แต่ทำไมถึงได้เกิดปฏิกิริยาเหมือนพอใจกับการได้สัมผัสเนื้อตัวของอีกฝ่ายได้ ทายาทคนโตของตระกูลเมดิสัน รีบปล่อยร่างนุ่มนิ่มนั้นทันที ก่อนจะขยับลุกมายืนบนพื้น
โรสิตารีบสลัดผ้าห่มออกจากตัว การกอดรัดฟัดเหวี่ยงเมื่อครู่ เล่นเอาเธอเหงื่อซึมไปทั้งตัว ยังไม่นับอาการตกใจจนหัวใจเต้นราวกับกลองนี่อีก ล้วนทำให้เจ้าของร่างกายเหนื่อยจนหายใจไม่ออก ลมหายใจติดขัด พร้อมกับอาการหอบแรงๆ นั้น ทำให้เจ้าตัวรู้ว่าโรคหอบ โรคประจำตัวกำลังจะกำเริบขึ้น
“ช่วย... ช่วยหยิบยาให้ที ฉัน... ฉันหายใจไม่ออก” มือเรียวชี้ไปที่กระเป๋าใบเล็ก ที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
เอริกขมวดคิ้ว เขามองดูอาการของหญิงสาวอย่างตกใจ ก่อนจะรีบไปหยิบกระเป๋าใบนั้นมาให้เจ้าของ โรสิตาเปิดกระเป๋าหยิบกระบอกยาพ่นมาเขย่าสองสามครั้ง ก่อนจะอมตรงปลายแล้วพ่นยาลงคอ ราวห้านาทีหน้าตาของหญิงสาวจึงค่อยๆ ดีขึ้น
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
เอริกเอ่ยถามเสียงเรียบ แม้จะรู้ว่าเขาเป็นต้นเหตุให้อาการป่วยของเธอกำเริบจากการเข้าไปฟัดเธอแบบนั้น แต่ทว่าชายหนุ่มไม่คิดจะเอ่ยคำขอโทษ
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่ตกใจและก็เหนื่อยจนโรคหอบกำเริบ” โรสิตาฝืนยิ้ม ปรับท่าทีให้เป็นปกติเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น
“เธอเป็นใคร แล้วมาอยู่ในห้องน้องสาวของฉันได้ยังไง” เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม หมดเวลายืดเยื้อ
โรสิตากะพริบตาปริบๆ สบสายตาเข้มดุของอีกฝ่ายแล้วอดใจสั่นรัวไม่ได้ คนอะไรดุแบบนี้ ถ้าให้เธอเดาเขาคงเป็นพี่ชายคนโตของไอรีนแน่ เพราะไอรีนเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ชายคนโตเป็นคนดุ ส่วนพี่ชายคนรองขี้เล่นสนุกสนาน
“ฉันชื่อโรสิตาค่ะ เป็นเพื่อนของไอรีน” โรสิตาสูดลมหายเข้าปอดเรียกกำลังใจ “ไอรีนขอให้ฉันมาช่วยงานเธอค่ะ โดยให้มาพักที่บ้านของเธอระหว่างที่มาทำงาน”
เอริกเลิกคิ้วสูง กวาดสายตามองเพื่อนของน้องสาวอย่างวิเคราะห์ เขาได้ยินไอรีนเปรยเมื่อหลายวันก่อนว่าจะหาคนมาช่วยทำโปรเจกพิเศษ ไม่คิดว่าน้องสาวจะให้เพื่อนมาช่วย สายตาคมจ้องหน้าของอีกฝ่ายนิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลกลมโตคู่นั้น สายตากวาดไปทั่วใบหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอาง มุมปากกระตุกยิ้มเย็นเมื่อเห็นทรงผมสั้นกับเสื้อผ้าของหญิงสาวเต็มตา ทรวงคู่อวบดันพ้นเสื้อสีขาวตัวโคร่งออกมา มันทำให้คนมองใจสั่นเล็กน้อย ร่างบอบบางดูเหมือนจะรู้ตัวรีบดึงผ้าห่มมาคลุมกายหลบสายตาคมของเขา แววตาระริกไหวของเอยามสบกัน ทำให้เอริกไม่มั่นใจว่าว่าเธอจะเป็นพวกที่เขาเกลียดหรือเปล่า หากจะให้เขาเชื่อว่าเธอคือผู้หญิงแท้ๆ เขาก็เชื่อไม่ลง จากบุคลิกและการแต่งตัวไม่มีบ่งบอกว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้เป็นผู้หญิงเต็มร้อย นอกจากใบหน้าสวยหวานกับอกคัฟซีบวก ซึ่งไม่แน่เจ้าหล่อนอาจเป็นพวกทอมอึ๋มก็ได้
“อย่างนั้นหรือ โอเคฉันจะเชื่อเธอ ไว้ยายไอรีนกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะถามน้องสาวฉันอีกที”
พูดจบร่างสูงใหญ่ ก็หมุนกายเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้คนที่นั่งตัวแข็งบนเตียง ถอนหายใจตามหลัง
“เห้อ คนอะไรดุชะมัด หน้าตาก็หล่อแต่ดุ๊ ดุ”
โรสิตาเบ้ปาก ย่นจมูกใส่คนที่ลับตาไป รู้สึกหวาดไหวในใจขึ้นมา เธอพยายามปฏิเสธไอรีนแล้วเพราะไม่อยากเข้ามาทำให้พี่ชายของไอรีนเข้าใจผิด โรสิตาเลี่ยงการมาที่บ้านเพื่อนสาวจนเรียนจบ แต่ไม่คิดว่าเธอต้องเดินเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้วพบกับคนที่น่ากลัวอย่างเอริกเป็นคนแรก แต่เขาคงเข้าใจหรอกมั้ง ว่าเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์กับน้องสาวของเขาในแบบที่เขารังเกียจ หากทำงานเสร็จเธอก็จะกลับไปอยู่ที่เดิม ไม่มาให้เขาพบเจออีก
คล้อยหลังจอมมารประจำบ้าน นางแมรี่ก็รีบมาเคาะประตูเรียกโรสิตาทันที หญิงสาวออกมาเปิดประตูก่อนจะถอนหายใจแรงๆ เมื่อเห็นใบหน้าของแม่บ้านชรา
“คนเมื่อกี้พี่ชายไอรีนเหรอคะ” โรสิตาเอ่ยถาม หลังจากเดินตามนางแมรี่ลงมายังห้องนั่งเล่นด้านล่าง
“ค่ะ คุณเอริกพี่ชายคนโตของคุณไอรีนค่ะ”
นางแมรี่ยิ้มปลอบใจหญิงสาวดูจากสีหน้าคนสูงวัยกว่ารู้ได้ทันทีว่าโดนคุณชายใหญ่แผลงฤทธิ์เข้าใส่เสียแล้ว นางกุมมือบางไว้ขณะพามานั่งลงบนโซฟายาว
“คุณเอริกเขาทำอะไรหนูหรือเปล่าคะ”
โรสิตายิ้มแห้งๆ พลางส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ แค่ถามว่าโรสเข้าไปนอนในห้องไอรีนได้ยังไง” เธอไม่กล้าเล่าว่า ก่อนหน้าที่เอริกจะถามเขาเข้าไปทำอะไรเธอ ขืนบอกไปคนแก่คงซักถามอีกแน่
“เหรอคะ ป้าก็เป็นห่วง เมื่อกี้ป้าบอกเธอไม่ทัน” สีหน้าของนางแมรี่ คลายความห่วงใยลง เข้าใจว่าโรสิตาคงตกใจที่จู่ๆ เอริกก็โผล่เข้าไปในห้อง
“ป้าแมรี่ครับ”
เสียงเรียกดังมาขัดจังหวะบทสนทนา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาปรากฏกาย พร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง ตามสไตล์หนุ่มอารมณ์ดีประจำบ้าน ร่างสูงใหญ่นั้นดูล่ำสันอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ต่างจากน้องสาวที่ตัวเล็กบอบบาง ใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้พี่ชายคนโต ทำให้โรสิตากะพริบตาปริบๆ ไล่ความพร่าพราย จากการโดนออร่าของหนุ่มหล่อกระแทกตาให้หายไป