นี่หล่อนจะไม่ได้ใช้งานมดลูกที่พ่อแม่ให้มาจริง ๆ เหรอ ด้วยกลัวจะเป็นมะเร็งปากมดลูก เป็นโรคนิยมของผู้หญิงในยุคสมัยนี้ เลยตัดสินใจมาตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ แต่สิ่งที่ได้มาคือ 'เชื้อรา' มะเร็งก็ยังไม่ได้ตรวจ แล้วยังมาเจอหมอลามก ทะลึ่งใส่อีก คิดแล้วจี๊ดขึ้นสมองเลยทันที
ไม่รู้อะไรทำให้หมอหนุ่มวิ่งตามเจ้าหล่อนมายังลานจอดรถของเธอ
พอมาถึงก็พูดขึ้นอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าตอนนี้เธอเป็น 'เชื้อรา' ย้ำให้คนตัวเล็กอายนั้นเอง จริง ๆ ก็แค่เพียงอยากแกล้งอยากหาเรื่องคุยก็เท่านั้นเอง เขาเชื่อว่ายังไงเสียเจ้าหล่อนจะต้องกลับมาหาเขาอีก เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเขาเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเขาเอง
“อย่าเพิ่งไปสิครับคุณต้องตา” ร้องเรียกคนตัวเล็กไว้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูขึ้นรถไป
“อะไรอีก” หยุดมือที่จะเปิดประตูรถพลางกระชากเสียงแข็งถามอีกฝ่าย
"คุณเป็นเชื้อราครับ"
หล่อนไม่ได้มาตรวจเชื้อรา ทำไมต้องเป็นเชื้อรา
มันไม่จริง ไม่จริงใช่ไหมหมอบ้า แล้วจะมาย้ำให้อายทำไมเนี่ย
"จริงนะครับ คุณเป็นเชื้อรา"
กระตุกยิ้มมุมปากเอ่ยเสียงหนักแน่นยืนยันอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาคำถามของคนไข้คนสวยส่งมาทางตน ยิ่งได้มองสายตามีคำถาม สายตาแข็งกระด้าง สายตารังเกียจของคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจดีจริง ๆ
"จริงนะครับ คุณเป็นเชื้อรา"
กระตุกยิ้มมุมปากเอ่ยเสียงหนักแน่นยืนยันอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาคำถามของคนไข้คนสวยส่งมาทางตน ยิ่งได้มองสายตามีคำถาม สายตาแข็งกระด้าง สายตารังเกียจของคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจดีจริง ๆ
“ฉันรู้แล้วค่ะ ไม่ต้องย้ำให้ฉันอายหรอกค่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวค่ะ” เอ่ยจบก็รีบเปิดประตูรถขึ้นรถติดเครื่องกระชากออกไปจากตรงนั้นทันที
ด้านหมอหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลังรถของคนสวยไปด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงสาวใสบริสุทธิ์ก็วันนี้แหละ แถมกุหลาบของแม่นวลนางนั้นช่างสวยงามเหลือเกิน ก็แค่เชื้อราจริง ๆ เชื้อราแม้เราจะรักษาตัวเองดีทำความสะอาดดีแค่ไหน หากมันจะเป็นก็เป็นอยู่ดี แต่เรื่องแค่นี้สบายมาก เพราะสิ่งที่สนใจคือ 'ต้องตา' ต่างหาก หล่อนทำให้เขาหัวใจเต้นแรงตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้าไปแล้ว มันทำให้รู้สึกว่าโลกทั้งโลกหยุดหมุน โลกทั้งใบมีแค่เธอ
หลายอาทิตย์แล้วที่หล่อนจมอยู่กับคำพูดของหมอ
ไม่กล้าไปหาหมอที่ไหนเพราะคำว่า 'อาย' คำเดียวทำให้นั่งหน้าบึ้ง หน้าตึงหลังเลิกงานทุกวัน อยากเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังก็น่าอายเสียกะไร หล่อนขับรถมาเรื่อย ๆ ระหว่างทางกลับคอนโดฯ จึงเปลี่ยนใจไปหาหมอคนเดิมอีกครั้ง ทั้งอายทั้งอยากรักษา และไม่อยากให้ใครเห็นส่วนสงวนของตัวเองไปมากคน ในเมื่อเขาเป็นหมอและเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้เห็น เขาก็ควรจะเป็นคนรักษาเชื้อรา ส่วนเรื่องมะเร็งปากมดลูก หล่อนล้มเลิกความคิดที่จะตรวจแล้ว เพราะตอนนี้โฟกัส 'เชื้อรา' มากกว่า หล่อนไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเชื้อราในช่องคลอด
พอมาถึงก็เป็นเวลาทุ่มกว่า สาวเจ้าเดินตรงไปยังห้องตรวจของชายหนุ่ม พอมาหยุดยืนหน้าห้อง **'นายแพทย์นภสินธุ์ ก่อการรัก'**ต้องตาก็สูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ เพื่อจะผลักเข้าไป ชายหนุ่มเป็นหมอสูตินรีเวชมือหนึ่งของโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาชำนาญเชี่ยวชาญและเป็นทั้งอาจารย์หมอของนักเรียนนักศึกษาแพทย์ ยังไม่ทันได้เคาะประตูห้องก็เปิดออกมาก่อน ด้วยตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้วจึงไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไร
พอประตูห้องเปิดออกสิ่งแรกที่ทำให้
นายแพทย์นภสินธุ์ ก่อการรัก หรือเผือก วัย 38 ปี
หมอสูตินารีเวชชื่อดังยิ้มกริ่มก็คือคนตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าห้องตรวจของตัวเอง เขาคิดถึงเธอ ตั้งสองอาทิตย์กว่าไม่ได้เจอหน้า เขาก็ลุ้นว่าหล่อนจะมาหาอีกไหม แล้วในที่สุดก็มา เรื่องเครียด ๆ เหนื่อย ๆ กับงานหายไปในพริบตาเมื่อได้เจอใบหน้าแป้นแล้นของต้องตา หมอหนุ่มแสร้งตีหน้านิ่งมองคนตัวเล็กก่อนจะถามเสียงเย็นชา
“มีธุระอะไรกับหมอรึเปล่าครับ” ถ้อยคำห่างเหินเปล่งออกมาจากปากหนา
จะแกล้งไม่สนใจให้เข็ดเลย ผู้หญิงอะไรปล่อยให้ผู้ชายคิดถึง กินไม่ได้นอนไม่หลับ พอหลับก็ละเมอหา มันน่าจับตีก้นจริงเชียว
บ่นเจ้าหล่อนต่อในใจ
ต้องตาปรับตามอารมณ์ชายหนุ่มไม่ถูก เท่าที่จำได้ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเขาพูดจาอ่อนโยนเสียงนุ่ม และทะลึ่งกับเธอ คล้าย ๆ เหมือนจะจีบ แต่ทำไมตอนนี้น้ำเสียงห่างเหิน สายตาเย็นชาจ้องมองมายังเธอเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้า ก็จริง หล่อนกับเขาเป็นคนแปลกหน้า สมควรแล้วที่เขาจะมองแบบนี้ แล้วหล่อนจะมาหงุดหงิดทำไมนี่
“ดิฉันจะมารักษาเชื้อราในช่องคลอดน่ะค่ะ แต่ถ้าหมอจะเลิกงานแล้ว ดิฉันค่อยมาพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” หล่อนบอกพลางก้มลงมองเท้าของตัวเอง