บทที่ 5
ทำโทษ
จันทร์จิรารู้สึกตัวอีกครั้ง ตอนนี้รอบกายมีหมอกควันสีขาวลอยคละคลุ้งไปทั่วจนบดบังทัศนวิสัยทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน จันทร์จิราไม่สามารถบอกได้ว่าเธอกำลังอยู่ที่ไหนแต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาล่าสุดบ่งบอกว่า เธอได้ตายแล้ว! ใช่... ตายแล้วสองครั้งอีกด้วย สองครั้ง อ่า... จริงๆ นึกแล้วก็ตลกกับชะตาชีวิตของตนเองอยู่เหมือนกัน พลันกลุ่มควันหมอกหนารอบตัวก็ค่อยๆ สลายหายไป ตอนนี้เบื้องหน้าของจันทร์จิรามีบุรุษร่างสูงใหญ่รูปร่างสมส่วนใบหน้าหล่อเหลา สวมหมวกที่มีลูกปัดห้อยด้านหน้า เพียงมองครั้งแรกก็ทำให้เธอนึกถึงหนังจีนโบราณย้อนยุคเรื่องราวสวรรค์ชั้นฟ้าอะไรสักอย่าง ที่มักมีฉากองค์เง็กเซียนฮ่องเต้นั่งอยู่ด้านหน้าเบื้องบนสุด ถัดมาทางซ้ายขวามีบุคคลอื่นมากหน้าหลายตาแต่งกายแตกต่างกันไปยืนอยู่ อ่า... ช่างงดงามหล่อเหลาจริงๆ จันทร์จิรากำลังเคลิบเคลิ้มกับภาพงดงามเบื้องหน้า เสียงเข้มทรงพลังเสียงหนึ่งก็ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ ไม่บอกก็รู้ว่าผู้พูดจะต้องเป็นชายร่างสูงใหญ่แน่นอน
“เบิกตัวผู้เชิญดวงวิญญาณ”
จันทร์จิราหันไปมองด้านหลังเห็นชายชรารูปร่างสูงพอประมาณมีหนวดเคราสีขาว ผมสีขาว ใบหน้าบ่งบอกว่าน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปี ชายผู้นั้นเดินเข้ามาคุกเข่าด้านข้างจันทร์จิรา จันทร์จิรารีบลุกขึ้นจัดท่าทางตนเองเปลี่ยนเป็นท่านั่งเรียบร้อยไม่ให้เสียชื่อกุลสตรีไทย หลังจากที่กึ่งนั่งกึ่งนอนในทีแรก ใบหน้าจันทร์จิราก้มลงมองพื้น เหตุการณ์ตอนนี้คล้ายจะเป็นการตัดสินสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นแน่
“ผู้นำดวงวิญญาณ เจ้ารู้หรือไม่ว่าความผิดของเจ้าคือสิ่งใด”
“กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าประมาทเลินเล่อปล่อยให้ดวงวิญญาณของหญิงผู้นี้ตกเข้าไปในห้วงเวลา และทำให้ก่อเกิดปัญหาใหญ่ เจ้ายินดีรับความผิดนี้ของเจ้าหรือไม่”
“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
“โทษของเจ้าคือ งดการเลื่อนขั้นหรือย้ายฝ่าย ให้เจ้าดำรงตำแหน่งผู้นำดวงวิญญาณต่อไปอีกห้าร้อยปีอย่างไม่มีข้อเรียกร้องหรือข้อต่อรองใด”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ชราผู้นั้นหมอบลงกับพื้นรับคำสั่งจากเบื้องบน ใบหน้าที่แก่ชราอยู่แล้ว ดูวิตกกังวลทำให้ยิ่งแก่ชรากว่าเดิมไปเสียอีก
“ส่วนเจ้า!”
น้ำเสียงเข้มดุดันถึงแม้ผู้พูดจะหล่อเหลาปานใด แต่ก็ทำให้จันทร์จิราสะดุ้งสุดตัวด้วยคาดการณ์ได้ในทันทีว่าตอนนี้ผู้ที่อยู่เบื้องบนสูงสุดนั้นกำลังจะสนทนากับเธอเป็นแน่
“พะ... เพคะ”
จันทร์จิราขานรับอย่างสั่นๆ ไม่แน่ใจว่าใช้คำถูกหรือผิด ใบหน้ายังคงก้มต่ำสายตาทอดมองเพียงพื้นเบื้องหน้าเท่านั้น
“เจ้าผู้หลุดเข้าไปในห้วงเวลาที่มิสมควร หากแต่ยังได้กระทำการที่มิสมควรยิ่งกว่า เจ้าทำให้กำเนิดสิ่งที่ไม่ควรกำเนิด และขัดขวางสิ่งที่ไม่ควรมีชีวิตให้ได้ดำรงชีวิต”
“หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ”
น้ำเสียงสั่นเครือฟังดูน่าเห็นใจ ใบหน้างามที่ก้มลงต่ำอยู่แล้วต่ำลงไปอีก นี่ถ้ามุดดินลงไปได้เธอจะมุดลงดินจริงๆ
“หม่อมฉันเพียงทำในสิ่งที่คิดว่าควรกระทำ มิทราบว่านั่นจะเป็นการขัดต่อชะตาสวรรค์”
เสียงหวานเอ่ยอย่างอ่อนแรงคล้ายต้องการขออภัยโทษ แม้ไม่รู้จะได้ผลไหมแต่ย่อมดีกว่ามิได้ลอง
“ความไม่ตั้งใจของเจ้าก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ชะตาชีวิตมนุษย์หลายคนเปลี่ยนแปลง ชะตาแผ่นดินคลาดเคลื่อน ดังนั้นเจ้าจะมิรับโทษมิได้”
งานเข้าแล้วไง ไหงเป็นแบบนี้ไปได้กัน อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นนักโทษคดีร้ายแรงไปเสียอย่างนั้น
“ข้าจะให้เจ้าไปจุติเพื่อชดใช้กรรมในสิ่งที่เจ้าได้กระทำ ข้าจะให้เจ้าเป็นหญิงที่งดงามมากความสามรถเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วหล้า แต่บุคคลที่ได้ครอบครองเจ้า จะไร้ซึ่งหัวใจที่ปรารถนาต่อเจ้า”
ไม่นะ! ช่างโหดร้ายที่สุด นี่ไม่ต่างจากให้นางทุกข์ทรมานด้วยพิษรักจนตายหรือ หากแต่จันทร์จิราก็ไม่สามารถคัดค้านสิ่งใดได้ จึงทำใจยอมรับตามคำตัดสินที่โหดร้ายนั้นด้วยน้ำตาตกใน พลันเสียงอ่อนโยนจากทางขวามือก็ดังขึ้น
“ข้าแต่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ หม่อมฉันขอบังอาจทูลขออนุญาต เพคะ”
จันทร์จิราเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงอ่อนหวานนั้น เบื้องหน้าเป็นสตรีใบหน้างดงามสวมใส่ชุดสีขาวนวลตาลักษณะการแต่งกายคลับคล้ายกับเจ้าแม่กวนอิมที่เธอเคยนับถือกราบไหว้
“เจ้าแม่กวนอิม ท่านมีสิ่งใดที่จะบอกกล่าวแก่เราหรือ”
“ข้าแต่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เท่าที่หม่อมฉันได้ฟังเรื่องราวมา หม่อมฉันคิดว่า แท้จริงแล้วหญิงนางนี้มิได้ปรารถนาให้เกิดสิ่งที่มิควรเกิดหรือกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำแม้แต่น้อย หากแต่ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์และความปรารถนาดีต่อมนุษย์ร่วมโลกของนาง ทำให้นางได้กระทำการที่มิสมควรจะกระทำลงไป ขอองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่าถือโทษโกรธนางเลยเพคะ ขอทรงพระราชทานอภัยแก่นางด้วยเถิด”
ใช่แล้ว เธอไม่ได้ตั้งใจสักนิดจริงๆ นะท่านเง็กเซียน จันทร์จิราส่งสายตาสำนึกผิดมองไปยังคนที่อยู่เบื้องหน้า ที่ตอนนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ชะตาชีวิตของเธอขึ้นอยู่ท่านผู้นี้แล้ว
“ถ้าคิดทบทวนกันจริงๆ ก็เห็นจะเป็นอย่างที่ท่านพูดเจ้าแม่กวนอิม หากแต่เวลานี้เราได้ตัดสินออกไปแล้ว ว่ากันว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ เราผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์เมื่อได้เอ่ยตัดสินออกไปแล้วจะคืนคำได้อย่างไรกัน”
“เช่นนั้นหม่อมฉันขอพระราชอนุญาต ประทานพรให้แก่นางได้หรือไม่เพคะ”
“เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านก็แล้วกัน”
แม้จะหมดหวังในทีแรก แต่เวลานี้จันทร์จิราก็หวังว่าพรจากองค์เจ้าแม่กวนอิมจะพอช่วยเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย
“เห็นแก่เจ้าที่มีเมตตาต่อผู้อื่นในทุกชาติ ยินยอมช่วยเหลือผู้อื่นโดยมิหวังผลตอบแทนแม้จนสิ้นใจ ข้าขอให้พรแก่เจ้า แม้ชายที่ครอบครองเจ้าจะเคยเป็นคนไร้ซึ่งหัวใจ ไร้ความรู้สึก หากแต่วันใดที่เจ้าได้เจอบุรุษผู้นั้น แม้นหัวใจของเขาจะเคยถูกปิดตายไร้ซึ่งความรู้สึกมานานเพียงใด หากเพียงได้สบตาเจ้า ด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์ของเจ้าจะเป็นการเปิดหัวใจแห่งความรู้สึกของบุรุษผู้นั้น จากนั้นเจ้าจงใช้หัวใจที่บริสุทธิ์ของเจ้าสร้างความรัก จากส่วนลึกของจิตใจจากบุรุษผู้นั้น”
“ขอบพระทัยเพคะ”