บทที่ 11 ถอยมาตั้งหลัก

1231 Words
บทที่ 11 ถอยมาตั้งหลัก กลุ่มวิหคร่วมสิบชีวิตเข้าประจันหน้ากับชายชุดดำเพียงหนึ่งแม้รู้ว่ามิอาจต้านทานได้แต่เป้าหมายของพวกเขาเพียงให้องค์ชายสิบเก้าหนีได้เท่านั้น เฉินมี่ถงพยุงตัวเองขึ้นหันมาอุ้มร่างเล็กของเยว่เอ๋อร์แนบอกอีกครั้งก่อนทะยานไปจากเขตพระตำหนัก พร้อมองค์ชายหยวนหรงหย่งหมิง “ถอยทันทีเมื่อพร้อม” คำสั่งสุดท้ายของเฉินมี่ถงก่อนที่เขาจะทะยานจากไป เยว่เอ๋อร์หลับตาปี๋จะอย่างไรนางก็เป็นคนธรรมดาให้มากระโดดไปมาทะยานบนฟ้าแบบนี้นางรับไม่ไหวจริงๆ ไม่นานเฉินมี่ถงก็ทรุดลง เขาวางร่างของนางที่ยังคงมึนงงบนพื้นก่อนทรุดลงสลบไป เยว่เอ๋อร์เข้ามาดูเขาในทันทีด้านข้างยังมีองค์ชายสิบเก้าอีกคน “ท่านอาคงไปต่อไม่ไหวแล้วเพคะ องค์ชายเสด็จหนีไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะดูแลท่านอาเอง” แม้คำพูดจะสวยหรูเพียงใดแต่แท้จริงแล้วเยว่เอ๋อร์รู้ดีว่าคนที่ชายชุดดำพวกนั้นต้องการคือองค์ชายตรงหน้า หากเขาไม่อยู่ตรงนี้นั่นย่อมปลอดภัยกับนางและเฉินมี่ถง อาจดูเห็นแก่ตัวแต่มันคือทางเดียวที่ทำให้พวกเขามีโอกาสรอดมากที่สุด “พานางไปด้วย” เสียงแหบพร่าของเฉินมี่ถงเอ่ยขึ้นมา เยว่เอ๋อร์มองคนที่ตนคิดว่าสลบไปนั้นด้วยแววตาฉงน นางไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสักนิด ข้อมือป้อมถูกฉุดให้ลุกขึ้น ร่างกลมป้อมทะยานขึ้นฟากฟ้าอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ดูจะเร็วกว่าครั้งแรกอยู่มากนัก ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามเยว่เอ๋อร์จึงรับรู้ได้ว่ารอบตัวนิ่งสงบอีกครั้ง เมื่อลืมตามองดูรอบๆ จึงพบว่าตนมาอยู่ที่ปากถ้ำแห่งหนึ่ง องค์ชายสิบเก้าเดินเข้าไปด้านในโดยไม่พูดจา เยว่เอ๋อร์จำใจเดินตามเขาไปด้านใน ภายในถ้ำค่อนข้างจะชื้นเล็กน้อย ร่างกลมทรุดนั่งข้างๆ องค์ชายสิบเก้า วางห่อผ้าของตนลงมององค์ชายสูงศักดิ์ติดไฟกองเล็ก “ที่นี่คงปลอดภัยที่สุด อีกสักวันสองวันเราค่อยเข้าเมืองหลวง” เยว่เอ๋อร์มองใบหน้าคมนิ่ง ดวงตาคมจดจ้องที่กองไฟเล็ก มือของเด็กชายวัยสิบสองกำแน่นราวกับกำลังอดกั้นบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ หยวนหรงหย่งหมิงรู้สึกราวตนเองเป็นคนไร้ความสามารถ สิบสองปีที่ผ่านมาเขาอยู่ภายใต้การปกป้องของเฉินมี่ถงมาโดยตลอด แม้แต่วันนี้ วันที่เขาคิดจะปกป้องชายผู้นั้นบ้างก็ยังกลายเป็นเขาที่ถูกปกป้องเช่นเดิม เยว่เอ๋อร์เอื้อมมือไปกำมือหนานั้น มือเล็กป้อมกำได้เพียงบางส่วนของมือเขาดวงตาหวานทอดมองเขาอย่างให้กำลังใจไม่มีคำต่อว่าหรือระแวงใดๆ “ท่านอาต้องปลอดภัยแน่นอนเพคะ ท่านอาของหม่อมฉันเป็นคนที่เก่งมาก ต่อให้คนชุดดำนั่นมีสักกี่คนท่านอาก็รับไหว” แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้น หากแต่เยว่เอ๋อร์เองก็ยังไม่มั่นใจนัก หากแต่ตอนนี้นางมิต้องการเพิ่มความหนักใจให้องค์ชายมากกว่าเดิมนี่จึงเป็นการปลอบโยนที่ดีที่สุด ใบหน้าคมพยักหน้ารับท่าทางดูผ่อนคลายขึ้นมาก แสงจากกองไฟทำให้ดวงตาหวานมองเห็นความผิดปกติบางอย่าง “พระองค์บาดเจ็บ” มือป้อมเปิดแขนคนตรงหน้าขึ้นพบรอยแผลยาวเป็นทาง สายตาอ่อนโยนเมื่อครู่ฉายแววตำหนิขึ้นมาทันที มือกลมป้อมเปิดห่อผ้าหยิบขวดน้ำขนาดเล็กและของอีกสามสี่อย่างที่เป็นอุปกรณ์ทำแผลออกมาก่อนจัดการทำแผลให้เขาอย่างเบามือ หยวนหรงหย่งหมิงมองนางทำแผลด้วยความคล่องแคล่ว มิน่าเชื่อว่านางจะอายุเพียงห้าปีเท่านั้น “ใครเตรียมของพวกนี้ให้เจ้ากัน” “ต้องเป็นท่านอาอยู่แล้ว” ขืนบอกว่านางเป็นคนเตรียมเองทั้งหมดคนตรงหน้าคงสงสัยนางเป็นแน่ ด้วยวัยขนาดนางคงไม่มีทางรอบคอบได้มากขนาดนี้ ใช้เวลาไม่นานแผลที่แขนขององค์ชายสิบเก้าก็ได้รับการดูแลจนเรียบร้อย ก่อนที่นางจะส่งบางอย่างมาให้เขา “เสวยขนมนี่รองท้องก่อนนะเพคะ” หยวนหรงหย่งหมิงรับขนมในมือป้อมมากินอย่างว่าง่าย เยว่เอ๋อร์ถอนหายใจยาวที่เขามิได้เป็นองค์ชายเรื่องมากนัก นางหวังเพียงคืนนี้คนตรงหน้าจะไม่มีไข้จากบาดแผลนั่น เยว่เอ๋อร์ลืมตาตื่นในตอนต้นยามเหม่า (เท่ากับเวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น.) ดวงตาหวานปรือขึ้นอย่างอ่อนเพลีย กองไฟน้อยเมื่อคืนมอดดับไปแล้ว องค์ชายสิบเก้ายังคงนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิเขาคงกำลังฝึกเดินปราณเป็นแน่ดวงตาหวานจึงปิดลงอีกครั้งหนึ่ง จวบจนปลายยามเหม่านางจึงรู้สึกตัวตื่นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่มีองค์ชายสิบเก้านั่งฝึกปราณเช่นเดิม ร่างกลมเล็กลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหยิบห่อผ้าขึ้นแนบอกสอดส่องสายตามองหาเขาโดยรอบ หรือเขาจะออกไปดูลาดเลาด้านนอก เกือบครึ่งชั่วยามองค์ชายหยวนหรงหย่งหมิงจึงกลับมา เยว่เอ๋อร์มองเขาด้วยใบหน้างอง้ำ หยวนหรงหย่งหมิงส่งของในมือให้นางใบหน้ากลมขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ข้าเข้าไปดูในเมืองมา ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เราคงต้องหลบอยู่ที่นี่อีกสักวันสองวัน เจ้าก็กินอะไรเสียหน่อยแล้วกัน” ใบหน้ากลมเล็กพยักหน้าเข้าใจ ก่อนรับอาหารจากมือเขามาอย่างว่าง่าย หยวนหรงหย่งหมิงมองเด็กน้อยเบื้องหน้าแล้วยกยิ้มมุมปาก นางเป็นเด็กที่โตเกินวัยจริงๆ หากเป็นเด็กคนอื่นคงร้องไห้งอแงไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว นางมิเพียงสงบเชื่อฟังหากแต่ยังสามารถช่วยเหลือทำแผลให้เขาได้อย่างดีอีกด้วย “อะ... องค์ชายทรงซื้อยามาหรือเปล่าเพคะ ทรงบาดเจ็บอยู่ต้อง…” “ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว มิต้องให้เด็กน้อยเช่นเจ้ามากังวล” ริมฝีปากเล็กหุบลงในทันที นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าตนเองอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น สักวันเขาคงจับได้เพราะความอวดรู้ของนาง หยวนหรงหย่งหมิงยกยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อเห็นเด็กน้อยตรงหน้าเก็บปากเงียบแล้วหันไปตั้งใจกับอาหารตรงหน้าต่อ “กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ” เยว่เอ๋อร์หันมามองค้อนองค์ชายตรงหน้าวงใหญ่ก่อนหันไปสนใจอาหารต่อ หึ! เช่นนั้นนางจะมิเกรงใจแล้วนะ แล้วอย่ามาโอดครวญว่านางมิเหลือเอาไว้ให้เขาก็แล้วกัน หยวนหรงหย่งหมิงยิ้มกว้างกับท่าทางของเด็กน้อยตรงหน้า รีบๆ โตเข้าเถิดข้ารอเจ้าอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD