หูเย่เหยากอดร่างที่ไร้ลมหายใจของบุตรสาวเอาไว้แน่น นางร้องไห้ออกมาปริ่มจะขาดใจ เหล่านักฆ่าที่รุมล้อมนางอยู่ ก็หาได้คิดจะลงมือแต่อย่างใด พวกมันเพียงแค่จ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยชา
"เจ้าจะร้องไห้ไปใย ในเมื่ออีกไม่นาน ข้าจะเป็นผู้ส่งเจ้า ตามไปดูแลบุตรสาวในปรโลกอย่างที่เจ้าต้องการแล้ว"
หูเย่เหยาไร้ซึ่งวาจาที่จะกล่าวโต้แย้งกับคนโฉดชั่วเหล่านั้น นางเสียใจกับการจากไปของบุตรสาว จนทำให้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ที่จะปกป้องตนเองจากคมดาบที่กำลังมุ่งตรงเข้ามา ถึงตอนนี้คงต้องกล่าวได้ว่า นางยอมแพ้แล้วกับโชคชะตาที่แสนจะอยุติธรรมนี้
แต่ในขณะที่นางหลับตาลง เพื่อที่จะรับกับคมดาบที่กำลังมุ่งตรงเข้ามา ทันใดนั้นดวงตาของบุตรสาว ที่ไร้ซึ่งลมหายใจในตอนแรก ก็ได้ตื่นลืมตาขึ้นมา พร้อมกับคว้าดาบที่อยู่ในมือของนาง ออกมารับการจู่โจมนั้นได้ทันท่วงที
จากร่างบอบบางที่ไร้ซึ่งวรยุทธ์ในตอนแรก แต่ในตอนนี้ มันกลับแตกต่างออกไป ความพริ้วไหวในการจับดาบของหูจูนหลิงช่างรวดเร็วและสง่างาม จนนักฆ่าที่หวังจะเข้ามารุมทำร้ายนางในตอนแรก ถึงกับตั้งตัวไม่ทัน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคอของพวกเขาถูกคมดาบตวัดพาดผ่านไปตั้งแต่ตอนใด เมื่อมารู้ตัวอีกที ก็ในตอนที่พวกเขาสิ้นลมหายใจไปแล้ว
"หลิงเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว" ใบหน้าที่ตกตะลึงของผู้เป็นมารดาจ้องมองไปยังบุตรสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
หูจูนหลิงไม่ได้กล่าวสิ่งใด นางเพียงใช้สายตาเย็นชาจ้องมองกลับมายังผู้เป็นมารดาอย่างสำรวจ
ทั้งสองจ้องมองตากันโดยที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ต่างคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง และทันใดนั้นหูเย่เหยา ผู้เป็นมารดาก็ได้กระอักเลือดออกมา เพราะร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้า
หูจูนหลิงจึงไม่รอช้า รีบเข้าไปตรวจร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังคงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไปแม้แต่เพียงครึ่งคำ การกระทำที่ดูรวดเร็ว และชำนาญของสตรีเบื้องหน้าส่งผลให้หูเย่เหยา ไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้านางในตอนนี้คือบุตรสาวตัวเล็กที่ไร้เดียงสา ของนางในวันวาน
"หลิงเอ๋อร์เจ้ามีความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด"
"เงียบเถิดท่านแม่ อย่าเพิ่งสงสัยอันใดตอนนี้ ก่อนอื่นข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านก่อน แล้วเราจะได้รีบไปจากสถานที่แห่งนี้กัน"
หูจูนหลิงทำการสกัดจุดห้ามเลือดให้กับหูเย่เหยา พร้อมกับปิดแผลให้กับนาง และแบกร่างที่อ่อนแรงของมารดาขึ้นบนหลัง เดินออกไปจากที่ตรงนั้น คล้ายกับว่าตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความฉงนให้กับผู้เป็นมารดาอยู่ไม่น้อย
"หลิงเอ๋อร์ เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ ปล่อยแม่เอาไว้ตรงนี้เถิด อย่าได้ให้แม่เป็นภาระของเจ้าเลย อีกไม่นาน คงมีพวกมันตามเรามาทันแน่ ถึงแม่จะเป็นเช่นไร แต่ก็ขอให้เจ้ารอดชีวิตเอาไว้ก่อน นั่นคือความปรารถนาเดียวที่แม่ต้องการ"
ดวงตาของหูจูนหลิงวูบไหวไปมา หลังจากที่ฟังประโยคนั้นของมารดาจบ แต่ในตอนนี้ นางก็ยังคงไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพียงเท่านั้น
เดินทางมาได้ค่อนคืน สองแม่ลูกก็ได้ไปเจอเข้ากับกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง หูจูนหลิงจึงไม่รอช้า รีบพาร่างที่บาดเจ็บสาหัสของมารดาเข้าไปในกระท่อมแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนว่ามารดาของนางจะได้สลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านตายโดยเด็ดขาด...ท่านแม่" ความอบอุ่นพาดผ่านเข้ามาในหัวใจของนักฆ่าสาวอย่างเหมยลี่ ตลอดชีวิตของนางไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว หรือแม้แต่ความรัก สิ่งเดียวที่นางจำได้ก็คือ การต่อสู้เพื่อให้ตนเองได้มีชีวิตรอด
ความพยายามที่จะไม่ทำให้ตนเองกลายเป็นศพในวันพรุ่งนี้ของนาง ทำให้หัวใจ ของหญิงสาวเต็มไปด้วยความด้านชา นางถูกฝึกมาให้เป็นนักฆ่า เพราะฉะนั้นตลอดทั้งชีวิตของนาง จึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับความรู้สึกที่อบอุ่นเช่นนี้ การที่มีคนผู้หนึ่งคอยปกป้อง มันเป็น เช่นนี้เองหรอกหรือ
ในขณะที่นางกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น ดวงตาของนางก็ได้มืดสนิทลง และเมื่อตื่นลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตนเองอยู่ในสถานที่อันไม่คุ้นเคยแห่งนี้แล้ว ร่างบอบบางของสตรีที่ดูอ่อนแอผู้นี้ เป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย กับการเคลื่อนไหวร่างกายของนาง แต่ด้วยความเก่งกาจที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี จึงมิใช่ปัญหา เมื่อได้รับรู้ว่ามีอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น โดยสัญชาตญาณนางจึงต้องปกป้องตนเอง
เหมยลี่ใช้ความเร็วและอาศัยจังหวะที่พวกนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว สังหารคนพวกนั้น ได้อย่างรวดเร็ว แต่หากคนพวกนั้นมีการระวังตัวเองมากกว่านี้ เกรงว่านางคงจะไม่สามารถทำอย่างเช่นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้ เพราะหากจะให้เทียบกันแล้ว ผู้คนในโลกที่นางไม่คุ้นเคยนี้ มีวรยุทธ์ที่เก่งกาจมากมาย ไหนเลยนักฆ่าที่ไม่รู้ แม้กระทั่งวรยุทธ์เช่นนาง จะสามารถต่อกรกับพวกเขาได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางต้องรีบเร่งพามารดาหนีออกมาจากที่แห่งนั้น แต่ก็ไม่ลืมที่จะกลบร่องรอยของตนเองให้พวกที่ตามล่านางอยู่ตามหาร่องรอยเหล่านั้นไม่พบ
เหมยลี่จ้องมองไปที่ใบหน้าของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดาของเจ้าของร่างที่นางมาอาศัยอยู่อย่างงุนงง การทะลุมิติมาอยู่ในร่างอีกร่างหนึ่งเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกสับสนไม่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่นักฆ่าสาวเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนั้นก็คือ การปรับตัวเพื่อที่จะสามารถมีชีวิตรอดปลอดภัย
ต่อจากนี้นางคือหูจูนหลิง บุตรีเพียงคนเดียวของพรรคมังกรทะยานฟ้า และมีความแค้นยิ่งใหญ่ที่ต้องชำระความกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยผู้ที่นางสงสัยมากที่สุดก็คือ สตรีผู้นั้น ผู้ที่ครั้งหนึ่งได้ปีนเตียงบิดาของนาง จนทำให้บิดาและมารดาเกิดความขัดข้องหมองใจกัน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นทั้งหมด และนางจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยง่ายเป็นแน่ ผู้ใดทำอันใดไว้จะต้องได้ชดใช้ในสิ่งที่ตนเองกระทำ
"รอก่อนเถิดข้าจะกลับไปคิดบัญชีนี้กับเจ้าเอง ซ่งเจียเชิน หากเรื่องทั้งหมดเป็นเจ้าที่อยู่เบื้องหลังจริง ข้าจะทำให้แม้แต่ร่างของเจ้าก็ไร้ซึ่งแผ่นดินกลบหน้า"
แค่เข้ามาอยู่ในร่างของสตรีผู้นี้ ในวินาทีแรกก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดเสียแล้วเหตุใดชะตาชีวิตของนาง ถึงได้หนีไม่พ้นเรื่องการต่อสู้ดิ้นรนให้มีชีวิตรอดนี้เสียที
เมื่อเหมยลี่หรือก็คือหูจูนหลิง กำลังคิดอะไรอยู่นั้น นางก็ไม่เสียเวลา รีบสำรวจไปยังร่างกายของผู้เป็นมารดาที่นอนไร้สติอยู่บนเตียงในตอนนี้อย่างรวดเร็ว ดีที่ในระหว่างที่หลบหนีมานั้น นางมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรอยู่บ้าง จึงได้เก็บสมุนไพรที่อยู่ตามรายทาง มาไว้พอสมควร นั่นจึงไม่เป็นปัญหาในการรักษาอาการของมารดา เพียงแต่ในตอนนี้นางยังขาดอุปกรณ์บางอย่าง เพื่อนำมาใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บนี้ของนางและมารดาเพียงเท่านั้น
เมื่อคิดได้ถึงสิ่งที่ตนเองจะต้องทำ นางจึงไม่รอช้ารีบเดินไปสำรวจทั่วกระท่อมร้างแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าโชคชะตาจะยังเข้าข้างนางอยู่ไม่น้อย กระท่อมร้างแห่งนี้ คงจะเคยเป็นกระท่อมของท่านหมอผู้ใดผู้หนึ่งเป็นแน่ เพราะอุปกรณ์ที่ควรจะมีในโรงหมอนั้น มีอยู่ในกระท่อมแห่งนี้เกือบทั้งหมด
หูจูนหลิงยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ พร้อมกับลงมืออย่างรวดเร็ว นางทำการต้มน้ำ และหาผ้าสะอาดที่สามารถหาได้ มาทำความสะอาดบาดแผลให้กับมารดา และถือว่าโชคดีมากที่ในกระท่อมแห่งนี้มีเข็ม ที่พอจะเอามาไว้ใช้เย็บบาดแผล หูจูนหลิงจึงจัดการเย็บบาดแผลที่ถูกแทงเหล่านั้นให้กับมารดา อย่างชำนาญ
"ดูเหมือนว่าผู้ที่เป็นเจ้าของกระท่อมแห่งนี้จากไปอย่างรีบเร่ง โดยที่ไม่ได้นำสิ่งของมีค่าใดๆ ติดตัวไปเลย" หลังจากที่หูจูนหลิง สำรวจกระท่อมร้างแห่งนี้อย่างละเอียดก็คิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ขึ้นมา และก็ถือเป็นความโชคดีของนางที่ได้มาพบเข้ากับกระท่อมแห่งนี้เข้าโดยบังเอิญ หากมิฉะนั้นแล้วนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเช่นกัน
เพียงไม่นานแผลเหวอะหวะก่อนหน้านี้ ก็ได้รับการดูแลจนกลับมามีสภาพเป็นปกติ โดยไม่มีอันใดน่าห่วงอีกต่อไป จะมีก็แต่เพียงการบาดเจ็บภายในของมารดา ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาพอสมควร และนั่นก็ไม่เป็นปัญหา เพราะนางได้มีสมุนไพรเกี่ยวกับการรักษาอาการเหล่านั้นอยู่ในมือ รอแค่เพียงให้มารดาฟื้นขึ้นมา เพื่อดื่มยาเหล่านี้เพียงเท่านั้น