หูจูนหลิงเห็นเขากล่าวออกมาเช่นนั้น นางก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นด้วยความพอใจ บุรุษผู้นี้ถือว่ายังมีความฉลาดอยู่มาก สมกับที่รั้งตำแหน่งเป็นแม่ทัพจริงๆ
ตั้งแต่ที่คนของเขาได้ตะโกนเรียกชื่อของเขาในตอนที่เสือขาวตัวนั้นจะกระโจนเข้าใส่บุรุษตรงหน้านางได้ยินถึงสรรพนามที่ถูกเรียกขานว่าเขาคือผู้ใด ก็ได้เกิดแผนการขึ้นมาในใจอย่างเงียบๆ แล้ว
การจะแก้แค้นให้สำเร็จคงต้องอาศัยผู้อื่นเข้าช่วยเหลือ และการยืมมือของบุรุษผู้นี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่นางคิดไม่ผิด เมื่อได้เห็นถึงความฉลาดและช่างสังเกตของบุรุษเบื้องหน้า
"เมื่อท่านไม่อ้อมค้อม ข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอ้อมเช่นกัน" หูจูนหลิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของบุรุษตรงหน้ากลับไป ก่อนที่นางจะกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของตนเองออกมาทั้งหมด
"ข้าต้องการเป็นผู้ผลิตอาวุธให้กับกองทัพของท่าน"
เพียงแค่นางได้กล่าวประโยคนั้นจบลง ก็ได้มีเสียงของถางเล่อถงกล่าวออกมาอย่างดูแคลน "เจ้าคิดว่าด้วยความสามารถในการประดิษฐ์อาวุธอย่างหน้าไม้กระจอกนั่น แล้วจะสามารถ เข้าไปเป็นผู้ประดิษฐ์อาวุธให้กับกองทัพหลวงได้เช่นนั้นหรือ ช่างเป็นผู้ที่ไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง"
"ท่านคิดว่ามันเป็นเพียงหน้าไม้กระจอก" หูจูนหลิงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับจ้องมองไปที่ถางเล่อถงอย่างไม่ชอบใจ ดวงตาหวานของหญิงสาวหรี่แคบลง
"ดี!!! เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็อยากจะให้ท่านหาผู้ที่มีความสามารถประดิษฐ์หน้าไม้ที่ดีกว่าของข้าออกมาจะได้หรือไม่"
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!
"ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะเด็กน้อย เพียงแค่หน้าไม้กระจอกนั้นของเจ้าเป็นข้าผู้นี้ก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ดีกว่าของเจ้าหลายเท่านักเจ้าอย่าได้ทะนงตนนักเลย"
ถางเล่อถงไม่เพียงแต่กล่าวออกไปอย่างเหยียดหยาม เขายังใช้สายตาจ้องมองไปที่นางอย่างดูถูกดูแคลนอีกด้วย
แต่แทนที่หูจูนหลิงจะรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธเคืองนางกลับยกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหน้าไม้ที่วางอยู่ในบริเวณนั้นมาไว้ในมือของตนเอง พร้อมกับยื่นมันไปให้กับถางเล่อถง ได้มองมันอย่างชัดเจนขึ้น "ถ้างั้นท่านช่วยวิเคราะห์หน้าไม้อันนี้ ให้ข้าฟังหน่อยจะได้หรือไม่"
ถางเล่อถงรับหน้าไม้ของหูจูนหลิงมาไว้ในมืออย่างไม่พอใจนัก เขามองไปที่มันเหมือนกับว่าสิ่งนั้นเป็นของไร้ค่า ที่ไม่คู่ควรจะอยู่ในมือของเขา
ถางเล่อถงเพียงปรายตามองหน้าไม้ที่อยู่ในมือพร้อมกับยกมันขึ้นมาและกล่าวออกมาอย่างดูถูก "อุปกรณ์ที่ใช้เป็นแค่เพียงสิ่งของพื้นๆ ที่หาได้ทั่วไป ชิ้นส่วนของหน้าไม้นี้ ก็หาได้มีความโดดเด่นอันใด แล้วเช่นนี้ อานุภาพของมันคงจะไม่ต้องกล่าวถึง คงจะเป็นอาวุธที่ด้อยค่าอย่างเช่นเจ้าของๆ มันที่ประดิษฐ์ขึ้นมากระมัง"
"ใช่แล้ว!!! วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สร้างหน้าไม้ชนิดนี้หาได้ทั่วไป ไม่ได้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก นั่นก็บ่งบอกดีแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าความจริงในข้อนี้แม้แต่ท่านเอง ที่เป็นนักประดิษฐ์อาวุธก็ยังไม่ทราบ"
"เจ้าพูดเรื่องอันใดของเจ้าข้าไม่เห็นจะเข้าใจ" คิ้วที่ขมวดเข้ากันแน่น จนคล้ายจะผูกปมได้ของถางเล่อถง บ่งบอกได้ว่า เขาไม่สามารถเข้าใจในประโยคนั้นของนางได้เลยแม้แต่น้อย
หูจูนหลิงยื่นมือไปจับหน้าไม้ที่ถางเล่อถงถืออยู่ขึ้นมา พร้อมกับถอดชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกมาอย่างใจเย็น การกระทำนี้ของนางได้สร้างความแปลกใจให้กับหยางเพ่ยตง และคนอื่นที่อยู่ในที่แห่งนี้ด้วย
"พวกท่านดูว่าอุปกรณ์เหล่านี้คือสิ่งใด" หูจูนหลิง ผายมือบางของนางไปที่โต๊ะเบื้องหน้า ที่ในตอนนี้ได้วางชิ้นส่วนของหน้าไม้ที่นางได้แกะออกมาทีละชิ้น ซึ่งในตอนนี้มันไม่ได้เหลือเค้าโครงของหน้าไม้อันเดิม ให้ได้เห็นอีกต่อไป
อุปกรณ์ที่วางเรียงรายยังเบื้องหน้า เป็นเพียงข้าวของเครื่องใช้ธรรมดาที่สามารถหาได้ทั่วไปภายในบ้าน เมื่อหยางเพ่ยตงเห็นเช่นนั้น เขาก็ได้แต่พยักหน้าอย่างพึงพอใจไปให้กับนาง และคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็เริ่มเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่นางจะกล่าวออกมาทั้งหมดแล้วเช่นกัน
แม้แต่ถางเล่อถงเองยังอดที่จะตกตะลึงไปกับข้อเท็จจริงนี้ของนางไม่ได้ เขาตาเบิกกว้าง จ้องมองไปที่นางสลับกับชิ้นส่วนของหน้าไม้ที่อยู่บนโต๊ะ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
"ผู้ที่สามารถนำวัสดุที่อยู่ใกล้ตัวของตนเองมาเป็นอาวุธได้นั้น ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถมากผู้หนึ่ง หากผู้ใดสามารถเรียนรู้วิธีนี้ของคนผู้นั้นได้ ก็ถือว่าเป็นผู้ที่เยี่ยมยอดเหนือคนแล้ว คำกล่าวนี้ ข้าเคยได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าวเอาไว้ ไม่ทราบว่า ท่านคิดเห็นเช่นไรกับประโยคที่ข้าได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้" หูจูนหลิงจ้องมองไปที่ถางเล่อถงอย่างผู้ที่เหนือกว่า
"แค่เพียงนำชิ้นส่วนมาปะติดปะต่อกันเพียงไม่กี่ชิ้น ก็คิดว่าของตนเองดีเลิศแล้วเช่นนั้นหรือ อานุภาพของมันจะมีมากน้อยเพียงใดยังไม่รู้เลย" ถางเล่อถงกล่าวออกไปอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อหูจูนหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับยกยิ้มยียวนไปให้กับเขาอย่างนึกสนุก "ท่านยังไม่เห็นถึงอานุภาพของมันจริงๆ เช่นนั้นหรือ ข้าคิดว่าท่านเห็นมันตั้งแต่อยู่ที่ในป่าแล้วเสียอีก อาวุธที่สามารถยิงได้ไกลและยังมีความแม่นยำ มิหนำซ้ำความเสถียรของมันยังมีอยู่มากพอ แล้วเช่นนี้ท่านยังจะบอกว่าไม่รู้ถึงอานุภาพของมันอีกเช่นนั้นหรือ"
"ข้า…!!! " คล้ายกับว่าในตอนนี้ถางเล่อถง จะไม่สามารถหาเสียงของตนเองเจอ เมื่อความเป็นจริงได้ประจักษ์ยังเบื้องหน้าของเขา
"ดี!!! หากข้าต้องการจะพิสูจน์ ความสามารถของเจ้ามากกว่านี้ หากเจ้าสามารถผ่านด่านนั้นไปได้ ข้ายินดีที่จะรับเจ้าเข้ามาเป็นนักประดิษฐ์อาวุธ ที่ขึ้นตรงกับ กองทัพหลวง" เป็นหยางเพ่ย ตงที่กล่าวข้อความนี้ออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน
"ข้ายินดี!!! " หูจูนหลิงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตาของนางยังคงมีความแน่วแน่ บ่งบอกถึงความมั่นใจในความสามารถของตนเอง ซึ่งการแสดงออกเช่นนี้ ทำให้หยางเพ่ยตงรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย
และการพิสูจน์ที่หยางเพ่ยตงกล่าวถึงก็คือ การที่หูจูนหลิงจะต้องเข้าร่วมการแข่งขัน ผู้ที่มีความสามารถในการประดิษฐ์อาวุธ ที่ถูกจัดขึ้นของแคว้นถังทุกสามปี
แน่นอนว่าในการแข่งขันครั้งนี้ จะต้องมีแต่ผู้ที่เก่งกาจมากความสามารถเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว การที่ผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้มีสิทธิ์ที่จะกลายไปเป็นสมาชิกผู้ประดิษฐ์อาวุธของแคว้นอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นในคำกล่าวของหยางเพ่ยตงที่ว่าจะยอมรับนางเข้าไปนั้น เป็นเพียงแค่คำกล่าวอ้าง ที่ต้องอาศัยความสามารถของนางเอง โดยที่นางจะต้องใช้นามของเขา เพื่อเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อหูจูนหลิง รู้เช่นนั้นก็ได้แต่คิ้วกระตุกขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย บุรุษผู้นี้นอกจากจะมีความร้ายกาจแล้ว ยังมีความเจ้าเล่ห์เพทุบายอีกด้วย แต่นี่ก็ถือเป็นโอกาสอันดี ที่นางจะได้แสดงความสามารถ ในโลกที่ไม่รู้จักใบนี้ ให้พวกเขาได้ตื่นตะลึงในความสามารถของนางเช่นกัน…
ใช้เวลาในการเดินทางมายังสถานที่แข่งขันร่วมหนึ่งเดือน เนื่องด้วยสถานที่ในการจัดการแข่งขันในปีนี้จัดขึ้นที่เมืองหลวง ห่างจากเมืองฟางซินอยู่พอสมควร จึงใช้ระยะเวลาในการเดินทางหลายวัน ซึ่งวันงานในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ตรงกับวันพิธีพระราชสมภพของ องค์ไทเฮาพอดี จึงทำให้มีผู้หลั่งไหลเข้ามาแสดงความยินดี และเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อย่างมากมาย
หูจูนหลิงดูตื่นเต้นดีใจ มากผิดปกติ เพราะความมั่งคั่งของคนในยุคนี้ที่นางมิคาดคิดว่าจะได้พบเจอ ทำให้นางรู้สึกแปลกตาอยู่ไม่น้อย
ซึ่งหยางเพ่ยตงเอง ก็สามารถสังเกตเห็นได้โดยง่ายเช่นกัน เขายกยิ้มไปกับความร่าเริงนั้นของนางเสียมิได้ ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ได้ร่วมเดินทางร่วมกันมาทำให้เขาและนางมีความสนิทสนมกันเพิ่มขึ้นอยู่ไม่น้อย
"อีก 3 วันจะถึงวัน แข่งขัน เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อมด้วย" คำกล่าวที่คล้ายจะเป็นคำสั่ง เมื่อออกมาจากปากของหยางเพ่ยตงแล้ว มันกลับดูคล้ายกับว่าเขากำลังห่วงใยในตัวนางเสียอย่างนั้น
เมื่อหูจูนหลิงได้ยินเช่นนั้นนางได้แต่ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากเป็นคำตอบไปให้กับเขา ซึ่งเพียงแค่การแสดงออกเช่นนั้นของนาง ก็ทำให้หยางเพ่ยตง ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่ายิ้มยาก ถึงกับยกยิ้มขึ้นมาโดยไม่คาดคิด
และในจังหวะที่หูจูนหลิง กำลังดูอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็ได้ถูกใครบางคนชนเข้าอย่างแรง แต่แทนที่จะได้รับคำขอโทษจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ที่ชนนางกลับกรีดร้องออกมาเสียงดังเสียอย่างนั้น
"นี่เจ้าช่างบังอาจนัก เหตุใดถึงมาชนเข้ากับข้าได้ แล้วเหตุใดจึงไม่รู้จักขอโทษ" สายตาของสตรีผู้นั้นจ้องมองมาที่หูจูนหลิงอย่างแข็งกร้าว คล้ายกับไม่พอใจอย่างรุนแรง
"ข้าชนเจ้า? " หูจูนหลิง ได้แต่ถามย้ำประโยคนั้นกลับไปอย่างไม่เข้าใจ นางแสดงสีหน้างุนงงออกมาอย่างชัดเจน ก็เห็นๆ กันอยู่ว่านางเพียงยืนอยู่เฉยๆ เป็นสตรีผู้นั้นต่างหาก ที่เป็นผู้เดินมาชนนางเอง แล้วเช่นนี้ยังจะกล่าวว่านางไม่รู้จักขอโทษได้เช่นไร
"ไม่ทราบว่าคุณหนูท่านนี้ใช้ตาข้างใดดู ถึงได้คิดว่าข้าชนเข้ากับท่าน ทั้งที่ผู้ใดก็เห็นว่าข้านั้นยังยืนอยู่ที่เดิมเป็นท่านต่างหาก ที่มาชนกับข้าเสียเอง แล้วยังจะกล่าววาจาต่อว่าผู้อื่นเช่นนี้ได้ ข้าให้นึกแปลกใจนัก ว่าเหตุใดผู้คนยังเมืองหลวงแห่งนี้ มีความคิดที่แปลกประหลาดเสียจริง"
"เจ้า!!! กล้าดีเช่นไรถึงได้มาพูดกับข้าเช่นนี้"
"ข้าไม่ได้ใช้ความกล้าอันใด เพียงแต่สิ่งที่ข้าพูดไปทั้งหมดนั่นคือความจริง"
"ปากดีนัก! งั้นวันนี้ข้าหวงเยี่ยนหง จะสั่งสอนให้เจ้ารู้สำนึกกับการอวดดีกล้าต่อปากต่อคำกับข้าเช่นนี้"
เพียงแค่ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ยินชื่อแซ่ที่นางกล่าวออกมาเมื่อสักครู่ พวกเขาก็ได้แต่หวาดกลัว และไม่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหูจูนหลิงแต่อย่างใด ทั่วทั้งแคว้นถังนี้ จะมีผู้ใดไม่ทราบว่าสกุลหวงนั้นยิ่งใหญ่ และทรงอำนาจมากเพียงใด พวกเขาจึงได้คิดว่า การไม่สอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ คงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัว