Chapter 3
ไม่เกี่ยงวิธี
“ฮึก” หลังจากวิ่งมาถึงห้องตัวเองด้วยสภาพเปียกไปทั้งตัว ชานมก็ปิดประตูล็อกกลอนหนาแน่นก่อนจะทิ้งตัวเอนหลังพิงประตูแล้วกอดเข่าร้องไห้ออกมา
รู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันจนเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร
น้อยใจ คับแค้นใจหรือเกลียดชัง…
มันกี่ครั้งแล้วที่เธอโดนเขาเหยียดหยามแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้ฮักใช้งาน เธอไม่ต่างจากของเล่นมีชีวิตของฮักเลยสักนิด!
เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากเขาเสียที
“ฮึก…” ความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บไว้มาตลอดพรั่งพรูออกมาในคราวเดียว
ทั้งที่เธอเป็นคนไม่เข้าสังคมแท้ ๆ หลังจากพลาดไปดื่มเหล้าหลังสอบเสร็จวันนั้นเธอก็ซวยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็ต้องการกลั่นแกล้งเธอเพียงเพราะเธอไม่สู้คน
Rrrr Rrrrr
ขณะกำลังร้องไห้จู่ ๆ เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น ชานมยันตัวขึ้นแล้วเดินไปหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นเบอร์ของ ‘มิ้ง' เพื่อนร่วมห้องของเธอ มือเล็กรีบปาดน้ำตาออกก่อนจะกระแอมเสียงให้ดูเป็นปกติแล้วกดรับสาย
“ว่าไงมิ้ง?”
[ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยสิ อกหัก]
“เอ่อ…ฉันไม่ว่าง”
[เธอทำอะไรอยู่ เราก็ไม่ได้มีการบ้านอะไรนี่?] เสียงปลายสายเต็มไปด้วยความผิดหวัง มันทำให้ชานมใจอ่อนลงเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เธอเมาแล้วโดนเพื่อนทิ้งจนพลาดท่าให้กับฮักเธอก็ไม่อยากไปไหนอีก ชานมส่ายหน้าสลัดความคิดที่จะใจอ่อนออกไปแล้วปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันรับจ้างทำรายงานอยู่น่ะ” นิ้วเรียวขาวเกี่ยวนิ้วชี้กับนิ้วกลางด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นด้วยความประหม่าเกรงว่าเพื่อนจะจับได้
[อ๋อ งั้นเหรอ]
“อืม”
[ไว้วันพรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันนะ] พูดจบปลายสายก็ตัดสายทิ้งทันที
“เฮ้อ~” ชานมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอีกเพียงแค่หนึ่งเทอมก็จะเรียนจบ
อดทนชานม... อดทน!
ในตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าจบการศึกษาแล้วรีบย้ายไปเรียนที่อื่นเสียให้พ้น ๆ
ความจริงตอนแรกเธอจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แต่เพราะชีวิตนี้เธอไม่เคยชอบใครมาก่อนและได้ลองชอบใครสักคนเป็นครั้งแรกจึงเลือกที่จะสมัครเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีพีพีเพื่อเรียนที่เดียวกับ ‘เซฟ’ คนที่เธอชอบ
แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะคนที่เธอชอบดันเป็นคนที่โดดเด่นในสถาบันเสียด้วยสิ สาว ๆ ต่างก็รุมล้อมเขาจนเธอรู้สึกเหมือนเขาอยู่ไกลออกไป
แม้จะคิดได้ตอนนี้มันก็ไม่ทันเสียแล้ว…
อีกอย่างเธอพลาดให้กับฮักไปแล้ว ยังจะมีคุณค่าอะไรที่จะไปชอบเซฟได้อีก แค่ความบริสุทธิ์ยังรักษาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำแม้แต่ศักดิ์ศรีก็โดนฮักย่ำยีไปหมดแล้ว
ดวงตาคู่สวยมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกยังรู้สึกสมเพช ร่างกายเปียกปอน ผมยุ่งเหยิง ดวงตาพร่ามัว ซ้ำยังมีตราประทับเล็ก ๆ แต่ก็เด่นชัดบนต้นคออีก
แต่มันใช่ครั้งแรกเสียที่ไหนล่ะ ชินแล้ว
เช้าวันต่อมา…
[ไอ้ฮัก เมื่อไหร่มึงจะเสด็จเสียทีวะ] เสียงปลายสายทะลุออกลำโพงโทรศัพท์มือถือขณะที่ร่างสูงกำลังสวมเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูของตนอย่างเร่งรีบ
“กูกำลังรีบอยู่”
[เร็ว ๆ รุ่นน้องรอใกล้จะครบทุกคนแล้ว]
“เค” พูดจบก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฮักสวมเสื้อและรองเท้าเสร็จพอดี ขณะกำลังออกจากห้องสายตาพลันเหลือบมองเห็นแว่นสีดำเลนส์หนาวางอยู่บนโต๊ะกลางโซฟาพร้อมกับเสื้อช็อปของเขาที่พับไว้ให้ยัยเฉิ่มเอาไปซักให้
“ยังไม่มาเอาไปอีก?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความสงสัย เขาวางเสื้อและแว่นไว้ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืน คิดว่าชานมจะเอามันไปแล้วเสียอีก จะว่าไปยัยนั่นร้องไห้ตะโกนว่าเกลียดเขาขนาดนั้นคงไม่มีทางมาหรอก
ไม่มาก็ตามใจ...
“เดี๋ยวไปหาเองก็ได้” ฮักคว้าแว่นยัดลงกระเป๋าเสื้อช็อปแล้วสะพายกระเป๋าเป้พร้อมกับสวมหมวกกันน็อกรีบเดินออกจากห้องไป
ฮักอาศัยอยู่ที่คอนโดชั้น 12 ชั้นเดียวกันกับชานม ซึ่งอยู่ห้องถัดจากเขาไม่กี่ห้อง ดวงตาคมเข้มเหลือบมองประตูหมายเลข 1216 ยังคงปิดสนิทเขาจึงเดินไปยังลิฟต์
ร่างสูงกางเกงยีนสีเข้มพร้อมกับเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูดูโดดเด่น เรียวขายาวควบรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำแถบน้ำเงินคันโปรดแล้วขับออกมาจากคอนโดมิเนียมด้วยท่าทีไม่รีบร้อน
เช้านี้บรรยากาศข้างทางค่อนข้างดี มีน้ำขังตามถนนแสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนฝนตกเพียงแต่ฮักอาจจะหลับลึกไปหน่อย
เขาชอบฤดูฝนที่สุดเพราะฝนตกทีไรทำให้คิดถึงบ้านเกิดของตัวเองที่อยู่จังหวัดชัยภูมิ หอมกลิ่นดินกินหญ้า บรรยากาศชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา ต้นไม้ก็เขียวขจีดูสบายตาไปหมด
บรื้นนนนน~
ขณะเร่งเครื่องกำลังขับเลี้ยวไปถนนหลักก่อนจะถึงวิทยาลัยก็เจอกับแผ่นหลังของบางคนที่ฮักคุ้นตาเป็นอย่างดี ร่างเล็กในชุดช็อปสีกรมปล่อยผมยาวดำขลับแผ่สยายทั่วแผ่นหลัง เธอเดินเคียงคู่ไปกับผู้ชายอีกคนในชุดสถาบันเดียวกันซึ่งชายคนนั้นฮักก็คุ้นเอามาก ๆ
“ชานม ไอ้เซฟ…” ใบหน้าหล่อเหลามืดครึ้ม ดวงตาดั่งหมาป่าแข็งกร้าวเต็มไปด้วยไอสังหาร ฮักอยากจะลงไปกระทืบไอ้เวรนั่นให้รู้แล้วรู้รอดแต่กฎของวิทยาลัยย่านนี้คือมากับหญิงเราไม่ตีกัน มือหนากำแฮนด์จนเส้นเอ็นปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ชานมนะชานม...
เขาว่าเขาเคยเตือนหลายรอบแล้วนะ!
“อย่ามาโทษว่าฉันใจร้ายแล้วกันในเมื่อบอกหลายหนแล้วว่าห้ามอยู่ใกล้ไอ้เวรนั่น!” สายตาคมกริบเหลือบเห็นน้ำขังบนถนน…
ถ้ามันทำให้ชานมเลิกเดินข้างไอ้เซฟได้ วิธีไหนเขาก็ไม่เกี่ยง
“ลูกไก่จะตกน้ำว่ะ!” ริมฝีปากได้รูปแสยะยิ้มร้ายก่อนจะบิดคันเร่งเหยียบน้ำที่ขังบนถนนด้วยความเร็วเต็มพิกัด
ซ่า~
“กรี๊ดดดดดดด!”
น้ำกระเซ็นสาดใส่ชานมจนเปียกไปทั้งตัว ชุดนักศึกษาสีขาวที่อยู่ด้านในและช็อปสีน้ำเงินที่อยู่ด้านนอกเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำปนกับเม็ดดิน ดวงตาคู่สวยปราศจากแว่นแม้จะมองไม่เห็นในระยะไกล แต่เธอจำเสียงรถของเขาได้แม่นเสียยิ่งกว่าเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเองด้วยซ้ำ
“สารเลวฮัก!” ชานมกดเสียงต่ำกัดฟันกรอดพยายามระงับอารมณ์ มือเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาเช็ดน้ำที่เปื้อนหน้าออกพัลวัน ในใจก็ด่าสาปแช่งคนเลวด้วยความแค้นเคือง
“ไอ้เหี้ยฮัก!” เซฟสำรวจตัวเองเห็นว่าไม่ค่อยเปื้อนเท่าไหร่ก็เหลือบสายตามองคู่กรณีก่อนจะเห็นว่าเป็นนักศึกษาต่างสถาบัน ซึ่งเขาก็จำเสื้อช็อปและรถของชายคนนั้นได้เป็นอย่างดี
ใช่ ฮักนั่นเอง…
พวกเขาทั้งสองเรียนช่างกลสถาบันใกล้กัน เลยค่อนข้างมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ่อย แต่เซฟไม่คิดว่าฮักจะกล้าหาเรื่องเขาแม้กระทั่งตอนที่มีคนไม่เกี่ยวข้องแบบชานมอยู่ด้วย
“…” เห็นสภาพชานมเปียกไปทั้งตัวเซฟก็พูดไม่ออก ไม่รู้จะช่วยเช็ดยังไง เหตุการณ์เมื่อครู่น้ำสาดปะทะเข้ากับร่างของชานมเต็ม ๆ ราวกับเธอเป็นเกราะกำบังให้เขา ซึ่งทำให้เขาเปียกเพียงจุดสองจุด
“ขอโทษนะชานมเพราะฉันเองเลยทำให้เธอซวยไปด้วย” เซฟรีบเอ่ยขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ฉันขอตัวก่อนนะ จะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ชานมส่ายหน้า กลั้นน้ำตาฝืนฉีกยิ้มก่อนจะวิ่งกลับไปยังคอนโดเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่
เรื่องระหว่างเธอกับฮักไม่มีใครรู้ แม้แต่เซฟก็ยังคิดว่าฮักหาเรื่องตัวเอง มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าฮักต้องการแกล้งเธอ
เมื่อวานคงยังไม่สาแก่ใจเขาสินะ...
“ชานม ชานม! ให้ฉันไปส่งเธอไหม!?” เซฟตะโกนไล่หลังแต่นั่นไม่ได้ทำให้เข้าหูของชานมเลยสักนิด ร่างเล็กบอบบางเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งกลับไปทางเดิม…
“ฮึกกกก! ไอ้คนเฮงซวย” ขอบตาร้อนผ่าวไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป ชานมไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นมุมอ่อนแอจึงต้องรีบหมุนตัวกลับคอนโดเพราะกลัวว่าเซฟจะเห็นน้ำตา…
เช้านี้เธอก็ตื่นสายมากพออยู่แล้วยังจะมาเจอฮักกลั่นแกล้งอีก คิดแล้วก็เกลียดจนเข้าไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการร้องไห้
ชานมเดินไปร้องไห้ไปด้วยความคับแน่นอยู่ในอก ทั้งน้อยใจ ทั้งสมเพชตัวเอง ไม่รู้ว่าชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเจอคนอย่างฮัก
“ฮึก…” ริมฝีปากเล็กกัดฟันแน่นพยายามกลั้นความอ่อนแอของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เรียวขาสวยกึ่งวิ่งกึ่งเดินมุ่งตรงไปยังคอนโดของเธอที่อยู่ห่างจากวิทยาลัยราว ๆ หนึ่งกิโลเมตร
หากวันนี้เธอโดนอาจารย์หักคะแนนเพราะส่งการบ้านไม่ทัน สาบานได้เลยว่าชาตินี้ทั้งชาติเธอจะเกลียดฮักไปตลอดชีวิต แม้ตอนนี้เธอจะเกลียดจนสุดใจเท่าที่จะเกลียดได้อยู่แล้วก็ตาม!
@วิทยาลัยเทคโนโลยีดับเบิ้ลเอส
วิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่ในภาคกลางตั้งตระหง่านแถวชานเมือง บริเวณวิทยาลัยล้อมรอบด้วยทุ่งนาและเยื้องกันไปเล็กน้อยคือวิทยาลัยเทคโนโลยีพีพีซึ่งเป็นวิทยาลัยเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยสนิทกันเสียเท่าไหร่
บรรยากาศที่วิทยาลัยค่อนข้างเงียบสงบ มีห้างสรรพสินค้าห่างออกไปราว ๆ ห้ากิโลเมตร ผู้คนไม่ค่อยเยอะแม้รอบเขตทั้งสองวิทยาลัยค่อนข้างจะเจริญแต่ส่วนใหญ่ก็มีแต่นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในย่านนี้
ฮักเลือกที่จะเข้าเรียนที่นี่เพราะบรรยากาศคล้ายกับบ้านเกิดของเขามากที่สุด
เมื่อขับรถมาถึงวิทยาลัยเขาก็เลี้ยวพุ่งตรงไปยังตึกเรียนที่ประจำของตัวเองด้วยสีหน้าขุ่นมัว ยัยผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้ไปเอาแว่นและเสื้อของเขาที่ห้องคงเพราะเอาเวลาไปสวีตหวานกับไอ้เซฟอยู่สินะ
“แม่งเอ๊ย!!” คิดแล้วก็โมโหแต่ไม่รู้ว่าโมโหเรื่องอะไร อาจจะเพราะชานมพยศใส่เขา ยัยลูกไก่นั่นกล้าดียังไงมาทำให้เช้าอันสดใสของเขาหม่นหมอง
รถบิ๊กไบค์คันใหญ่เลี้ยวเข้าตึกก่อนที่ฮักจะเดินไปด้านหลังตึกลัดไปยังอาคารของแผนกช่างกลเพื่อพบกับรุ่นน้อง เมื่อไปถึงก็เห็นว่ารุ่นน้องนั่งเรียงแถวรอกันจนครบทุกคนหมดแล้ว
ฮักพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“กว่ามึงจะเสด็จมาได้นะ” 'โชกุน' เพื่อนสนิทและผู้ร่วมชะตากรรมโดนพักการเรียนร่วมกับฮักเมื่อปีก่อนเอ่ยขึ้น
“รถติด” เสียงทุ้มตอบสั้น ๆ แล้วเดินผ่านหน้าเพื่อนไปยืนอยู่ตรงกลางเผชิญหน้ากับรุ่นน้อง โชกุนได้แต่นึกในใจ
รถติดพ่อมึงดิวิทยาลัยเรากันดารขนาดนี้...
“พี่ฮักหวัดดีครับ!!” พอเห็นรุ่นพี่ยืนประจำตำแหน่งรุ่นน้องต่างก็ตะโกนก้มหัวทำความเคารพตามธรรมเนียมอย่างพร้อมเพรียง
“หวัดดี วันนี้พี่มีเรื่องจะมาแจ้ง” ฮักค้อมหัวตอบรับรุ่นน้องก่อนจะเอ่ยเข้าเรื่อง ในฐานะที่เขาถือเป็นหนึ่งในพี่ใหญ่สุดของรุ่นเนื่องจากโดนพักการเรียนเป็นเวลาหนึ่งปี เพราะฉะนั้นตำแหน่งประธานรุ่นในตอนนี้จึงตกเป็นของเขาโดยไม่ได้เต็มใจ