Chapter 4 มัดมือชก

1824 Words
Chapter 4 มัดมือชก “วิทยาลัยเรามีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเพื่อสร้างสัมพันธมิตรอันดีต่อกันและกัน ซึ่งแต่ละห้องจะต้องส่งนักศึกษาไปเรียนที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือน จำนวนห้องละสามคน เรื่องนี้พี่ปีสองน่าจะรู้ดีและคงเล่าให้พวกน้องปีหนึ่งฟังมาบ้างแล้วใช่ไหม?” ฮักเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ส่วนรุ่นน้องต่างก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีพร้อมด้วยเสียงตอบรับ “ครับ!!” “อย่างที่เรารู้ ๆ กัน ต่อให้มีร้อยพันโครงการก็ไม่ได้ทำให้วิทยาลัยเรากับวิทยาลัยนั่นญาติดีกันได้ ปีที่แล้วพี่โดนพักการเรียนก็เพราะไปเรียนที่นั่น ถึงแม้ว่าเราจะไม่อยากก่อเรื่อง…” เสียงทุ้มเข้มเว้นระยะหายใจก่อนจะกระตุกมุมปากแสยะยิ้ม “แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ไอ้พวกวิทยาลัยนั่นจะไม่วอนส้นตีน!” “ช่ายยยยย!” รุ่นน้องต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงจะแลกเปลี่ยนไปเรียนที่นั่นเพื่อกระชับมิตรและพวกเขาไม่อยากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของวิทยาลัยแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่านักศึกษาวิทยาลัยฝั่งตรงข้ามจะไม่กวนส้นเท้าหาเรื่องพวกเขาก่อน “เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมา นักศึกษาแลกเปลี่ยนที่เป็นผู้หญิงจะถูกปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดีแต่สาขาเรามีนักศึกษาหญิงรวมทั้งสองห้องและสองชั้นปีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ…” “ฉะนั้นให้พวกผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดไปก็แล้วกัน” สิ้นเสียงของฮักพวกรุ่นน้องต่างเสนอชื่อของเพื่อนที่เก่งการต่อสู้มากที่สุดออกมา หลังจากนั้นก็เริ่มการคัดเลือกจากการโหวต สุดท้ายก็ได้นักศึกษาจำนวนสิบสองคนจากสองห้องเรียนและสองชั้นปี สำหรับกิจกรรมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ “แยกย้ายไปเข้าเรียนได้แล้ว” เมื่อได้รายชื่อครบแล้วฮักก็สั่งให้รุ่นน้องแยกย้ายกันไปเรียนก่อนที่จะเกินเวลาของคราบเรียนแรก “ครับ!!” ทางด้านของชานมหลังจากไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จก็เร่งฝีเท้าไปถึงห้องเรียนจนเกือบจะสาย โชคดีที่อาจารย์ไม่ปิดห้องเรียนก่อนซึ่งนั่นทำให้เธอส่งการบ้านได้ทันเวลาพอดี “เกือบไปแล้ว...” ร่างเล็กหอบหายใจก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งเก้าอี้ที่ประจำเพื่อรอเรียนและในจังหวะนั้นเพื่อนสาวคนสนิทที่สุดในห้องก็เอนตัวมากระซิบข้างหู “ชานมเธอซวยแล้ว เมื่อเช้าเธอมาสายมีการโหวตนักเรียนแลกเปลี่ยนไปเรียนที่ดับเบิ้ลเอส หนึ่งในนั้นมีชื่อเธอด้วย” “ทำไมมีชื่อฉันล่ะ?” ชานมได้ยินก็เบิกตากว้างหันขวับไปคุยกับเพื่อนทันที หากเธอย้ายไปเรียนที่นั่นก็เท่ากับอยู่ใกล้ฮักเข้าไปอีกน่ะสิ “ปีนี้เพื่อน ๆ ต่างเสนอให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายแลกเปลี่ยนบ้าง ผลโหวตเลยออกมามีชื่อเธอด้วยเพราะไม่มีใครกล้าโหวตกลุ่มมิ้ง” “แสดงว่าเธอก็ได้ไปงั้นเหรอ?” “อืม” ‘นินจา’ พยักหน้าไปคว่ำปากอย่างจำใจ “แล้วอีกคนล่ะ? อย่าบอกว่าเป็นควีน?” “ใช่” นินจาพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะเหลือบสายตาไปมอง ‘ควีน’ ที่นั่งนิ่งอยู่ข้างชานม ชานมได้ยินก็กลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย นี่มันคือการมัดมือชกพวกเด็กเรียนไม่สู้คนแบบพวกเธอชัด ๆ “เราจะค้านอะไรได้ล่ะในเมื่อผลโหวตออกมาเป็นแบบนี้” ชานมได้แต่ตัดพ้อด้วยความจำใจ ดวงตาคู่สวยปราศจากแว่นย้ายสายตาไปมองอาจารย์ที่กำลังเริ่มสอนเพื่อตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป จะว่าไปก็ดีเหมือนกันที่มีเพื่อนทั้งสองคนนี้ไปแลกเปลี่ยนด้วยกัน ดีกว่าไปกับมิ้งเยอะ หากวันนั้นที่ไปร้านเหล้ากับเพื่อนในห้องแล้วมีนินจาและควีนไปด้วย เธออาจจะไม่ต้องไปพลาดพลั้งเจอกับฮักก็ได้… “ว่าแต่แว่นเธอหายไปไหนล่ะ?” “เอ่อ...ไม่รู้ทำหล่นที่ไหนเหมือนกัน” ชานมรีบแก้ตัวทันที เธอเดินมาถึงวิทยาลัยได้วันนี้ก็เพราะอาศัยความเคยชินทั้งนั้น “ได้ใส่คอนแทกต์เลนส์มาไหม?” “หึ” เธอจะเอาเวลาไหนไปซื้อ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะไปห้องฮักดีไหมเมื่อคิดไปคิดมากลัวเขาแกล้งอีกเธอจึงตัดสินใจทิ้งแว่นนั่นไปเสียดีกว่า “เดี๋ยวฉันช่วยอ่านให้ก่อนแล้วกัน” “ขอบใจนะ” ชานมระบายยิ้มให้เพื่อนจากใจจริง เพื่อนสนิทของเธอมีแค่นินจากับควีน ซึ่งความจริงก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เพียงแต่ไปกินข้าวด้วยกัน ทำงานกลุ่มด้วยกัน นิสัยค่อนข้างไม่สุงสิงใครทั้งสามคนเลยทำให้สนิทกันแบบห่างเหิน ควีนเป็นผู้หญิงที่ออกห้าว ๆ หน่อย ใจนักเลง แต่ไม่หาเรื่องใครก่อน ส่วนนินจาก็ไม่ต่างจากเธอ ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่เข้าสังคม “เธอ...” ควีนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของชานมเห็นบางสิ่งที่อยู่บนคอขอเพื่อนก็เผลอหลุดปาก แต่ก็เงียบเสียงทันก่อนจะหันไปมองอาจารย์ที่กำลังสอนต่อไป “มีอะไรเหรอ?” “ไม่มี ตั้งใจเรียนเถอะอย่าเสียงดัง” ควีนตอบโดยไม่หันไปมองชานมด้วยซ้ำ ซึ่งชานมก็เคยชินกับท่าทีเย็นชาของเพื่อนอยู่แล้วเลยไม่ได้เซ้าซี้อีก ช่วงพักเที่ยงนินจาจูงมือชานมไปโรงอาหารราวกับเธอเป็นคนตาบอด ในสายตาคนอื่นตอนที่เห็นชานมไม่ใส่แว่นอาจจะดูปกติ ทว่ากลุ่มเด็กช่างกลที่กำลังกินข้าวอยู่จู่ ๆ ก็พร้อมใจกันมองมาที่ชานมเป็นตาเดียว “ไอ้เซฟ นั่นชานมที่จบม.ปลายจากที่เดียวกับมึงเหรอวะ?” “อืม ใช่ แล้วที่กูเล่ามึงว่าเมื่อเช้ามีผู้หญิงโดนไอ้ฮักเหยียบน้ำใส่ก็ชานมนี่แหละ” “แม่ง น่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ ไปหลบอยู่ไหนมาวะทำไมเมื่อก่อนกูไม่เคยสังเกตเลย ตัวเล็ก ๆ แก้มใส ๆ หน้าจิ้มลิ้ม” เพื่อนที่นั่งข้างเซฟเอ่ยเสียงดังจนเพื่อนที่นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันหันมองเป็นตาเดียว “เออว่ะ” เพื่อนอีกคนก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน “...” ส่วนเซฟเองก็พึ่งได้มองเป็นจริงเป็นจังครั้งแรกพบว่าจริงอย่างเพื่อนพูด ชานมน่ารักจริง ๆ ทำไมเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย เมื่อเช้าเดินข้างกันก็มัวแต่พูดเรื่องเรียนต่อกับเธอเลยไม่มีโอกาสได้สังเกต “ชานมมีแฟนยังวะ ติดต่อให้กูหน่อยสิ” เพื่อนข้างกายเอาศอกกระทุ้งสะกิดเซฟใหญ่ ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องไปที่ร่างเล็กก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “มีแล้ว…” มั้ง “แม่งเอ๊ย! พลาดอีกแล้วไม่น่าเห็นช้าเลยกู” “มึงก็ไปจีบน้องน้ำตาลมึงนู่นสิไอ้เวร จะมาทำเศร้าอะไร” เซฟพูดจบก็โบกหัวเพื่อนไปหนึ่งทีก่อนจะวนสายตากลับมาจ้องมองชานมต่อ “มานั่งด้วยกันได้นะควีน นินจา ชานม” มิ้ง ในชุดนักศึกษารัดแน่นจนกระดุมแทบปริโบกมือเรียกทั้งสามสาวเพื่อนร่วมห้องด้วยสีหน้าเป็นมิตร “ไม่ล่ะ อยากนั่งส่วนตัว เข้าใจไหมว่าส่วนตัว” ควีนกลอกตามองบนก่อนจะกอดคอนินจาแล้วพาเดินผ่านมิ้งไป ผู้หญิงแบบนั้นในสายตาของควีนดูยังไงก็รู้ว่าตอแหล มีแต่ชานมนี่แหละที่เป็นบ้าใจอ่อนโดนตื๊อนิดหน่อยก็คล้อยตามเขาแล้ว “เธอไม่พูดแรงไปหน่อยเหรอควีน?” “น้อยไปสิไม่ว่า” “เฮ้อ~” นินจาได้แต่ไหวไหล่แล้วถอนหายใจ เอาเถอะเทอมสุดท้ายแล้วใครจะทะเลาะอะไรกันก็ตามแต่ มือเล็กกระชับมือชานมแล้วลากตามแรงของควีนไป ชานมได้แต่เดินตามเพื่อนต้อย ๆ เพราะสายตาไม่ค่อยดีเกรงว่าจะเดินไปชนคนอื่นเข้า “อย่าเพิ่งไปสิ ชานมตอนเย็นเราไปร้านเหล้ากันไหม?” ขณะที่ชานมกำลังโดนนินจาดึงให้เดินตาม มิ้งก็เดินมาขัดขวางรั้งแขนอีกข้างของชานมไว้เสียก่อน “ไม่ดีกว่า” “ทำไมล่ะเธอไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วเหรอ?” มิ้งตีหน้าเศร้า นินจาและควีนที่อยู่ด้านหลังถึงกับถอนหายใจมองหน้ากันแล้วแอบคว่ำปากใส่อย่างพร้อมเพรียง “เห็นสิ” ชานมพยักหน้าเพราะไม่รู้จะตอบยังไง “เห็นไหมล่ะฉันว่าแล้ว ชานมเป็นคนดีจริง ๆ” “เอ่อ…” “เจอกันที่ร้านนะ” พูดจบมิ้งก็ฉีกยิ้มแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ชานมยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิมว่าเธอไปตกลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตากลมโตไร้เดียงสาหันหลังไปส่งสายตาถามควีนกับนินจา ทั้งคู่ก็ได้แต่ส่ายหน้าและไหวไหล่จากนั้นก็เดินไปนั่งโต๊ะว่างเพื่อกินข้าว นินจาคอยจัดการช่วยซื้อข้าวมาให้ ชานมได้แต่นั่งรอรู้สึกเป็นภาระเพื่อนแปลก ๆ ในใจก็ได้แต่คิดวิธีไปเอาแว่นคืนเพราะเธอยังไม่มีเงินมากมายเพื่อตัดแว่นใหม่ตอนนี้ “ชานม เธอจะไปตามคำขอของยัยนั่นไหม?” จู่ ๆ ควีนก็เอ่ยถามขึ้นขณะกำลังตักข้าวเข้าปาก “คิดว่าไม่นะ” “เธอไปแน่ ใจอ่อนแบบเธอคงต้องไปแน่ ๆ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” “…” เห็นเพื่อนพูดแบบนั้นชานมก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับเพราะเธอมันขี้ใจอ่อนจริง ๆ “ฉันว่าทางที่ดีเธอปิดเครื่องหนีไปเลยดีกว่า” นินจาเสนอความคิดเห็นเพราะเธอเองก็คิดว่าชานมต้องใจอ่อนเหมือนกัน “นั่นสินะ” ชานมพยักหน้าก่อนจะเริ่มปิดเครื่องตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป เห็นเพื่อนทำแบบนั้นควีนก็ยกโป้งให้ด้วยสีหน้าเย็นชาแม้แต่นินจาเองก็ทำเช่นนั้นไม่ต่างกัน เลิกเรียน… ร่างเล็กในชุดช็อปสีกรมหลังจากก้าวขาออกจากลิฟต์ก็มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง เกรงว่าจะเจอเข้ากับคนบางคนที่ไม่อยากเจอหน้า เมื่อเห็นว่าห้องของฮักยังคงปิดสนิทชานมก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “พู่วววว~” เรียวขาสวยในชุดกระโปรงทรงเอเดินตรงไปยังห้องตัวเองก่อนจะกดรหัสแล้วเปิดประตูเข้าไป “ปิดเครื่องทำไม” เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยขึ้นขณะที่เขานั่งอยู่บนโซฟา เรียวขายาวพาดบนโต๊ะราวกับเป็นห้องตัวเอง มือใหญ่ถือไฟแช็กจุดเล่นฆ่าเวลา ห้องของชานมมืดสนิทมีเพียงแสงเล็กน้อยที่ลอดผ่านม่านออกมาพอให้เห็นว่าเป็นเงาของใคร… “นายรู้รหัสห้องฉันได้ยังไง!?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD