Chapter 14
สายเปย์
ร่างสูงโปร่งเดินเปลือยท่อนบนเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเจอเข้ากับถ้วยต้มยำและโทรศัพท์มือถือของชานมที่จมอยู่ในนั้นก็แทบกุมขมับ
“ฉิบหายละ!” ฮักมองซ้ายมองขวาหาโทรศัพท์มือถือตัวเองแล้วหยิบขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชั่นของธนาคารเพื่อดูยอดเงินปรากฏว่ามีเพียงสองหมื่น
เวร!
เวรกว่าเดิม…
คิดได้แล้วออกไปจากคอนโดทันที โดยมีจุดมุ่งหมายคือร้านเหล้า คนเดียวที่จะสามารถช่วยเขาได้ก็คือคนงกแบบฮันเตอร์
“โอ้ ลมอีหยังหอบมึงมาแต่เว็นแท้ล่ะ?” (โอ้ ลมอะไรของมึงมาแต่หัววันเชียว?” เห็นเงาหัวเพื่อนโผล่มาเร็วกว่าปกติฮันเตอร์ก็แทบอยากจะรำฉุยฉายถวายศาลพระภูมิหน้าร้าน
“กูยืมตังค์แหน่” (กูยืมเงินหน่อย)
“นั่น! เอาไปเฮ็ดหยัง?” (นั่น! เอาไปทำไม?) คิดแล้วไม่มีผิดคนอย่างฮักมีหรือที่จะมาแต่หัววันโดยไม่มีเป้าหมายอื่น
“ซื้อโทรศัพท์” ฮักตอบออกไปด้วยสีหน้าซื่อ ๆ
“โทรศัพท์…” หลังจากฮันเตอร์สังเกตสีหน้าเพื่อนอยู่นาน ดูท่าน่าจะไม่ได้โกหกเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับกดเลขบัญชีในรายการโปรดก่อนจะเอ่ยถาม
“เอาจักบาท?” (เอากี่บาท?)
“สามหมื่น” สิ้นเสียงของฮัก ฮันเตอร์ก็กดยุกยิกบนหน้าจอก่อนจะโชว์โทรศัพท์มือถือให้ฮักดูเพื่อยืนยันว่าเขาได้โอนไปแล้ว
“แต๊งกิ้ว” พูดจบฮักก็หมุนตัวกลับทันที แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากร้าน ฮันเตอร์ดันดึงแขนเขาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว! มึงสิคืนกูมื้อใด?” (เดี๋ยว! มึงจะคืนกูเมื่อไหร่?)
“บ่โดนดอกน่า ลูกกูได้ผัวฝรั่งค่อยเอา” (ไม่นานหรอกน่า ลูกกูได้ผัวฝรั่งค่อยเอา)
“อ้าว บักห่าหนิ แล้วซาดใดลูกมึงสิได้ผัวฝรั่ง บ่ ๆ มึงสิได้ลูกสาวบ่ซาดนี้?” (อ้าว! ไอ้เวรนี่ แล้วชาติไหนลูกมึงจะได้ผัวฝรั่ง ไม่ ๆ มึงจะได้ลูกสาวไหมชาตินี้?) ได้ยินคำตอบของเพื่อนฮันเตอร์ก็แทบกุมขมับ ขนาดเมียไอ้ฮักมันยังไม่มีด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวกูสิฟ้าวผลิตมาให้ดอกน่า” (เดี๋ยวกูจะรีบผลิตมาให้หรอกน่ะ) พูดจบก็คว้าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเวลาเพราะเกรงว่าห้างจะปิดก่อน
“เอ้า! โทรศัพท์มึงคือบ่ได้พัง?” (เอ้า! โทรศัพท์มึงไม่เห็นพัง?)
“แล้วกูบอกมึงตอนได๋ว่าโทรศัพท์กูพัง?” (แล้วกูบอกมึงตอนไหนว่าโทรศัพท์กูพัง?)
“อ้าวบักนี่ มึงเหลี่ยมติเลิฟ เดี๋ยวนี้มึงเลี่ยมฮอดกับญาติมึงติเลิฟ?” (อ้าวไอ้นี่ มึงเหลี่ยมเหรอเลิฟ เดี๋ยวนี้มึงเหลี่ยมกระทั่งกับญาติมึงเลยเหรอเลิฟ?) ฮันเตอร์รีบเดินมากอดคอฮักเข้าร้านทันทีก่อนจะแกล้งต่อยหน้าท้องไปสองสามหมัดด้วยความหมั่นไส้ อีกอย่างเรื่องที่มันต่อยเขาเมื่อวันเสาร์ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยด้วย
“กูแฮ่งแต่ฟ้าวอยู่บักหนิ” (กูยิ่งรีบอยู่ไอ้นี่?)
“สารภาพกูมาดี ๆ มึงเอาไปซื้อให้ไผ?” (สารภาพกูมาดี ๆ มึงเอาไปซื้อให้ใคร?)
“ซื้อใช้เอง”
“อย่า! อย่ามาเหลี่ยม บ่แม่นฟ้ามึงอย่ามาเหลี่ยม” (อย่า! อย่ามาเหลี่ยม ไม่ใช่ฟ้ามึงอย่ามาเหลี่ยม) **เหลี่ยมภาษาอีสานแปลว่าแลบ**
*กูบ่สารภาพ” (กูไม่สารภาพ)
“มึงเว้ามาตรง ๆ มึงซื้อไปให้น้องแว่นแม่นบ่?” (มึงตอบกูมาตรง ๆ มึงซื้อไปให้น้องแว่นใช่ไหม?)
“เฮ้ย!! คนตีกัน”
“ไส?” (ไหน?) ฮันเตอร์รีบหันขวับไปมองหน้าร้านทันที ฮักรีบใช้โอกาสนี้เบี่ยงตัวแล้ววิ่งหนีด้วยความรวดเร็วกว่าฮันเตอร์จะรู้ตัวฮักก็หนีไปเสียแล้ว
“บักนี่ เสียเหลี่ยมมันอีกแล้ว” (ไอ้นี่ เสียเหลี่ยมมันอีกแล้ว) ฮันเตอร์สบถด้วยความหัวเสีย ริมฝีปากได้รูปแสยะยิ้มร้าย ไอ้ฮักนะไอ้ฮัก เดี๋ยวนี้ติดสาวไม่เอาการเอางาน...
ดูก็รู้ว่าฮักไปทำข้าวของยัยเด็กแว่นนั่นพังจนต้องซื้อให้ใหม่แน่ ๆ สงสัยต้องเรียกรุ่นเดอะมาเทรนเสียหน่อย
“ฮัลโหล อ้ายหลาม” [ฮัลโหล พี่หลาม]
ทางด้านชานมหลังจากได้สติก็ปาดน้ำตายันตัวลุกขึ้นไปส่องกระจก เงาสะท้อนออกมาแสดงให้เห็นภาพของเธอที่กำลังพยายามฉีกยิ้มให้กับตัวเอง บางทีเธอก็ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าจะเรียนจบค่อยสลัดฮักออกไปจากชีวิตแต่เธอสามารถทำได้เลยตั้งแต่ตอนนี้
ลองเสี่ยงดวงดูสักครั้ง…
“เอาล่ะฉันจะต้องมีแฟน!” ชานมเชื่อว่าถ้าเธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเขาอาจจะปกป้องเธอจากฮักได้ ทว่าตอนนี้เธอจะทำยังไงกับโทรศัพท์ที่จมน้ำต้มยำนั่นก่อนดี?
คิดแล้วก็โมโห ฮักมักจะใช้อารมณ์อยู่เสมอโดยไม่แคร์เลยสักนิดว่าเธอจะรู้สึกยังไง ในโทรศัพท์นั่นแม้จะไม่ค่อยมีใครโทรเข้าแต่นั่นก็คือสิ่งที่เธอตั้งใจหาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ
“สารเลวฮัก ฉันจะถีบนายออกไปจากชีวิตฉันให้ได้!” ดวงตาคู่สวยจ้องมองตัวเองในกระจกด้วยสายตาแน่วแน่
ทางด้านฮักที่อยู่ห้างสรรพสินค้ายืนเลือกมือถืออยู่นาน สีที่เขาชอบคือสีดำและสีน้ำเงิน แต่เขาคิดว่าชานมคงชอบสีชมพูแน่ ๆ แม้ว่าเครื่องเก่าของเธอจะเป็นสีดำก็เถอะ
“เฮ็ดจั่งได๋ดีน้อกู?” (ทำยังไงดีนะกู?) นิ้วยาว ๆ ชี้ไปชี้มาระหว่างสีชมพูกับสีดำที่วางอยู่จนพนักงานแทบจะถอนหายใจ ทว่าโชคดีหน่อยที่ลูกค้าคนนี้ดูหล่อเหลาพอเป็นอาหารตาทำให้สามารถยืนรอได้อย่างอดทน
เขาชอบสีดำ ชอบมาก…
มากจนไม่สามารถตัดสินใจที่จะเลือกสีชมพูให้ชานมได้ “เอ่อ…พี่ว่าผู้หญิงเขาชอบสีไหนครับระหว่างดำกับชมพู?” ฮักเงยหน้าขึ้นถามพนักงาน พนักงานสาวฉีกยิ้มหวาน เพียงแค่ได้สบตาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเห่อร้อน
ทำไมเด็กสมัยนี้หล่อเกินต้านขนาดนี้นะ?
“พี่ว่าคงชอบชมพูค่ะ”
“แต่เครื่องเดิมของเธอเป็นสีดำนะครับ” พนักงานสาวเพียงระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อรู้ว่าลูกค้าได้ล็อกเป้าหมายของสีที่ต้องการเอาไว้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกสีเดิมของแฟนน้องเถอะค่ะ น้องผู้หญิงเขาจะได้ถูกใจ”
“เฮ๊ย! ไม่ใช่แฟนหรอกครับพี่ เธอเป็นเอ่อ…” เป็นอะไร? ฮักไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างเขากับชานมมีสถานะเป็นอะไรและที่สำคัญเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้สึกยังไง
“อ่าา…เข้าใจแล้วเป็นกิ๊กสินะคะ เรื่องปกติค่ะสมัยนี้ใคร ๆ ก็มีกัน ไม่ต้องเขินไปหรอกค่ะ”
“เปล่าครับ เมียต่างหาก!” พอได้ยินคำว่าชานมเป็นกิ๊กเขาก็รู้สึกไม่พอใจกับคำนี้ขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ
“โอ้ เอ่อ…” พนักงานถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ดูหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นไปได้ที่จะแต่งงานแล้วแม้จะดูเด็กไปหน่อยก็เถอะ
“ช่างมันเถอะครับ ผมเอาสีชมพูแล้วกันน่าจะเหมาะกับเธอดี”
“ได้เลยค่ะ” เมื่อเห็นว่าลูกค้าตกลงพนักงานสาวก็รีบจัดการให้บริการทันที
ฮักมองถุงโทรศัพท์มือถือในมือขณะที่กำลังเดินออกจากห้างสรรพสินค้า บริเวณมุมปากทั้งสองข้างก็ค่อย ๆ โค้งขึ้นเพราะเขาได้ทำการใช้ซิมการ์ดใหม่พร้อมกับเปลี่ยนหน้าวอลล์เปเปอร์ของชานมเป็นรูปคู่ที่เพิ่งถ่ายเมื่อตอนบ่าย
“ยัยลูกไก่ต้องชอบแน่ ๆ” แค่นึกถึงสีหน้าขุ่นมัวบึ้งตึงของชานมเขาก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะยิงฟันหรือทำหน้าเป็นตูดใส่กันแน่
ส่วนเครื่องเก่าของเธอเดี๋ยวเอาไปซ่อมให้อีกทีแล้วกันตอนนี้เงินหมดแล้ว เห็นทีวันเสาร์นี้ต้องกลับชัยภูมิไปขอเงินพ่อ