บทที่ 13 คู่หมั้นที่แสนหน้ามึน

1678 Words
พอเห็นว่าใครเดินเข้ามา หว่านซูฉียังคงมีทีท่าเหมือนเดิม เนื่องจากอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้เธอก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องทำตัวเคร่งขรึมเหมือนกับตอนที่เป็นนายหญิงซู “อ้าว ท่านผู้พัน ผมนึกว่ากลับไปแล้วเสียอีก ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เห็นเรื่องที่ไม่สมควร” หว่านเหวินเปียวพูดขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าผู้พันหยางจะตามมาถึงที่นี่ “อย่าเรียกห่างเหินเช่นนั้นเลย อีกไม่นานเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรียกผมว่าซีห่าวเถอะ” แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงท่านผู้พัน ทว่าชายหนุ่มไม่คิดที่จะถือตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากนี้อย่างไรเขาก็ต้องแต่งงานกับหว่านซูฉี และคนตรงหน้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นพี่ภรรยาของตนเอง สายตาของชายหนุ่มมองไปยังจื่อหานด้วยความสนใจ เพราะดูหน่วยก้านแล้วไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน และถ้าหากเขาจำไม่ผิด นี่คงจะเป็นอีกคนที่ช่วยเขาในวันนั้น ด้วยสัญชาตญาณของอดีตนายทหาร ทำให้รู้ตัวว่ามีคนกำลังจับตามองอยู่ แต่จื่อหานกลับไม่สนใจ เขายังคงทำตัวเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยมากกว่านี้ หว่านเหวินเปียวเมื่อได้ยินคนที่กำลังจะมาเป็นน้องเขยพูดเช่นนี้ก็ได้แต่พยักหน้าแต่ก็ไม่อาจทำตัวเทียบเท่า เพราะอย่างไรเสียคนตรงหน้าก็เป็นถึงท่านผู้พัน นายทหารที่มียศตำแหน่งซึ่งต่างกับเขาที่เป็นชาวบ้านธรรมดา “รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะนะครับท่านผู้พัน ตอนนี้ผมขอเรียกเหมือนเดิมก่อนดีกว่า ว่าแต่ท่านผู้พันยังไม่บอกผมเลยว่าตามมาที่นี่ทำไม” “ผมจะแจ้งว่าเรื่องกำหนดการแต่งงานยังคงเดิม และจะไม่มีวันเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเด็ดขาด ส่วนเรื่องที่ฉีเอ๋อร์โดนหลอกเข้าเมืองเพื่อขายให้กับกลุ่มใต้ดินนั้น พี่ภรรยาคิดว่ายังไง จะเอาเรื่องหรือไม่” หยางซีห่าวยังคงกำหนดการเดิมเรื่องการแต่งงาน และไม่ยอมที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเด็ดขาด กระต่ายป่าดี ๆ แบบนี้จะให้เขาไปหาจากที่ไหนได้อีกล่ะ ส่วนเรื่องเอาผิดคนพวกนั้นขอแค่หว่านเหวินเปียวพูดมา เขาจะเร่งจัดการเอาผิดคนพวกนั้นทันที แต่กลายเป็นว่าทางฝ่ายหว่านเหวินเปียวและภรรยาตกใจเมื่อรู้ความจริงว่า หว่านซูฉีนั้นโดนหลอกไปขายจริง ๆ ในใจนั้นพลันคิดว่าหากท่านผู้พันหยางไม่พบเข้าโดยบังเอิญ จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวที่ใสซื่อและขี้กลัวของตนเองกัน หว่านซูฉีเมื่อถูกเปิดโปงจึงแอบถลึงตาใส่ว่าที่สามีตนเอง ก่อนจะก้มหน้าสำนึกผิดให้กับพี่ชายและพี่สะใภ้ “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ฉันขอโทษที่ไม่พูดความจริง แค่พวกเราแยกบ้านออกมาจากบ้านนั้นก็พอแล้ว อย่าจองเวรกันเลย” เมื่อเจอเจ้านายของตนพูดคำนี้ออกมา จื่อหานอยากจะหัวเราะให้เสียงดังลั่นเสียเหลือเกิน ‘นายหญิงเนี่ยนะไม่อยากจองเวร กลัวแต่อีกฝ่ายจะไม่มีชีวิตรอดเสียมากกว่าน่ะสิ’ “ไม่ได้หรอกซูฉี เรื่องนี้พี่ยอมไม่ได้ ครั้งนี้บ้านใหญ่ทำเกินไปแล้ว หมี่ลี่เองอายุสิบแปดปีแล้วจะบอกว่าไม่รู้เรื่องมันไม่ได้หรอกนะ และพี่เชื่อว่าเรื่องนี้ป้าสะใภ้น่าจะเป็นตัวต้นคิด เพราะไม่อย่างนั้นหมี่ลี่จะกล้าทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ได้ยังไง” “เรื่องนี้ผมจะเป็นฝ่ายสืบให้แน่ชัดเองว่า ทางบ้านใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับใครอีกบ้าง ถ้าเป็นจริงอย่างเหวินเปียวพูด จะต้องมีคนร่วมมือด้วยเป็นแน่ อย่าลืมสิว่าโจรพวกนั้นเป็นคนในกลุ่มใต้ดิน หากไม่มีการคลุกคลีกันหรือพอจะรู้จักกัน พวกนั้นคงไม่กล้ารับงานเสี่ยงตายเช่นนี้” หยางซีห่าวพูดออกมาว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ส่วนตัวแล้วต่อให้ไม่สืบเรื่องนี้ เขาเชื่อเต็มสิบส่วนแล้วว่า บ้านใหญ่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และอยู่ที่ว่าสองผู้เฒ่าในบ้านจะรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่ หากรู้เห็นด้วย บ้านหว่านคงหาคนดีไม่ได้แล้ว “ขอบคุณมากนะครับท่านผู้พัน และต้องขอโทษที่ต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้” ไม่ว่าอย่างไรในฐานะพี่ชายของหว่านซูฉี ชายหนุ่มก็ยังอยากขอโทษว่าที่น้องเขย ที่ทำให้ต้องมารับรู้เรื่องราวแย่ ๆ ของบ้านหว่าน “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อน ได้ยินว่าพวกคุณทุกคนต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองใช่ไหม ในสินสอดมีบ้านในเมืองอยู่ด้วย ส่วนเรื่องย้ายทะเบียนเข้าในเมือง ผมจัดการให้เอง” หยางซีห่าวเอ่ยลา แต่ก่อนที่จะกลับเหมือนชายหนุ่มนึกอะไรได้ จึงหันมาเอ่ยถึงเรื่องที่จะมารับไปดูสถานที่จัดงานแต่งงานพรุ่งนี้ “ฉีเอ๋อร์ พรุ่งนี้พี่มารับเข้าเมืองนะ เตรียมตัวไว้ด้วย” หว่านซูฉีทำหน้าตาคล้ายกับสงสัย จึงได้ถามออกมา “ในเมื่อวันนี้ชุดแต่งงานก็ลองหมดแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปไหนอีกหรือคะ” พรุ่งนี้เธอยังมีงานต้องทำ อีกทั้งเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญแล้ว ที่สำคัญจริง ๆ คือเจ้าหน้าที่ระดับนี้จะอยู่กินกับนายหญิงซูที่ทำการค้าเช่นเธอได้จริง ๆ หรือ อย่าลืมสิเวลานี้การค้ามีแต่ของรัฐหรือขึ้นตรงกับรัฐเท่านั้น ส่วนเธอเป็นพียงเจ้าของตลาดมืดและเปิดร้านค้าในเครือนายหญิงซู เรื่องของเธอและผู้พันหนุ่มตรงหน้าแทบจะเป็นเพียงเส้นขนาน แล้วชีวิตการแต่งงานหลังจากนี้จะอยู่กันรอดหรือไม่นะ “พี่จะมารับน้องไปดูสถานที่แต่งงาน จะได้รู้ว่าดีหรือไม่ และเหมาะสมหรือเปล่า อีกอย่างตอนนี้ยังไม่มีใครเคยเห็นว่าที่เจ้าสาวพี่เลย” หยางซีห่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบออกมาจากบ้านชั่วคราวของว่าที่ภรรยา เพราะกลัวเธอจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่ไหว ไม่อย่างนั้นเธอคงหยิบอาวุธมีคมข้างตัวปาใส่เขาแน่ เมื่อเดินออกมาแล้วก็มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ แว่วมาเท่านั้น หว่านซูฉีอยากจะถลึงตาใส่คนคนนี้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าเอาความหน้ามึนมาจากไหน หากพี่ชายและพี่สะใภ้รู้ตัวตนของเธอก็ว่าไปอย่าง จะได้ไม่รู้สึกผิดที่ต้องหลบซ่อนและปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตนเองต่อพี่ทั้งสองคน หลังจากหยางซีห่าวกลับไปแล้ว หว่านเหวินเปียวและภรรยาจึงเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้ทุกคนกิน อย่างไรเสียทั้งสองคิดว่าเข้ามาอาศัยบ้านของจื่อหานซึ่งแม้จะเป็นพี่ชายของภรรยา แต่เขาก็ไม่คิดที่จะนิ่งดูดาย เมื่ออาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงกินกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่มีใครพูดถึงเรื่องราววันนี้อีกเลย วันต่อมา... หว่านเหวินเปียวและภรรยาต่างก็เข้าไปลางานในคอมมูน ส่วนจื่อหานนั้นไม่ต้อง เนื่องจากปกติเขาก็ไม่ได้ทำงานที่คอมมูนทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าคอมมูนรู้ดีเพราะเป็นสหายเก่ากับชายหนุ่ม “พี่เข้าเมืองก่อนนะ วันนี้จะพาซวงซวงไปโรงพยาบาลด้วย เมื่อวานเป็นลมไม่รู้กระทบกระเทือนลูกหรือเปล่า น้องอย่าออกไปเล่นซนที่ไหนล่ะ หากผู้พันหยางมาค่อยเปิดประตูเข้าใจไหม” หว่านเหวินเปียวพูดกำชับน้องสาวเมื่อตนเองและทุกคนไม่อยู่บ้าน นอกจากจะพาภรรยาไปหาหมอแล้ว เขาและพี่ชายภรรยายังต้องไปพบคนสนิทของนายหญิงซู เพื่อพูดคุยเรื่องงานที่เขาจะไปขอทำ เมื่อไรที่น้องสาวอย่างหว่านซูฉีแต่งงานแล้ว เขาและทุกคนจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเสียที จะได้ไม่ต้องมามองหน้าบ้านหว่านให้ระคายใจอีก จะว่าไปเรื่องนี้จะโทษคนบ้านหว่านไม่ได้ หากคนเป็นปู่ไม่เข้าข้างอีกฝ่าย มีหรือที่คนพวกนั้นจะกล้าทำเช่นนี้กับบ้านรอง “เข้าใจค่ะ สั่งอย่างกับน้องพี่เป็นเด็กสามขวบอย่างนั้นแหละ ร่างกายน้องแค่อ่อนแอนะ ไม่ได้พิการ” หว่านซูฉีอดไม่ได้ที่จะเถียงพี่ชายกลับไป “รู้ว่าแค่อ่อนแอและขี้โรค น้องของพี่ไม่ได้พิการจริง ๆ นั่นแหละ แต่แล้วทำไมเมื่อวานถึงยอมถูกรังแกขนาดนั้นล่ะ ถ้าท่านผู้พันไปช่วยไว้ไม่ทัน พี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องสาวพี่จะเป็นยังไง” พอเจอพี่ชายย้อนกลับมาแบบนี้ หว่านซูฉีจึงได้แต่ยิ้มแกน ๆ เท่านั้น ก่อนจะเหลือบมองจื่อหานเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าจื่อหานกลับเสมองไปทางอื่น แม้ว่าเขาจะมีฐานะเป็นลูกน้องของหญิงสาวตรงหน้า แต่เวลานี้เขาไม่ต่างจากเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่ขอยุ่ง ให้พี่กับน้องจัดการกันเองดีกว่า เมื่อหาตัวช่วยไม่ได้ หว่านซูฉีจึงถลึงตาใส่คนสนิท ก่อนจะยิ้มให้พี่ชายอย่างอ้อน ๆ และสัญญาว่าจะไม่ออกจากบ้านไปไหน จนกว่าหยางซีห่าวจะมารับ ทันทีที่น้องสาวรับปาก พี่ชายเช่นเหวินเปียวและซวงซวงก็เบาใจขึ้น จากนั้นทั้งสองคนรวมถึงจื่อหานจึงรีบออกไปรอเกวียนเพื่อเข้าเมือง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD