“เธอชอบไอ้ไทน์รึไง” ประโยคของเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงในชุดลำลองแสนสบายเอ่ยขึ้น เธอเดาว่าเขาคงอาบน้ำอาบท่าแล้วเหมือนกัน เพราะกลับมาจากโรงเรียนค่อนข้างเหนียวตัว
เธออายุห่างจากเขาแค่หนึ่งปี ปีนี้เขาอายุสิบแปด ย่างสิบเก้า ส่วนเธอสิบเจ็ดย่างสิบแปด ที่เธอได้เรียนโรงเรียนดังที่พวกลูกเศรษฐีมีเงินเรียนกันอย่างทิพย์ปัญสรณ์
“ปะ... เปล่าค่ะ” ปลายฝนตอบเสียงตะกุกตะกัก
“ไอ้หมอนี่มันไม่ได้ดีจริงๆ หรอก ที่มันแสดงออกมันแกล้งทำทั้งนั้น ถ้าเธอไปหลงเชื่อมันเหมือนคนอื่นก็จะโดนมันหลอก”
“พี่ไทน์ไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ”
“นี่เธอกล้าเข้าข้างมันอย่างนั้นเหรอ” เขาตรงเข้าบีบคอเธอจนปลายฝนต้องไอออกมา
“แค่ก ๆ ๆ คุณคิง ปลายเจ็บ แค่ก ๆ ปล่อยปลาย แค่ก ๆ” เขายอมปล่อยแต่โดยดี เธอก็ได้แต่ไอติดกันจนสำลัก มือบางลูบคอของตัวเองไปมา ใบหน้าแดงก่ำ
“ถ้าเธอชอบมันก็เลิกชอบมันซะ เพราะฉันจะไม่ยอมให้เด็กในบ้านอย่างเธอไปชอบศัตรูของฉันแน่ ๆ”
“คุณคิงโกรธที่แข่งบาสแพ้พี่ไทน์เหรอคะ”
“นี่เธอกล้าเยาะเย้ยฉันอย่างนั้นเหรอ” คราวนี้เขาขยับเตรียมพุ่งเข้ามาทำร้าย แต่ปลายฝนหลบทัน รีบวิ่งหนีไปที่มุมห้องในทันที เธอยกอุปกรณ์ดูดฝุ่นขึ้นมาเตรียมป้องกัน
“นี่เธอกล้าสู้ฉันอย่างนั้นเหรอปลายฝน”
“ปลายยอมตาย ห้ามทำอะไรปลายนะ”
“เธอได้ตายสมใจแน่” เขาเอ่ยขึ้นเสียงกร้าวดุดัน ปลายฝนหันรีหันขวาง เธอจะเอาตัวรอดยังไงดีนะ เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียง
เอาไงเอากัน ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ
เสียงกรีดร้องของปลายฝนทำให้คนในบ้านแตกตื่น ในขณะที่คชาสบถอย่างหัวเสีย
“เป็นบ้าอะไรของเธอนี่ หยุดกรี๊ดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวคนในบ้านก็หาว่าฉันทำอะไรเธอหรอก”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นระรัว นั่นทำให้ปลายฝนคิดว่าตัวเองรอดแล้ว
“คุณคิง มีอะไรคะคุณคิง” เสียงนั่นก็คือเสียงของสารินนั่นเอง แต่เสียงของสารินไม่ได้ทำให้คชาสนใจ
“ไสหัวไปซะ!” คชาตวาดออกมาจากในห้อง
“แกทำอะไรปลายฝน เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ” แต่เสียงเข้มของบิดาที่ดังขึ้นทำให้คชากลอกตาไปมา หันไปมองปลายฝนอย่างคาดโทษ
แม้จะกวนบาทาใครขนาดไหน แต่กับบิดาคชาก็ต้องยอมลงให้ในบางครั้ง
ประตูถูกกระชากออกเต็มแรง ใบหน้าของลูกชายที่สุดแสนจะบูดบึ้งทำให้คันสรต้องเอ่ยถาม
“แกทำอะไรปลายฝน”
“คุณพ่อดูสิครับว่าผมทำอะไรเธอ” เขาเปิดประตูให้กว้างอีก ทำให้ทุกคนเห็นปลายฝนยืนตัวสั่นถืออุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่มุมหนึ่งของห้อง
“ฉันทำอะไรเธอรึเปล่าปลายฝน ตอบดี ๆ นะ ถ้าเธอพูดโกหก เจอดีแน่”
“แกเลิกขู่ปลายฝนสักที ปลายฝนตอบฉันมาว่าลูกชายของฉันทำอะไรเธอหรือเปล่า ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เอง” คันสรเป็นคนยุติธรรม ไม่มีทางเข้าข้างลูกชายแน่นอนหากลูกชายทำผิด ทุกคนในบ้านรู้ดี แต่เพราะภรรยาเสียชีวิตตั้งแต่คชายังเด็ก ทำให้คชาขาดแม่คอยอบรมสั่งสอนมาตลอด และคชาก็โทษว่าที่แม่ตายก็เป็นความผิดของพ่อ เนื่องจากพ่อบ้างาน แม่ไม่สบายแทนที่จะรีบกลับมาดู จนแม่ช็อกเข้าโรงพยาบาล
คันสรเองก็รู้สึกผิด จึงพยายามเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ตามใจทุกอย่างเพื่อชดเชยกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้ลูกขาดแม่แล้วรู้สึกขาดแคลนตามไปด้วย
เขาจึงขยันทำงานมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะให้ลูกสบาย แต่คันสรเพิ่งตระหนักว่าเงินทองมากมายที่หามาได้ กลับไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย รู้ตัวอีกทีลูกชายก็นิสัยเสีย และเอาแต่ใจตัวเอง ไม่พอใจก็ชอบอาละวาดขว้างปาข้าวของและขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ชอบเอาชนะ
“ปลายเห็นแมลงสาบเลยกรี๊ดน่ะค่ะ ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ” ปลายฝนรีบตอบเสียงสั่น พลางเอ่ยขอโทษทุกคน
“ในห้องคุณคิงมีแมลงสาบเหรอคะ เป็นความผิดของสารินเองค่ะ สารินน่าจะทำความสะอาดได้ไม่ดี เดี๋ยวสารินช่วยทำความสะอาดใหม่นะคะ”
“ไม่ต้องแล้ว ออกไปให้หมดทุกคนนั่นแหละ” เจ้าของห้องไล่ส่งทันที ทำให้ปลายฝนได้โอกาสรีบเดินเลี่ยงตามสารินออกไปในทันที
“คุณคิงทำอะไรปลายรึเปล่า” สารินเอ่ยถามปลายฝนอย่างห่วงใย เพราะเห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย จึงเอ็นดูปลายฝนค่อนข้างมาก
“ไม่ได้ทำจ้ะ”
“โกหกใช่ไหมที่บอกว่าเห็นแมลงสาบ”
“ปลายเห็นแมลงสาบจริงๆ ค่ะ”
“อย่าโกหกพี่”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณพี่สารินมาก ๆ นะคะ”
“มีอะไรก็บอกพี่ได้ คุณคิงน่ะเอาแต่ใจตัวเอง ลูกคนรวยก็แบบนี้”
“แต่คนอื่นก็ไม่เห็นจะเป็นแบบคุณคิงนะจ๊ะพี่”
“ก็ต้องดูเป็นคน ๆ ไป ไม่มีอะไรแล้วไปช่วยพี่ทำกับข้าวดีกว่า เดี๋ยวจะได้เวลาตั้งโต๊ะอาหารแล้ว”
ทางด้านคชา เขาเดินไปทรุดนั่งลงที่ปลายเตียงเมื่อบิดาเดินเข้ามาในห้อง
“คุณพ่อมีอะไรครับ”
“แกรังแกอะไรปลายฝน”
“คุณพ่อก็ได้ยินแล้วนี่ครับ เธอบอกว่าเห็นแมลงสาบ”
“แกนึกว่าพ่อโง่รึไง”
“คุณพ่อฉลาดที่สุดในโลก ไม่ได้โง่ครับ ผมรู้”
“แกอย่ามาประชดประชันแดกดันฉัน”
“คุณพ่อมีอะไรก็พูดมาเถอะครับ”
“วันนี้จะมีแขกมารับประทานอาหารเย็นกับเรา”
“แขก ใครกันครับ สำคัญเหรอ คุณพ่อถึงต้องมาบอกผมด้วยตัวเอง”
“สำคัญ”
“อย่าบอกนะว่าจะหาแม่ใหม่ให้ผมอีกแล้ว ผมไม่เอานะ” เขาดักคอ แม้บิดาจะไม่เคยจริงจังกับใคร เคยพาผู้หญิงมากินข้าวที่บ้านหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยพาใครเข้ามาอยู่ในบ้าน เพราะห่วงความรู้สึกของเขาซึ่งเป็นลูกมากที่สุด
“ฉันจะบอกแกแค่นี้ และฉันเป็นพ่อของแก ไม่ใช่จำเลยให้แกมาซักไซ้ไล่เลียง” พูดจบคันสรก็เดินออกไปจากบ้าน ทำเอาคชาต้องมองตามไปอย่างสงสัย
แขกคนสำคัญของบ้านที่มารับประทานอาหารค่ำด้วยกันทำให้คชาอึ้งและโกรธจัด
“คุณพ่อพายาจกที่ไหนมากินข้าวบ้านเราครับ” คชามองสองแม่ลูกด้วยสายตาดูถูก และไม่ชอบใจอย่างรุนแรง
ตรงหน้าของเขาคือธัญญาเรศและธนา แม่ค้าขายข้าวแกงกับเด็กนักเรียนทุนที่ชอบแข่งขันกับเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องอะไรต่อมิอะไร
“แกห้ามเสียมารยาทกับแขกของพ่อ”
“พ่อจะหาเมียใหม่ก็ให้ดีกว่านี้หน่อยสิครับ นี่มันแม่ค้าขายข้าวแกงกับลูกชายที่มาจากสลัม”
“เลิกพูดจาดูถูกคนอื่นสักทีคิง” คันสรเอ่ยเตือนสติลูกชาย