“ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครดีค่ะ เจ้านายที่ร้านอาหารก็บอกว่าช่วยฉันไม่ได้ เงินไม่มีมากขนาดนั้น อาจารย์ที่มหาลัย ก็ไม่มีใครช่วยได้ ฉันหมดหนทางแล้วค่ะ ช่วยฉันด้วยนะคะ ฉันไม่อยากให้แม่ตายตอนนี้ และไม่อยากให้พี่ติดคุกค่ะ พี่ฉันมีเมีย แล้วก็ลูกเล็กอีกตั้งสองคนค่ะ พวกแกยังเด็ก ไม่รู้ประสาอะไรเลยค่ะ”
คนมีปัญหารอบด้าน ส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นออกไป น้ำตาก็ไหลพรั่งพรู จนเปอะเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมีอุ้งมือของเขาโอบกายเอาไว้แบบพอดี ไม่รัดแน่นเกินไปหรือไม่หลวมจนเกินไป
“ผมอยากจะได้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีของพี่คุณ แล้วก็อาการแม่ของคุณด้วยครับ คุณสะดวกหรือเปล่าครับ ขอตอนนี้เลย”
วรวัชรเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจากตอนแรกมาก เพราะเข้าใจถึงปัญหาอันใหญ่หลวงของคนอายุแค่นี้ ว่าจะต้องรับผิดชอบไว้เยอะ ถ้าเป็นน้องสาวต่างแม่ของเขาเจอแบบนี้ ป่านนี้คงสติแตกไปแล้วแน่ๆ
“ได้ค่ะ”
คนที่รู้ตัวว่าเผลอใช้อกเขาเป็นที่ซับน้ำตานั้น ค่อยๆ ดึงกายออกห่างอกเขา เอาผ้าเช็ดหน้าซับตามแก้มใสทั้งสองข้าง ความอายแผ่ซ่านไปทั่วผิวหน้า เมื่อเห็นว่าเขาลุกไปนั่งที่เดิม เป็นการบอกเธอทางอ้อม ว่าเขาต้องการรักษาระยะห่าง เลยรีบเปิดมือถือ เพื่อเอารายละเอียดตามที่เขาอยากได้ให้จนครบ
“รอแป๊บนะครับ”
รดาวดีพยักหน้ารับ เมื่อเห็นเขาใช้มือถือกดออกไปหาใครสักคน เธอเองก็ไม่รู้แน่ รู้แต่ว่ากำลังคุยเรื่องของแม่และพี่ของเธออยู่ เลยนั่งฟังเงียบๆ และพยายามจะไม่รบกวนเขา ด้วยการไม่ขยับไปไหน แม้รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำและอยากล้างหน้าก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงเรื่องแม่คุณนะครับ ผมคุยกับหมอแล้ว ผมรับเป็นเจ้าของไข้ให้ จนกว่าแม่คุณจะหาย ส่วนเรื่องพี่ชายคุณ ผมส่งทนายไปช่วยแล้ว แต่จะจบแบบประวัติพี่คุณขาวสะอาดคงไม่ได้ และผมไม่รับประกัน ว่าพี่คุณจะรอดจากคุกหรือเปล่า ทนายบอกผมว่าตอนนี้พี่คุณเจอคดีจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือมีจำนวนหน่วยการใช้หรือมีน้ำหนักสุทธิเกินยี่สิบกรัมขึ้นไป และโทษคือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งถึงห้าล้านบาทหรือประหารชีวิต”
“หื้อ!!!”
ได้ยินแค่นี้ รดาวดีก็น้ำตาพรั่งพรูออกมาอีก สองมือยกขึ้นปิดหน้าเพราะความตกใจ เสียใจ สับสน คิดอะไรไม่ออก บอกความรู้สึกเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แต่ว่าหัวใจบีบตัวแรงขึ้นจนแน่นหน้าอก สมองเหมือนจะหยุดสั่งการไปชั่วขณะ วรวัชรเห็นแบบนั้น ก็ถึงกับเดินไปนั่งแล้วโอบเอวเอาไว้ อีกมือก็กุมไหล่ระหง
“คุณอย่าเพิ่งคิดไปไกล ที่ผมบอกมันคือบทบัญญัติโทษไว้ตามกฎหมาย เดี๋ยวทนายผมจะลองหาทางให้ลดโทษลงเป็นแค่ผู้เสพ ซึ่งจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ปีหนึ่งถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงสองแสน หรืออาจจะทั้งจำทั้งปรับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอ ว่าทนายผมจะจัดการได้มากน้อยแค่ไหน และพี่คุณจะให้ความร่วมมือหรือเปล่าด้วย”
“คุณพูดจริงเหรอคะ คุณไม่ได้หลอกฉันใช่มั้ยคะ?”
“ผมยกคำพูดของทนายมาทั้งหมดครับ และผมจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ บอกแล้วไงครับ ว่าคุณคุยกับผมก็เหมือนคุยกับคุณพ่อ ตอนนี้หยุดร้องไห้ก่อนนะครับ ผมว่าคุณเข้าไปล้างหน้าก่อนดีกว่า ผมก็จะได้เปลี่ยนเสื้อด้วย ผมไปประชุมทั้งที่มีคราบแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ”
“ค่ะ”
รดาวดีรีบลุกไปทันที เพราะอยากจะทำแบบนั้นอยู่นานแล้ว เดินเข้าห้องน้ำไป น้ำตาก็ไหลรินไปด้วย มองหน้าตัวเองในกระจกตอนนี้แทบดูไม่ได้ ขอบตาบวมเปล่งและแดง แก้มกับจมูกก็แดง ผมเผ้าก็ไม่เรียบร้อย เลยรีบล้างหน้า แล้วหวีผมใหม่ พร้อมกับตรวจตราความเรียบร้อยของตัวเอง จนกะเวลาให้เขาเปลี่ยนเสื้อเสร็จถึงได้ออกไป
“คุณโอเคขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ?”
“ค่ะ”
“ทีนี้มาคุยเรื่องของเรากัน”
“เรื่องอะไรคะ?”
รดาวดีเพิ่งคิดขึ้นได้ ว่าไม่ควรถาม แต่จะทำยังไงได้ เมื่อพลั้งปากไปแล้ว เลยเดินไปทิ้งกายลงนั่งจุดเดิม เขาเองก็นั่งที่เดิม เพิ่มเติมคือเสื้อเชิ้ตตัวในเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีฟ้าอ่อนๆ
“ผมจ่ายเงินไป ก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนสิครับ คุณคงไม่คิดว่าการที่คุณจะมาหาคุณพ่อ บอกท่านว่ามีปัญหาแบบนั้นแบบนี้ ต้องใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ แล้วคุณจะไม่ต้องจ่ายอะไรหรอกนะครับ?”
“ค่ะ”
“ผมขอเริ่มเรื่องของเราเลยนะครับ คุณพร้อมมั้ยครับ?”
“เอ่อ...ค่ะ”
“ทุกเรื่องที่ผมช่วยคุณวันนี้ เพื่อแลกกับการที่คุณจะไม่มายุ่งกับพ่อผม หรือคนในครอบครัวผมอีกตลอดชีวิต คุณทำได้หรือเปล่าครับ?”
“ยุ่ง หมายถึงยังไงคะ?”
ถึงจะรู้ตัวว่ากำลังมากวนเงินในกระเป๋าของเขา แต่ก็ไม่เข้าใจกับคำนี้ ว่ามันกินความหมายไปทางไหนบ้าง เลยต้องย้ำเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด หรืออีกใจก็อยากจะบอกเขาไปตรงๆ ว่า ถ้าไม่มีปัญหาหนักหนาสาหัส จ้างให้เธอก็จะไม่มาข้องเกี่ยวกับพ่อของเขาหรือเขาเป็นแน่
“คือไม่ต้องมาข้องเกี่ยวอะไรอีก ในทุกๆ ทาง ในทุกๆ ฐานะ หรือถ้าจะให้ตรงๆ ก็อย่ามาให้พ่อผมเห็นคุณอีก ถ้างานที่คุณทำอยู่ จะมีโอกาสเจอคุณพ่อ ผมอยากจะให้คุณลาออก นอกเหนือจากเงินที่ผมจะช่วยค่ารักษาแม่คุณ กับค่าทำคดีพี่คุณแล้ว ผมจะให้เงินคุณไว้ใช้จ่ายอีกสามล้าน บ้านที่คุณอยู่ตอนนี้ ผมก็จะขอซื้อ”
“ซื้อไม่ได้หรอกค่ะ ยังติดแบงก์อยู่ค่ะ แล้วไม่รู้ว่าแม่จะขายหรือเปล่าด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวผมคุยกับแบงก์เอง ขอแค่คุณตกลงขายให้ผม ทุกอย่างก็จบ ว่าแต่บ้านเป็นชื่อใครครับ?”
“ชื่อฉันค่ะ”
เพราะนั่นเป็นบ้านที่เธอใช้เงินเก็บจากการทำงานมาดาวน์ไว้ แล้วช่วยกันผ่อนกับแม่ ทั้งแม่ทั้งพี่เลยยกให้เป็นชื่อของเธอ
“ดีครับ จะได้จัดการง่ายหน่อย” อีกแล้วที่วรวัชรทำเป็นไขสือ ทั้งที่ได้ข้อมูลมาจากผู้ช่วยแล้วเมื่อครู่