ลงมือด้วยตนเอง

2020 Words
“ข้าน้อยมาจากชานเมืองขอรับ นำเงินที่ขายผลไม้ในสวนมาให้ขอรับ” มือแห้งกรังของพ่อบ้านวัยห้าสิบ หยิบยื่นถุงเงินมาให้เหอเข่อซิง “สวนผลไม้…ท่านพี่มีสวนผลไม้ด้วยหรือเจ้าคะ” “พี่เองก็ไม่แน่ใจ” “เอ่อ นายท่านให้คนไปกว้านซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อนแล้วขอรับ ทั้งยังจ้างให้ข้าดูแลเป็นประจำ ข้าน้อยมาส่งเงินให้ท่านทุกปี ปีก่อนๆ มีพ่อบ้านของเรือนมารับไปขอรับ” เมื่อได้ฟัง ประมุขของเรือนก็นึกขึ้นได้ ว่าช่วงนั้นมีพ่อค้าต่างแคว้นต้องการผลไม้จำนวนมาก เขาเลยลงทุนซื้อสวนผลไม้แถบชานเมืองไว้กว่าสิบไร่ แล้วจ้างคนดูแลทั้งเรื่องคนงาน ผลผลิต และการขาย “จำได้แล้วๆ พี่มีที่ดินส่วนนี้ประมาณสิบไร่ ทั้งยังเป็นสวนผลไม้ทั้งหมด” หากว่าขาย คงจะมีเงินพอใช้หนี้ที่หยิบยืมมา “ผลไม้หรือเจ้าคะ พอดีเลยเจ้าค่ะ ข้ากำลังต้องการน้ำผลไม้มาผสมกับสุราพอดี” หลี่น่าพูดโพล่งออกมา “แต่พ่อคิดว่าเราขาย แล้วนำเงินไปใช้หนี้ก่อนดีหรือไม่” “แต่…” แม้หลี่น่าอยากจะคัดค้าน แต่นางก็เข้าใจความจำเป็นของครอบครัว “ท่านพ่อ คราก่อนเราให้แจกันโบราณของท่านปู่ไปแล้ว พวกมันคงจะไม่มาวุ่นวายกับเราสักพัก ระหว่างนี้ก็ให้หลี่เอ๋อร์ลองทำดูก่อนดีหรือไม่ขอรับ” หญิงสาวพยักหนักหงึกหงักจนคอแทบหลุด ทั้งยังส่งยิ้มประจบบิดาและมารดาเสียหวานหยด “…อืม เช่นนั้นก็ได้ แต่หากว่าไม่เป็นไปอย่างที่หวัง พ่อจะขายแล้วนำเงินมาใช้หนี้” เหอเข่อซิงมิอาจทนต่อสายตาอ้อนวอนของบุตรทั้งสองได้ จึงตอบตกลงไป “เจ้าค่ะ แต่ก่อนอื่น ท่านลุงมีนามว่าอย่างไรเจ้าคะ” “ข้าน้อยมีนามว่าเหวินจงขอรับคุณหนู” ชายวัยห้าสิบเงยหน้าตอบคำถามบุตรสาวเจ้าของเรือน “ท่านลุงเหวิน ที่สวนของเรามีผลไม้อันใดบ้างหรือ” “มีต้นผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ต้นผูเถา (องุ่น) และต้นจวี๋จื่อ (ส้ม) ช่วงนี้มีเพียงจวี๋จื่อและผูเถาที่ออกผลขอรับ” “ดีเลย แล้วมีผลที่สุกเกินไป หรือว่าผลที่เสียหายหรือไม่” ที่นางถามเพราะต้องการนำผลไม้ส่วนนั้นมาทำเป็นน้ำผลไม้ และนำผลไม้ที่คัดแล้วไปส่งขายเช่นเดิม “มีขอรับ ข้าให้คนงานคัดแยกออกมา ก่อนจะนำผลไม้ที่สมบูรณ์ไปขาย” “เช่นนั้นอีกสองสามวัน ข้ากับพี่ชายจะไปดูผลไม้นะเจ้าคะ” “ห๊า เกี่ยวอันใดกับพี่เล่า” เหิงเยว่ที่ถูกพาดพิงถึงกับหันขวับไปมองน้องสาว “แล้วพี่เหิงจะปล่อยน้องสาวตัวน้อยๆ ไปชานเมืองเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ” “เจ้าก็ใช่ว่าจะตัวเล็กตัวน้อยขนาดนั้นเสียหน่อย” ถึงจะตัวเล็กกว่าเมื่อก่อนก็เถอะ “จิ๊! พี่คนนี้ ข้าโกรธแล้ว ต้องยอมไปด้วยกัน ข้าจึงจะหายโกรธ” “ก็ได้ๆ แต่ข้ามีเรื่องสงสัย…คนงานที่สวน ท่านได้ให้ค่าจ้างพวกเขาแล้วหรือยัง” เมื่อเหิงเยว่พยักหน้าตกลง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเรื่องราว ก่อนชายหนุ่มจะหันไปถามเหวินจงที่นั่งอยู่ “ข้าน้อยหักค่าจ้างของคนงานออกก่อนแล้วขอรับ ที่เหลือจึงนำมาให้นายท่าน” “เช่นนั้นก็ขอบใจเจ้ามา ลำบากเจ้าแล้ว” เข่อซิงส่งยิ้มให้คนดูแลสวน “เอ่อ ข้าน้อยมีอีกเรื่องขอรับ” “เรื่องใดหรือ” “เมื่อครู่ข้าน้อยได้ยินพวกท่านสนทนากันเกี่ยวกับสุรา ข้าเองก็ทำสาโทไว้ให้พวกคนงานดื่มขอรับ เผื่อว่าจะใช้ผสมกันผลไม้ที่คุณหนูว่า จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองขอรับ” เหวินจงเองก็พอจะได้ยินข่าว ที่สกุลเหอตกอับอยู่บ้าง จึงได้เสนอทางช่วย มิได้คิดจะดูถูกดูแคลนแม้แต่น้อย “เช่นนั้นก็ยิ่งดี เอาเป็นว่าข้าจะเข้าไปดู วันนี้ขอบใจท่านมาก” เหวินจงก้มคำนับต่อผู้เป็นนาย ก่อนจะรับข้าวปลาที่ฮูหยินเหอมีน้ำใจมอบให้ กลับไปกินระหว่างทาง เนื่องด้วยตอนนี้จะเข้าสู่ยามโหย่วแล้ว (17:00-18:59 น.) กว่าจะเดินทางถึงสวนผลไม้ก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) เพราะเขาเดินทางด้วยเกวียน จึงได้ล่าช้าเช่นนี้ หากเดินทางด้วยรถม้าหรือควบม้าไป คงจะถึงเร็วกว่านี้ . . ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) ก็มาถึงสวนผลไม้ของสกุลเหอ หลี่น่าและเอินเอินที่นั่งอยู่ในรถม้าก็เปิดม่านออก เตรียมลงจากรถม้า “พี่เหิง เห็นใดทำหน้าบูดบึ้งเช่นนั้นเล่า” “หึ เด็กเจ้าเล่ห์ ที่เจ้าอยากให้พี่มาด้วย เพราะจะให้พี่บังคับรถม้าให้เจ้านั่งใช่หรือไม่” ที่เรือนของเขามีรถม้าคันเก่าเหลือไว้ ทว่าไม่มีคนบังคับ ด้วยเหตุนี้ น้องสาวของเขาจึงคะยั้นคะยอให้เขามาด้วย หึ ร้ายกาจนักนะ!!! “ฮ่าๆ ข้าหวังดี อยากให้พี่เหิงได้สูดอากาศด้านนอกต่างหาก ด้านในอุดอู้จะตายไป ใช่หรือไม่เอินเอิน” “คิกๆ เป็นอย่างที่คุณหนูว่าเจ้าค่ะ” หลี่น่าและสาวใช้ตัวน้อยพากันปิดปากหัวเราะคิกคัก จนเหิงเยว่ถึงกับส่ายหัวให้กับความแสบซนของน้องสาว กระนั้นการที่หลี่เอ๋อร์ของเขามีท่าทีเช่นนี้ ช่างดีนัก…ดีกว่ากลับไปเศร้าโศก แม้จะจดจำเรื่องราวก่อนหน้าไม่ได้ก็ช่างมันเถิด เขาและครอบครัวพร้อมจะบอกเล่าให้นางฟังทุกสิ่งอยู่แล้ว “เห้อ! มาๆ พี่อุ้มเจ้าลง ฮึบ!” “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” “ว่าแต่เจ้าผอมลงหรือไม่ ปกติยามพี่อุ้มเจ้าลงจากรถม้า หลังพี่ต้องปวดแล้ว” “หึ หากพี่เหิงยังไม่หยุดพูด หลังท่านจะหักเพราะถูกข้าทุบ” หลี่น่าชูกำปั้นให้พี่ชาย ก่อนทั้งสามจะหัวเราะร่า และพากันเดินเข้าไปในสวน เรื่องน้ำหนักตัวของหลี่น่า คงจะเป็นอย่างที่พี่ชายนางว่า เพราะนางเองก็รู้สึกคล่องตัวขึ้น ไม่เสียแรงที่จำคลิปวิดีโอออกกำลังกาย ของยูทูปเบอร์ชื่อดังได้ หากออกกำลังกายและลดอาหารไปด้วย อีกไม่นานนางก็จะคล่องตัวมากกว่านี้ แต่ขออย่าให้หน้าอกกับบั้นท้ายอันใหญ่โตนี่ลดไปด้วยเลย ฮ่าๆ “นี่ขอรับ สาโทที่ข้าหมักเอาไว้ สิบไหนี้พร้อมดื่มแล้วขอรับ ส่วนอีกสิบไหนั้นยังต้องรอเติมน้ำอีกรอบขอรับ” หลี่น่ามองไปยังทิศทางที่พ่อบ้านชี้ ก็พบกับไหสุรามากมายวางเรียงรายกันอยู่ “ท่านลุงไม่มีเครื่องกลั่นใช่หรือไม่เจ้าคะ” การที่ท่านลุงทำสาโทไว้ดื่มเองจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะสาโทเป็นหนึ่งในสุราแช่ที่ใช้ข้าวมาหมักกับลูกแป้งแล้วเกิดเป็นสาโทขึ้นมา โดยจะไม่ได้ผ่านการกลั่น จึงได้สาโทที่มีกลิ่นออกเปรี้ยว ติดความหอมของข้าวมาเพียงนิด ทั้งจะมีฤทธิ์ที่อ่อน มีรสชาตินุ่ม และดื่มง่าย แต่ข้อเสียคือไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน โรงสุราจึงมักจะใช้สุราที่ผ่านการกลั่นมาขายเสียมากกว่า “ใช่ขอรับ เครื่องมือที่ใช้ในการกลั่นสุรา ต้องใช้เงินทองมากพอตัว กว่าจะสร้างขึ้นมาได้ขอรับ ทั่วเมืองหลวงมีเพียงโรงสุราในตัวเมืองเท่านั้นที่มีโรงกลั่น” “เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็คิดอยู่ว่าเหตุใดมิมีโรงสุราอื่น” “หลี่เอ๋อร์ พี่อยากชิมสาโทแล้ว” เหิงเยว่สะกิดแขนน้องสาว “เหอะ ที่พี่เหิงยอมมากับข้าก็เพราะเรื่องนี้สินะ…รบกวนท่านลุงตักให้พี่ชายข้าสักจอกเถิด” หลี่น่าเอ่ยแหวะเหิงเยว่ ก่อนจะหันมาบอกท่านลุงเหวินจง “นี่ขอรับคุณชาย ส่วนนี่เป็นของคุณหนู” เมื่อได้รับสาโทมา สองพี่น้องก็ลองชิมทันที ทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน “รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก” “แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย” “จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่ “ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไป หลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา “ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิม ทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด “เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่มากพอจะให้ทุกคนได้ชิม ก็ล่วงเลยมาเกือบสองเค่อ (30 นาที) “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ สุราหวาน พี่เหิงลองชิมดู ท่านลุงกับเอินเอินก็ด้วย” ทั้งสามยกสุราหวานที่หลี่น่าทำ ขึ้นมาดื่ม เพียงสัมผัสแรกก็ทำให้ทั้งสามตื่นตะลึงกับรสชาติที่แปลกใหม่ ทว่ากลับมีความกลมกล่อม “รสดียิ่งเจ้าค่ะคุณหนู ไม่ขมเฝื่อนคอเลยสักนิด บ่าวชอบยิ่งนักเจ้าค่ะ” เอินเอินที่เคยได้ยินว่าสุรามีรสขม พอมาชิมสุราหวานที่คุณหนูของนางทำกลับต้องเปลี่ยนความคิด “พี่เห็นด้วย เมื่อครู่ที่ชิมสาโทเปล่าๆ ยังรู้สึกถึงรสเฝื่อนอยู่บ้าง แต่ที่เจ้าทำ แทบจะสัมผัสไม่ได้เลย” “แท้จริงแล้วหากว่าใส่น้ำเชื่อมลงไปอีกนิด จะทำให้มีรสหวานขึ้นมา แต่ที่ข้าทำจะออกไปทางเปรี้ยวเล็กน้อย” หากว่ามีน้ำเชื่อมคงจะทำให้รสหวานละมุนกว่านี้ “หากว่าเหล่าสตรีในห้องหอได้ลองดื่ม คงจะชมชอบไม่น้อยขอรับ แต่สุราหวานที่คุณหนูทำ อาจจะไม่เหมาะกับชายหนุ่มสักเท่าใด เพราะดูเหมือนว่าฤทธิ์ของสุราจะอ่อนลงมาก” “ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ หากว่าใช้สาโทมากขึ้น จะทำให้มีฤทธิ์แรงขึ้นด้วย ไม่แน่ว่าบุรุษอาจจะชื่นชอบ” “เป็นความคิดที่ดียิ่งนักขอรับ” หลี่น่าฉีกยิ้มกว้าง เห็นทีลู่ทางสู่ความรวยของนางจะอยู่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น “เช่นนั้น ทุกวันจากนี้ ข้า เอินเอิน และพี่เหิงจะมาจัดการเรื่องคั้นน้ำผลไม้นะเจ้าคะ” “ได้ขอรับ แล้วคุณหนูจะให้ข้าน้อยทำสิ่งใดหรือไม่” “ท่านเพียงหมักสาโทไว้ให้ข้าก็พอ ข้าจะนำไปวางตลาดในอีกสิบห้าวันข้างหน้า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD