พอคีรินและชลธิชานั่งรถออกมาด้วยกันชลธิชาก็นั่งเงียบไม่รู้จะชวนเขาพูดอะไร เพราะเธอเห็นหน้าเขาแล้วก็อดที่จะนึกถึงสิ่งที่พี่สาวของเธอทำกับเขาไม่ได้ เขาเองก็ดีกับเธอ เธอก็ยังมาช่วยพี่สาวโกหกเขาอีก มันก็ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้
“เป็นอะไรธิชา ทำไมนั่งเงียบแบบนี้ล่ะ ปกติเราพูดเก่งออก หรือว่าเพราะเรื่องเมื่อกี้…” คีรินเอ่ยถามเธอไปขณะที่เขาขับรถ
“อ่อ เปล่าค่ะเรื่องเมื่อกี้ธิชาไม่คิดจะเอามาใส่ใจหรอกค่ะ…แต่ที่ธิชานั่งเงียบแบบนี้เพราะธิชากำลังคิดถึงเรื่องเพื่อนคนหนึ่งของธิชาน่ะค่ะ เพราะธิชาดันไปรู้ความลับของเขามาแบบไม่ตั้งใจ…แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องดีด้วย ธิชาก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงน่ะค่ะ” ธิชาพูดเปรียบเปรยออกไปแล้วเธอก็แลสายตาไปมองคีรินอย่างอดไม่ได้
“เรื่องไม่ดีงั้นเหรอ เรื่องอะไรล่ะถึงทำให้ธิชาเครียดแบบนี้ ถ้าเราไม่ซีเรียสก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ บางทีพี่อาจจะมีคำแนะนำอะไรให้ธิชาได้บ้างก็ได้..ธิชาจะได้ไม่เครียดแบบนี้…อีกอย่างพี่ก็ไม่รู้จักเพื่อนของธิชาด้วย พี่ก็ไม่เอาไปเล่าให้ใครฟังหรอก” คีรินพูดบอกไปด้วยเสียงอ่อนโยน หากเธอระบายให้เขาฟังบางทีเขาอาจจะช่วยให้เธอสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
“ค่ะพี่คีริน….คือว่าเพื่อนสนิทของธิชาเขาแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ…แต่ว่าเขาแอบไปมีความสัมพันธ์กับแฟนเก่าของเขาน่ะค่ะ แล้วธิชาก็แนะนำให้เขาไปสารภาพกับแฟนเขาค่ะ พี่คีรินคิดว่าถ้าเพื่อนของธิชาไปสารภาพความจริงกับสามีของเขา แล้วเขาจะให้อภัยเพื่อนธิชาไหมคะ” ชลธิชาพยายามพูดออกไปอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเพราะเธออยากจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องนี้
“อืม…เรื่องแบบนี้มันพูดยากนะธิชา มันก็อยู่ที่ความคิดของสามีเพื่อนของธิชานะว่าเขาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นพี่พี่ก็คงรับไม่ได้หรอก ที่เมียตัวเองไปมีอะไรกับคนอื่นโดยเฉพาะกับแฟนเก่าอะไรแบบนี้ มันก็ยิ่งไม่น่าให้อภัยเลย ต่อให้เขาจะมาสารภาพผิดยังไงก็เถอะ” คีรินพูดไปอย่างออกความคิดเห็นของเขาในฐานะผู้ชาย
“พี่คีรินคิดแบบนั้นเหรอคะ…” ชลธิชาได้ยินคีรินพูดออกมาแบบนั้นก็ยิ้มหน้าเจือนๆออกมาทันที เพราะคำพูดของเขามันทำให้เธอไปต่อไม่เป็นเลย
“ใช่…เพราะคนเราน่ะตกลงที่จะแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้วก็ต้องซื่อสัตย์กับคนรักของตัวเองสิ ถ้าเพื่อนธิชาสามารถนอกใจนอกกายไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นได้ นั่นก็หมายความว่าเพื่อนของธิชาน่ะเขาไม่ได้รักสามีของเขาจริงๆหรอก เพราะคนรักเขาจะไม่ทำกันอย่างนี้… ธิชาเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” คีรินพูดเสริมต่อไปให้ธิชาเข้าใจแบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ธิชาเข้าใจค่ะพี่คีริน…แต่ธิชาคงต้องปล่อยให้เพื่อนของธิชาจัดการกับชีวิตของตัวเองแล้วล่ะค่ะ ธิชาคงทำได้แค่รับฟังคงแนะนำอะไรเขาไม่ได้หรอกค่ะ..” ชลธิชาได้ยินแบบนั้นก็พูดตอบไปทันที เพราะเธอรู้เลยว่าถ้าพี่สาวของเธอไปสารภาพกับคีรินแล้ว คีรินคงหย่ากับพี่สาวของเธอแน่ๆฟังจากที่เขาพูดซะขนาดนี้แล้ว
“ดีแล้ว…อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย ปล่อยให้พวกเขาจัดการกับชีวิตของพวกเขาไป เราน่ะต้องจัดการกับชีวิตตัวเองมากกว่า…ตอนนี้ก็ไม่ได้อายุน้อยๆแล้วนะ เราควรจะมองหาใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตได้แล้ว หยุดเที่ยวบาร์โอสต์เอาเงินไปเปย์ผู้ชายได้แล้วเราน่ะ…” คีรินพูดบอกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะได้ยินภรรยาของเขาบ่นเรื่องที่น้องสาวนั้นชอบไปเที่ยวบาร์โอสต์ให้เขาฟังบ่อยๆ
“หึๆ ธิชาก็แค่หาความสุขนิดๆหน่อยๆเองค่ะ ก็เด็กหนุ่มๆมันน่ารักมันเอาใจเก่งนิคะ…อีกอย่างคู่ชีวิตน่ะหาตอนไหนก็ได้ค่ะ ไว้ธิชาเบื่อแล้วค่อยหาค่ะ ตอนนี้ขอธิชาดื่มด่ำกับชีวิตอิสระให้เต็มที่ก่อนสิคะ…”ชลธิชาเจอคีรินพูดแบบนั้นใส่ก็อายเลยทีเดียว แต่เธอชอบชีวิตแบบนี้จะให้เธอทำยังไงล่ะ
“เฮ้อ…เรานี่นะไม่เหมือนแพรเลยสักนิด เป็นพี่น้องกันแท้ๆแต่ต่างกันแบบสุดขั้วเลย…” คีรินพูดออกไปแบบอดไม่ได้ เพราะภรรยาของเขาน่ะอ่อนโยนเรียบร้อยไม่กล้าทำแบบที่ชลธิชาทำแน่ๆ
“ค่ะ…” ชลธิชาได้ยินแบบนั้นก็อยากจะพูดใส่เขาจริงๆว่าเธอน่ะแค่เที่ยวบาร์โฮสต์ใช้เงินกับผู้ชายสนุกๆ แต่พี่สาวเธอน่ะมีชู้เลยนะ
จากนั้นไม่นานก็ถึงคอนโดของชลธิชา คีรินก็ให้ชลธิชาขึ้นไปห้องพักของเธอเลย แล้วเขาก็เดินออกมาเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านของเขาเพราะตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เขาควรจะกลับไปนอนกอดเมียเขาได้แล้ว…
ณ บ้านของคีริน
“มาแล้วเหรอคะ…เป็นยังไงบ้างคะวันนี้ คุณตกลงทำธุรกิจกับคุณสเตฟานเขาได้ไหมคะ… ” แพรไหมเอ่ยถามคีรินไปเมื่อเขานั้นเข้ามาในห้อง เพราะเขาบอกว่าจะไปดินเนอร์กับลูกค้าแล้วจะกลับมาตอนทุ่มกว่าๆ แต่นี่มันจะถามทุ่มแล้วเขาพึ่งกลับ
“อืมได้สิ…อย่างผมจะมีพลาดเหรอกคุณ…แต่คงต้องคุยกันอีกครั้งตอนเซ็นสัญญา เพราะผมปลีกตัวออกมาหาธิชาเขาก่อนน่ะ” คีรินพูดออกไปแล้วเขาก็ถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออกแล้วดึงเนคไทตามออกไป
“นี่คุณเจอธิชาเหรอคะ” แพรไหมเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะมองเขาอย่างจดจ้อง นี่น้องสาวของเธอไปหาเขาอย่างนั้นเหรอ แพรไหมคิดในใจอย่างกังวลว่าน้องสาวของเธอจะไปพูดอะไรกับเขา
“เป็นอะไรคุณ ผมเจอธิชาเขาแค่นี้ทำไมคุณต้องทำท่าทางตกใจขนาดนี้ด้วยหึ…” คีรินมองหน้าภรรยาของเขาแล้วมองอย่างแปลกใจ
“อ่อ ฉันก็แค่แปลกใจน่ะค่ะที่คุณเจอน้องสาวของฉัน ธิชาเขาไปหาคุณเหรอคะ” แพรไหมเอ่ยถามออกไปแล้วทำหน้านิ่งๆไปแบบไม่แสดงพิรุจอะไร
“เปล่า ธิชาเขาไม่ได้มาหาผม แต่เขาไปนั่งดื่มที่บาร์ที่เดียวกับที่ผมไปคุยงานน่ะ แล้วบังเอิญว่าเขาถูกผู้ชายเข้าไปลวนลามผมก็เลยเข้าไปช่วยน้องสาวคุณออกมา แล้วผมก็พาไปส่งที่คอนโดแล้วก็กลับมานี่แหละ…” คีรินพูดอธิบายออกไปตามความจริง
“นี่ธิชาโดนผู้ชายลวนลามเหรอคะ แล้วธิชาเป็นยังไงบ้างคะคุณคีริน…” แพรไหมได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าตกใจทันที เพราะเธอไม่คิดว่าน้องสาวจะเจอผู้ชายมาลวนลามอย่างนั้น โชคดีนะที่คีรินอยู่ตรงนั้นด้วย ไม่งั้นน้องสาวของเธอจะทำยังกัน
“ก็ปลอดภัยแล้วล่ะ ดีว่าผมเข้าไปช่วยทันมันก็เลยไม่ได้ลวนลามอะไรมาก ต่อไปคุณก็เตือนธิชาเขาหน่อย อย่าให้เขาเที่ยวดึกดื่นคนเดียวมันอันตราย…” คีรินพูดบอกไปอย่างอดห่วงไม่ได้จึงให้ภรรยาของเขาไปเตือนเธออีกที เพราะเธอน่าจะฟังพี่สาวของเธอมากกว่าเขาที่เป็นพี่เขย
“ค่ะ แล้วฉันจะเตือนธิชานะคะ แล้วธิชาเขาได้พูดอะไรกับคุณเรื่องฉันไหมคะ..” แพรไหมพยักหน้าตอบไปก็เอ่ยถามเขาอย่างลุ้นๆ
“ก็ไม่นะ ธิชาเขาก็ไม่ได้พูดอะไรถึงคุณนะ มีอะไรหรือเปล่าไหม” คีรินตอบไปแล้วเอ่ยถามเธออย่างสงสัย
“อ่อ เปล่าค่ะไม่มีอะไรค่ะ ฉันก็แค่ถามไปเท่านั้นแหละค่ะ พอดีวันนี้ตอนไปเจอธิชาเราสองคนพี่น้องคุยเรื่องจะเตรียมตัวต้อนรับลูกของเขาน่ะค่ะ ฉันก็นึกว่าธิชาจะไปพูดอะไรอีก เพราะเดี๋ยวคุณจะไม่เซอร์ไพร์ส” ปพรไหมพูดแถไปแบบเนียนๆเพื่อไม่ให้คีรินนั้นสงสัย
“อ่อ ผมก็นึกว่าอะไร นี่คุณกับธิชาจะทำอะไรเซอร์ไพร์สผมงั้นเหรอ…” คีรินเข้าไปนังที่เตียงแล้วมองเธอด้วยรอยยิ้มรักใคร่
“บอกก็ไม่ใช่เซอร์ไพร์สน่ะสิคะ คุณรอวันที่คลอดลูกดีกว่าค่ะ…” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้ม ทั้งที่จริงเธอไม่ได้มีเซอร์ไพร์สอะไรเลย แต่แค่พูดเอาตัวรอดตอนนี้เท่านั้น
“หึๆ โอเค ผมจะรอดูเซอร์ไพร์สของคุณก็แล้วกันนะ แต่ตอนนี้ขอผมพูดกับลุกหน่อย วันนี้ผมคิดถึงคุณกับลูกทั้งวันเลยรู้ไหม ต่อไปคุณอย่าออกไปไหนคนเดียวแบบนี้อีกนะ คุณใกล้คลอดแล้วด้วยมันอันตราย…ถ้าคุณไปน้ำคล่ำแตกข้างนอกจะทำยังไงกัน” คีรินพูดบ่นออกไปก็ไปนอนที่ตักของแพรไหมอย่างอ้อนๆเธอ แล้วเขาก็หันหน้าไปทางลูกน้อยแล้วเอามือลูบหน้าท้องใหญ่อย่างมีความสุข
“เข้าใจแล้วค่ะ…ต่อไปไม่ออกไปแล้วค่ะ…” แพรไหมพูดตอบไปก็ก้มมองเขาเอาหน้าถูกที่ท้องของเธอด้วยรอยยิ้ม เพราะคีรินนั้นอ่อนโยนและดูตื่นเต้นกับการที่จะมีลูกมาก จนเธอนั้นรู้สึกผิดที่เธอเอาลูกของภัคพลมายัดเหยียดให้เป็นลูกของเขา แต่เธอก็ไม่สามรถที่จะเปิดเผยความจริงออกไปได้จนกว่าภัคพลคนรักของเธอจะตั้งตัวได้
หนึ่งเดือนต่อมา…ณ โรงพยาบาล…
แพรไหมก็คลอดลูกชายออกมาหน้าตาหน้ารักน่าชังมากๆ ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวที่ต่างพากันมาให้ของขวัญรับขวัญหลานแบบไม่มีใครน้อยหน้าใครเลย โดยเฉพาะพ่อแม่ของคีรินที่ถึงกับมอบที่ดินราคาหลายสิบล้านให้หลานเลย
“คุณคณิน ดูสิคะ หลานเราหน้าตาน่ารักมากเลยค่ะคุณ…” รังรองพูดออกไปในขณะที่เธอนั้นอุ้มหลานชายตัวน้อยของเธออยู่อย่างตื่นเต้นดีใจ
“อืม…ผมเห็นแล้วคุณ หน้าหลานเราออกไปทางตี๋ๆจัง ดูสิ…ตาชั้นเดียวเลย…พ่อแม่ก็ตาสองชั้นกันทั้งคู่เลยนะคุณ…” คณินพูดออกไปแล้วมองหน้าของหลานชายไปแบบพิจารณาว่าจะหน้าตาเหมือนใครระหว่างลูกชายของเขาและลูกสะใภ้
แพรไหมได้ยินแบบนั้นก็สะอึกในใจจนหน้าที่ยิ้มอยู่นั้นหุบยิ้มไปทันที ที่ได้ยินพ่อของคีรินพูดมาแบบนั้น แล้วเธอก็มีความกังวลขึ้นมาทันที เพราะลูกชายของเธอนั้นหน้าออกแนวๆตี๋ไปทางภัคพลจนเธอกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าลูกของเธอไม่ใช่ลูกของคีริน
“หลานพึ่งคลอดได้สองวันนะคะคุณ หน้าตาก็ยังไม่เต็มอิ่มสิคะ โตอีกหน่อยหน้าตาก็คงจะชัดเจนว่าเหมือนคีรินหรือเหมือนหนูไหมแล้วล่ะค่ะ…แต่ฉันว่าหน้าตาไปทางหนูไหมมากกว่านะคะเนี่ย ดูสิ ปากนิด จมูกหน่อยน่ารักเชียว…” รังรองพูดออกไปด้วยเสียงอ่อนโยน แล้วมองหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดู
“หนูก็ว่าเหมือนหนูค่ะคุณแม่…แต่คุณแม่ของหนูบอกว่าหลานหน้าเหมือนคุณตาของคุณหนูค่ะ…ตาหยีๆแบบนี้แม่บอกว่าเหมือนคุณตามากค่ะ…” แพรไหมพูดออกไปแบบเนียนๆแล้วก็ยิ้มออกไป
“อ๋อเหรอจ้ะ…คนนี้เหมือนหนูงั้นคนต่อไปแม่ว่าต้องเหมือนคีรินแน่ๆเลย….เดี๋ยวเคนโซ่ได้สักหกเดือนหนูก็ปล่อยมีลูกอีกคนเลยนะ มีอายุไล่เลี่ยกันน่ะกำลังดีเลยลูก…” รังรองพูดแนะนำออกไปเพราะอยากจะให้แพรไหมและคีรินนั้นมีลูกไล่เลี่ยกันอย่างที่เธอมี
“พ่อว่าก็ดีเหมือนกันนะ ที่บ้านเราจะได้มีเด็กๆมาวิ่งเล่นครึกครื้นอีกหน่อย…” คณินพูดบอกไปเพราะถ้ามีหลานหลายๆคนเขาว่ามันคงจะสนุกดี เพราะเขาและภรรยาก็อยู่บ้านกันแบบเหงาๆ
“ใจเย็นครับคุณพ่อคุณแม่…ให้ผมกับไหมได้ลองเลี้ยงลูกดูก่อนสิครับ ก่อนที่ลูกของผมจะโตไปวิ่งเล่นกับพ่อได้น่ะ มันไม่ได้ง่ายเลยนะครับ ” คีรินพูดออกไปขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ได้ยินที่พ่อแม่เขาพูด เขาก็ตอบพวกท่านไปทันที
“ก็พ่อเหงานิ มีหลานหลายๆคนสิจะได้มีชีวิตชีวากับเขาหน่อย” คณินพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้ลูกชายที่พึ่งเข้ามาทันที
“พ่อก็เลี้ยงเจมีให้คิมอยู่แล้วนิครับ พ่อยังจะเหงาอีกเหรอ” คีรินพูดไปเพราะพ่อของเขาก็เลี้ยงเจมีลูกของคิรากรพี่ชายของเขาอยู่ เขาคิดว่าท่านก็ไม่น่าจะเหงาแล้วนะ เพราะเจมีน่ะสี่ขวบกว่าๆแล้วแล้วก็พูดเก่งมากเลยด้วย
“ก็นั่นมันหลานสาว พ่อก็อยากมีหลานชายแสบๆหน่อยสิวะ แล้วนี่ไปไหนมาหึ เมียพึ่งคลอดลูกยังจะไปทำงานอยู่อีกเหรอ ไหนบอกว่าแกจะลายาวไง…” คณินพูดออกไปแล้วมองลูกชายด้วยสีหน้าจดจ้อง
“ผมก็ลายาวนั่นแหละครับ แต่ว่าวันนี้ผมนัดเซ็นสัญญากับคุณสเตฟานเขาไว้แล้ว ผมจะไม่ไปได้เหรอครับพ่อ..” คีรินพูดบอกไปเพราะเขานั้นเลี่ยงไม่ได้
“แล้วเราไปทำงานแบบนี้ใครใครจะมาอยู่เป็นเพื่อนหนูไหมเขาหึ…เดี๋ยวแม่กับพ่อก็ต้องกลับแล้วนะ” รังรองพูดออกไปเพราะถ้าพวกเธอกลับแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนแพรไหม
“อ่อ เดี๋ยวน้องสาวของไหมมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ คุณแม่คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวธิชาก็น่าจะมาแล้วค่ะ เมื่อกี้ไหมโทรหาธิชาก็ลงจากเครื่องมาที่นี่แล้วค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้ม
“ดีแล้วล่ะที่หนูธิชามาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ แล้วนี่หนูธิชาเขาไปไหนมาเหรอลูก” รังรองตอบไปก็เอ่ยถามทันที
“ธิชาไปงานเปิดตัวเครื่องสำอางคอลเลคชั่นใหม่ที่เกาหลีน่ะค่ะคุณแม่…” แพรไหมพูดบอกไปด้วยรอยยิ้ม
“อืม…หนูธิชานี่เก่งมากเลยนะ ทำงานช่วยพ่อแม่จนธุรกิจมั่นคงและก็ก้าวหน้าไปไกลเลย…น่าภูมิใจแทนคุณชลเทพกับคุณพานทองจริงๆที่มีลูกสาวเก่งอย่างนี้…” รังรองพูดออกไปอย่างชื่นชมเด็กสาว เพราะเขาได้ยินชื่อเสียงของชลธิชามาบ้าง ถือว่าเธอเป็นเด็กสาวที่ทำงานเก่งพอตัวเลย
“ค่ะคุณแม่…ธิชาเขาเก่งมาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ หนูเองก็ภูมิใจในตัวธิชามากเหมือนกันค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปเพราะน้องสาวของเธอนั้นเก่งจริงๆจนเธอนั้นยอมรับเลยว่าเธอเองก็ยังสู้น้องสาวไม่ได้เลย
“ไหม…เดี๋ยวผมต้องไปแล้วคุณอยู่กับพ่อแม่ของผมไปก่อนนะ…แล้วผมจะรีบกลับมา…” คีรินพูดบอกไปเพราะเขาต้องไปให้ทันนัดสำคัญนี้
“ค่ะ ขอให้ทุกอย่างราบรื่นนะคะคุณคีริน..ฉันกับลูกจะรอค่ะ…” แพรไหมพูดไปแล้วก็ยิ้มให้เขาไปอย่างอ่อนโยน
“พ่อไปก่อนนะลูก แล้วพ่อจะรีบกลับมาหานะครับคนเก่ง…อย่าร้องไห้โยเยนะ….จุ๊บ…” คีรินเข้าไปหาแม่ของเขาที่อุ้มลูกชายของเขาอยู่ แล้วก็พูดออกไปแล้วก้มลงหอมลูกชายอย่างรักใคร่เลยทีเดียว
จากนั้นเขาก็เดินออกไปแล้วพ่อแม่ของคีรินก็อยู่เป็นเพื่อนแพรไหมจนพยายามมาเอาเด็กไปให้หมอตรวจ ทั้งสองจึงขอตัวกลับแล้วให้แพรไหมนั้นพักผ่อน เพราะชลธิชานั้นใกล้จะมาถึงโรงพยายาบาลพอดี
ผ่านไปยี่สิบนาที
ชลธิชาก็มาเยี่ยมพี่สาวของเธอที่โรงพยาบาลแต่พอมาถึงพี่สาวของเธออยู่ในห้องคนเดียว เธอก็เข้าไปเอ่ยถามอาการของพี่สาวอย่างเป็นห่วงเพราะพี่สาวของเธอพึ่งคลอดลูกไปเมื่อสองวันก่อน และเธอก็รอเจอหลานตัวน้อยของเธอ จนพยาบาลพาหลานเธอเข้ามา เธอก็รีบลุกไปดูแล้วให้พยาบาลนั้นสอนอุ้มหลานอย่างระมัดระวังเลยทีเดียว…
“หลานตัวเล็กมากเลยค่ะพี่ไหม..ธิชากลัวหลานตกจังเลยค่ะ ธิชาว่าธิชาไปนั่งดีกว่า…พรึบ..หลานน่ารักจังเลยค่ะพี่ไหม…ดูสิคะ หลานยิ้มให้ธิชาด้วยค่ะ…” ชลธิชาพูดออกไปแบบไม่มั่นใจ เธอก็ไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงพี่สาวของเธอ แล้วก็อุ้มหลานไปอย่างระมัดระวัง แล้วเธอก็ก้มมองหน้าหลานไปด้วยรอยยิ้ม
“หึๆ…สงสัยจะอ้อนน้าให้หลงล่ะมั้ง…แล้วนี่งานที่เกาหลีเป็นยังไงบ้าง พี่เห็นเราไปหลายวันเลย เรียบร้อยดีใช่ไหม” แพรไหมมองลุกชายเธอยิ้มให้ชลธิชาก็ยิ้มแล้วพูดออกไป ก่อนจะเอ่ยถามน้องสาวของเธอ
“ก็เรียบร้อยดีค่ะ พอดีรอบนี้เนยกับส้มโอไปด้วยน่ะค่ะ ธิชาก็เลยพากันเที่ยวเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ ก็ย่านคังนัมตอนนี้มันคึกคักมาเลย ” ชลธิชาพูดบอกไปเพรางานน่ะเสร็จตั้งแต่วันแรกแล้ว ที่เหลือคือเที่ยวต่างหาก
“ไปเที่ยวหนุ่มๆบาร์โฮสต์มาอีกล่ะสิ….เรานี่นะหาเงินมาเปย์ผู้ชายแบบนี้ไม่เสียดายหรือไง..” แพรไหมพูดบ่นน้องสาวออกไปอย่างรู้ทัน
“เสียดายทำไมล่ะคะ ก็เราหาเงินมาให้ความสุขกับตัวเองนิคะ เราคิดซะว่าเราช่วยน้องๆเขาให้มีรายได้สิคะพี่ไหม…หนุ่มเกาหลีแต่ล่ะคนอ่ะงานดีๆทั้งนั้น ไปทั้งทีก็ต้องไปใช้เงินสักหน่อยสิคะ…” ชลธิชาพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะมันสนุกนะเวลาที่ดื่มกับพวกหนุ่มๆที่มาเอนเตอร์เทรนเราน่ะ ใครไม่ลองไม่รู้หรอกว่ามันดีต่อใจแค่ไหนกับสาวโสดอย่างเธอน่ะ
“ก๊อกๆ…ก๊อกๆ….ใครมาอีกล่ะคะเนี่ย…เมื่อกี้พี่ไหมบอกเขากลับกันไปแล้วไหม่ใช่เหรอคะ” ชลธิชาพูดออกไปแล้วก็หันไปมองทางประตูห้องอย่างสงสัยว่าใครมา เพราะเมื่อกี้พวกครอบครัวของคีรินก็พากันกลับไปแล้ว เธอถึงได้เข้ามา และมันต้องไม่ใช่พ่อแม่ของเธอแน่เพราะพวกท่านไปทำบุญที่เชียงใหม่เมื่อเช้า
“คงจะเป็นเพื่อนพี่ล่ะมั้ง…” แพรไหมก็ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้ แต่ก็น่าจะเป็นเพื่อนๆของเธอล่ะมั้ง
“พี่ภาม…” เสียงของชลธิชาเอ่ยพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่ประตูที่เปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่แบบตี๋ๆของภัคพลที่เดินเข้ามา มันก็ทำให้ชลธิชานั้นมองอย่างอึ้งๆเลย เพราะไม่คิดว่าภัคพลจะมาหาพี่สาวของเธออย่างโจ่งแจ้งแบบนี้…