ตอนที่ 7
ปฎิบัติการล้วง ( ความ ) ลับตับแตก
“ทำอะไรของเธอเนี่ย โถ…กระจกลูกพ่อ ไม่แตกใช่มั้ย”
ออร์คัสเดินกะเผลกๆมาลูบคลำกรจกของประตูระเบียงตัวเองด้วยความเป็นห่วง ที่ควรห่วงมันคือฉันไม่ใช่เหรอ กระจกนายมันไม่แตกหรอกย่ะ ที่จะแตกน่ะหน้าผากของฉันต่างหาก โอ๊ยยยย TOT
“ฉันชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าคืนนี้ใครจะดูแลใคร เฮ้อ…”
ขอโทษแล้วกันย่ะที่ฉันมันซุ่มซ่ามแล้วก็ซื่อบื้อซะจนไว้ใจไม่ได้ คิดถูกหรอคิดผิดกันนะที่ยอมมาดูแลเขาเพียงเพื่อจะขโมยไพ่ดูๆไปแล้วฉันต้องอกแตกตายก่อนจะได้มาไพ่แหงๆ TOT
กว่าจะหายมึนจากการโขกกับประตูระเบียงอย่างแรง ฉันก็ต้องนั่งทำสมาธิอยู่คนเดียวเกือบสิบนาที ถ้าจะถามถึงความมีน้ำใจของคนที่นอนกระดิกเท้าดูทีวีสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงล่ะก็…หึ! มันไม่มีกับเขาหรอก ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามว่าฉันเจ็บตรงไหน คิดแล้วเจ็บใจตัวเองที่ไปหวั่นไหวให้เขาตั้ง 40% TT^TT
“หายมึนแล้วเหรอ งั้นก็ดีเลย นวดไหล่ให้หน่อยสิ ขาเจ็บแบบนี้เลยนั่งได้อยู่ท่าเดียว เมื่อยไปหมดแล้ว”
มันน่าปล่อยให้เมื่อยตายไปเลยดีมั้ย ฉันได้แต่ฟึดฟัดฮึดฮัดสะบัดหน้าเชิดสามร้อยหกสิบองศาอยู่คนเดียว ไร้ซึ่งการได้รับความสนใจจากร่างสูง ก่อนจะเดินเซ ( ยังมึนอยู่หน่อยๆ T_T ) ขึ้นไปหาเขาบนเตียง
ชะอุ๊ย…ใช้คำน่าคิดลึก -..-
“ปวดตรงไหนอ่ะ ตรงนี้เหรอ?”
ฉันชะโงกหน้าไปถามออร์คัสที่กำลังหัวเราะคิกคักกับรายการตลอกในทีวี เขาเขยิบตัวออกไปด้านหน้าเว้นที่พอให้ฉันสอดตัวเข้าไปนั่งชันเข่าอยู่ด้านหลังเขาเพื่อนวดไหล่ จะว่าไป…เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นผู้ชายคนอื่นนอกจากพี่ชายในเสื้อกล้ามบางเบาเห็นเนื้อหนังมังสาชัดเจนแบบนี้ =//////=
“แถวๆไหปลาร้าอ่ะ ต้นคอด้วยนะ ปวดจะตายอยู่แล้ว อย่างกับมีใครขี่คออยู่งั้นแหละ”
ชัตเตอร์หรือเปล่าวะ =_=;
“อืม…”
ผ่านไปสักพัก คนตรงหน้าก็เริ่มส่งเสียงครางเบาๆในลำคอ ไอ้รายการตลกในทีวีถูกเมินไปทันที อยากจะบ้าตาย ครางหาทศกัณฑ์อะไรมิทราบยะ T/////T
“อื้อ…ตรงนี้อีกนิด อ่า…ยังงั้นแหละ โอ้วววว”
“นะ…นี่นาย -_-;”
“อะไรเหรอ โอ้ววว อย่างนั้นแหละ อ้า…”
“หยุดส่งเสียงประหลาดๆสักทีได้มั้ยเนี่ยยย ฉันไม่มีสมาธิจะนวดแล้วนะ T//////T”
“ทะ…ทำไมล่ะ ก็มันสบายจริงๆนี่นา อื้อ…เธอนี่นวดเก่งจริงๆเลยนะ”
ถ้าใครมาได้ยินบทสนทนานี้เข้าคงไม่มีใครคิดว่ามันคือการนวดไหล่หรอก พวกเขาต้องคิดว่าฉันกับออร์คัสกำลังจ้ำบ๊ะกันแน่ๆ TOT//
“อย่าเพิ่งหยุดสิ! นวดต่อไป ฉันกำลังฟิน -.,-“
เอาเถอะ…ถือซะทำเพื่อไพ่โพธิ์ดำแห่งความตาย เจ้าปิศาจไนท์แมร์มันให้เวลาเท่าไหร่ฉันก็ยังไม่รู้ ทางที่ดีที่สุดคือฉันต้องรีบ! ก่อนที่จะเผลอตัวปล่อยไก่จนออร์คัสจับพิรุธได้ ถ้าหากเขารู้ว่าฉันมีจุดประสงค์ร้ายต่อไพ่ของเขาล่ะก็ เหอะๆ ชะตาขาด!
“จริงสิ ก่อนหน้านี้นายเคยบอกว่านักเรียนทุกคนต้องการล่าเนกไทก็เพื่อที่จะขอท้าสู้กับผู้ปกครองเขตแดนคนใดคนหนึ่งเพื่อจะช่วงชิงไพ่ใช่มั้ย”
“ใช่ ไพ่ที่พวกฉันได้ถืออยู่ถือเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองเขตแดนน่ะ มันสำคัญเท่าชีวิตเลยล่ะ”
“แล้ว…แล้วถ้ามันหายไปล่ะ นายจะเป็นอะไรมั้ย”
“หมายความว่ายังไง หายไป?”
“คือฉันหมายถึงถ้ามันเกิดถูกช่วงชิงไปได้น่ะ -_-;”
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะมินมิน จะพูดจะจาอะไรต้องระมัดระวังมากกว่านี้แล้ว ดูท่าออร์คัสจะเป็นพวกฉลาดหลบในซะด้วยสิ เห็นท่าทางไม่ได้เรื่อง แต่ความจริงแล้วก็ระวังตัวแจอยู่ตลอดเวลา
“ถ้ามันถูกช่วงชิงไปได้ฉันก็หลุดจากตำแหน่งผู้ปกครองเขตแดนไง แต่ฉันไม่ยอมให้ใครมาเอาไพ่ฉันไปได้ง่ายๆหรอก ไอ้สามตัวนั้นก็คงคิดเหมือนกัน ถึงได้ซ่อนไพ่เอาไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดเหมือนฉัน”
“แล้วนายเก็บมันไว้ที่ไหนเหรอ O_o”
“…”
“…”
“…”
“…”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกเธอด้วยล่ะ -*-“
ออร์คัสเบี่ยงตัวหลบหันกลับมามองหน้าฉันอย่างจับผิด มือที่กำลังนวดไหล่ให้เขาอยู่ชะงักค้างกลางอากาศ ขุดหลุมฝังตัวเองเป็นรอบที่สองยัยมินมิน TOT
“จะว่าไปตอนแรกที่ฉันเล่าเรื่องพวกนี้ เธอก็ไม่ได้สนอกสนใจอะไรเป็นพิเศษเลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมจู่ๆถึงสนใจขึ้นมาล่ะ”
“ฉะ…ฉันก็แค่หาเรื่องคุยกับนายเท่านั้นเองแหละ ไม่มีอะไรหรอก -_-;”
“แล้วทำไมต้องเหงื่อแตกด้วย - -“
“ก็ร้อนไง -_-;;”
“ฉันเปิดแอร์แค่สิบเก้าองศาเองนะ ยังจะร้อนอีกเหรอ - -“
“คือฉันเป็นพวกขี้ร้อนน่ะ ต้องอุณหภูมิติดลบเท่านั้นฉันถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ -_-;;;”
“เธอเป็นพวกเอสกิโมเรอะ! อย่ามาแถไปเรื่อยนะยัยตัวปัญหา”
ว่าแล้วก็กระชากแขนฉันเข้าหาราวกับฉันเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง จนฉันอดไม่ได้ต้องตวัดสายตาไม่พอใจส่งไปให้เขาบ้าง
“อะไร มองหน้าฉันแบบนี้กำลังด่าฉันอยู่ในใจใช่มั้ย!”
ก็มันน่าให้ด่ามั้ยล่ะ!
“ปะ…เปล่าสักหน่อย”
แต่นี่คือความจริงที่ฉันตอบออกไป TOT
“ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ พยุงไปหน่อย”
“เอ๊ะ?”
“ทำไม จะไม่ช่วยเหรอ? ให้ฉันคลานไปงั้นสิ -*-“
คนเขาแค่สงสัยว่าทำไมจู่ๆถึงเลิกซักไซ้แล้วเปลี่ยนเรื่องแค่นั้นเอง ต้องมาทำพูดจาแดกดันใส่กันด้วย มันน่าปล่อยให้คลานไปเองจริงๆซะเลยดีมั้ยฮะ
เมื่อเล็งเห็นความไม่ปลอดภัยในชีวิตจากสายตาพิฆาตที่ออร์คัสส่งมา ฉันจึงรีบลุกขึ้นพยุงตัวเขาทันทีโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ การลองดีต่อปากต่อคำกับคนบ้าอย่างเขาบ่อยๆคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เผลอๆอาจจะโดนจับได้ว่ามีลับลมคมนัยซ้อนเร้นอยู่ในจิตใจ -_-;
“แล้วอย่าแอบดูฉันล่ะ -*-“
“ใครเขาจะไปทำแบบนั้นกันเล่า >O[]OO_<//
“รออยู่ตรงนี้ละกัน เผื่อฉันจะมีอะไรให้ช่วย”
“รับทราบค่ะ!”
เกิดมาไม่เคยพบเจอผู้ชายคนไหนที่ใส่ชุดนอนได้หล่อระเบิดระเบ้อเท่าเขามาก่อนเลย ผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงไปทั้งหัวแต่ก็ดูดีเมื่ออยู่บนหัวเขา ผิวขาวๆที่มีรอยถลอกก็ดูเท่ๆดิบๆอีกนั่นแหละเมื่อมันเป็นผิวของเขา แต่ละท่วงท่าไม่ว่าจะเป็นการเดิน การหยิบจับอะไร ก็ช่างเหมือนภาพวาดที่สโลว์โมชั่นไปซะหมด *O*
กรี๊ดดดดดด เมื่อกี้ฉันละเมอเพ้อพกอะไรไปเนี่ยยยยย T^T//
ออร์คัสใช้วิธีการกระโดดขาเดียวไปยังจุดที่ต้องการจะไปหรือหยิบวัตถุดิบที่ต้องการ ส่วนฉันน่ะเหรอ ก็ยืนมองเขาเพลินเลยน่ะสิ -.,- มองออร์คัสที่เทโค้กลงไปในหม้อเกือบครึ่งขวด ( เล็ก ) มองออร์คัสที่ใส่กะทิมตามลงไปหนึ่งกล่อง ( เล็ก ) มองออร์คัสที่หั่นเนื้อหมูและผักใส่ตามไปอีก มองออร์คัสที่ใส่เส้นมาม่าขนาดจัมโบ้ลงไปหนึ่งซองรวมถึงเครื่องปรุงทั้งหมด…
เอ่อ…ช่างเป็นอาหารที่น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้ O[]O
“นี่นาย…ทำอะไรน่ะ -_-;”
“ทำมาม่าสูจรพิเศษที่ฉันคิดค้นขึ้นมาเองให้เธอไงล่ะ”
“มันกินได้แน่เหรอ สีมันเหมือนน้ำเน่าเลยนะ TOT”
“ถ้าเธอกินมันไม่หมดฉันจะจับกรอกปากเธอ คอยดู -_-+”
ไม่! น่า! เลย!
ค่ำคืนนี้ของฉันจบลงด้วยการต้องทนฝืนกระเดือกมาม่าสูตรฆ่าคนตายของออร์คัสลงท้องไปทั้งน้ำตา เป็นการกินอาหารทีทรมานที่สุดในชีวิตตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาเลย ฮือออออออ TT^TT
“เฮ้!”
“…”
“เฮ้! เธอ!”
“…”
“มินมิน!”
จากที่เดินโซซัดโซเซไม่รู้เหนือรู้ใต้ ฉันหันกลับไปหาเสียงเรียก พยายามหันให้ช้าที่สุดเพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรในเช้าวันอาทิตย์ที่แสนสดใสแบบนี้
“หูตึงเหรอ ฉันเรียกเธอจนคนหันมามองทั้งโรงอาหารแล้วนะ -_-“
ฮึ่มมม ก็มันเพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันกลายเป็นมนุษย์ไร้วิญญาณแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมาม่าสูตรฆ่าคนตายได้ของหัวหน้านาย!
“มีอะไรกับฉันไม่ทราบ ตอนนี้มันเพิ่งจะแปดโมงเองนะ ซ้ำยังเป็นวันอาทิตย์อีกด้วย กะจิตกะใจไม่คิดจะให้ฉันได้พักหายใจแบบตัวคนเดียวบ้างเลยเหรอ -_-+”
ฉันเอ่ยถามพร้อมส่งสายตาทิ่มแทงไปให้เขา กอร์นชะงักไปเล็กน้อย อันที่จริงเขาก็ไมได้ผิดอะไรหรอกนะ เพราะกอร์นเองก็ทำตามคำสั่งของไอ้ผู้ชายหลงตัวเองคนนั้นเหมือนกัน แต่ทำยังไงได้ล่ะ นอกจากเขาแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะเอาความเครียดพวกนี้ไปลงกับใครดี TOT
“ฉันแค่จะมาถามว่าเมื่อคืนเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้นแหละ -_-“
“ทรมานมาก T^T”
“หา?”
“ทรมานไปทุกสัดส่วนของร่างกาย ทรมานยันลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ ทรมานแม้กระทั่งเส้นเลือดที่ขดตัวอยู่ในมดลูกกกกก TT^TT”
“พูดอะไรของเธอ ฟังไม่เห็นจะเข้าใจ -_-;”
“ก็หมอนั่น…หมอนั่นบังคับขืนใจฉัน T^T”
“อะไรนะ! เธอพูดผิดหรือเปล่า ท่านออร์คัสน่ะเหรอบังคับขืนใจเธอ นี่เธอไมได้ละเมอแล้วคิดไปเองใช่มั้ย ถ้าเป็นเธอที่บังคับขืนใจท่านออร์คัสล่ะก็ฉันเชื่อทันทีเลยนะ -_-“
บทจะพูดก็พูดมากเป็นต่อยหอยเชียวนะ แต่คำพูดของเขาก็ทำร้ายฉันไม่ต่างไปจากอีตาออร์คัสเท่าไหร่เลย ฮืออออ คนสวยเจ็บปวดรวดร้าว TOT
“นายได้ยินไม่ผิดหรอก ท่านออร์คัสสุดรักสุดบูชาของนายขืนใจฉันจริๆ! หมอนั่นบังคับให้ฉันกินมาม่าสูตรฆ่าคนตายของตัวเอง โฮ TOT”
ฉันระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น ไม่คิดจะเองจะอายนักเรียนคนอื่นๆที่มากินข้าวเช้ากันแล้ว ทุกคนรู้มั้ยว่าเมื่อคินพอฉันปีนกลับห้องไปหลังจากที่เล่านิทานกล่อมอีตาออร์คัสจนหลับ ฉันต้องลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำไม่ต่ำกว่าห้ารอบ! ทั้งอึ! ทั้งอ้วก! จนแทบจะเป็นลมตายคาห้องน้ำ สรุปก็คือ…
ฉันไม่ได้นอนเลยทั้งคืน วันนี้ถึงได้มีสภาพเหมือนไร้วิญญาณแบบนี้ไงล่ะ T__T
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็…ฉันพอเข้าใจนะ สูตรอาหารของท่านออร์คัสค่อนข้างกินยากนิดหนึ่ง -_-;;”
“มันกินไม่ได้เลยต่างหากเล่า! คนบ้าอะไรใส่ทั้งโค้กใส่ทั้งกะทิลงไปในการต้มมาม่า! ถ้าไม่ใช่พวกต่อมรับรสมีปัญหาล่ะก็…ไม่มีทางกินได้หรอก!”
“ใช่ ถ้าไม่ใช่คนที่ต่อมรับรสมีปัญหาก็คงกินไม่ได้ เพราะงั้น…ท่านออร์คัสถึงได้ไม่รู้ว่าอาหารที่ตัวเองทำมันเป็นยังไง -_-“
ประโยคบอกเล่าจากกอร์นทำให้ฉันนิ่งคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ออร์คัสตักมาม่าชิมคำแล้วคำเล่าแต่เขาก็ยังทำสีหน้าเรียบเฉย จนกระทั่งเอามาให้ฉันกิน ออร์คัสถึงมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมานิดหนึ่ง และคำแรกที่ฉันบอกเขาไปหลังจากกินมันก็คือ…
‘จะอ้วก’
หลังจากนั้นก็ถูกหมอนั่นใช้ลำแสงเลเซอร์ทางสายตาข่มขู่ให้กินให้หมด ก่อนที่จะต้องมาเสิร์ชหานิทานในเน็ตอ่านให้เขาฟังจนกระทั่งเขาหลับไป
“นายจะบอกว่า…ออร์คัสไม่สามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้เหรอ?”
“นี่ๆทุกคน เมื่อคืนไนท์แมร์ก็ออกอาละวาดอีกแล้วล่ะ! คราวนี้มีคนโดนปลุกฝันร้ายขึ้นมาถึงสิบสามคนในคืนเดียวเชียวนะ!”
“ใช่…มันคือฝันร้ายเพียงอย่างเดียวของท่านออร์คัส”
“…”
“สัมผัสด้านรสชาติ…ท่านออร์คัสสูญเสียมันไปเมื่อสองปีก่อน”