ตอนที่ 2 โดนจับฉีดยา

1924 Words
ช่วงค่ำหลังจากที่นางพยาบาลมาวัดไข้รอบสุดท้าย มะลิก็แอบเข้าไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัว แม้ว่านางพยาบาลจะเช็ดตัวให้แล้วก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น เธอใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่าปกติเพราะร่างกายที่ยังอ่อนเพลียทำให้เธอไม่กล้าที่จะขยับตัวหรือทำอะไรอย่างรวดเร็วเกินไปนัก น่านฟ้าเปิดประตูห้องพักแบบวีไอพีเข้ามาแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อบนเตียงไม่มีคนไข้นอนอยู่ เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำดังเล็ดลอดออกมาแว่วๆ ทำให้รู้ว่าเด็กดื้อแอบเข้าไปอาบน้ำเสียแล้ว จึงได้แต่ส่ายหน้าระอา ทั้งๆ ที่เขาสั่งนางพยาบาลหลายรอบแล้วว่ายังไม่ให้เธออาบน้ำเพราะแผลที่เท้าของเธอจะเปียกจนติดเชื้อได้ เขารีบออกไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลชุดใหญ่กับกระเป๋าเป้ใบโตแล้วเข้ามานั่งรอเด็กดื้อที่โซฟาข้างเตียงผู้ป่วย ไม่นานประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมด้วยคนตัวบางในชุดคนไข้ชุดใหม่ที่ค่อยๆ เดินโขยกเขยกออกมาเพราะเริ่มรู้สึกตึงๆ ที่บาดแผล “อูยยย เจ็บแผลเหมือนกันนะ” “ก็ใช่น่ะสิ แผลยังไม่แห้ง ทำไมถึงเข้าไปอาบน้ำ ฉันสั่งแล้วไม่ใช่หรอว่ายังไม่ให้อาบ” “อุ๊ย หมอ” มะลิตกใจสะดุ้งโหยงที่แอบลักลอบทำความผิดแล้วโดนจับได้ จึงรีบกลั้นใจเดินไปที่เตียง แต่สังขารไม่อำนวยเท่าไหร่ เดือดร้อนหมอหนุ่มต้องลุกมาประคองเด็กดื้อไปนั่ง ทั้งๆ ที่เขาอยากจะจับมาตีก้นมากกว่าแท้ๆ “เอ่อ หนูขอโทษค่ะที่ขัดคำสั่ง หนูเหนียวตัว” “แล้วพยาบาลไม่ได้เช็ดตัวให้หรือไง” “เช็ดแล้วค่ะ แต่มันไม่เหมือนอาบน้ำ หนูก็เลย..” “หัดดื้อกับฉันตั้งแต่วันแรกที่ตกลงจะไปอยู่ด้วยกันเลยหรือ” “มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะดื้อกับหมอ หนูขอโทษค่ะ” เสียงที่สลดลงอย่างน่าสงสารทำเอาคนตัวโตที่อยากจะกำราบเด็กดื้อให้กลัวเกรง เพื่อที่ต่อไปจะได้ดูแลควบคุมกันง่ายหน่อย ต้องถอนหายใจยาวอย่างยอมจำนน “ครั้งนี้จะยกโทษให้ก่อน นอนลงไปสิ เดี๋ยวฉันทำแผลที่เท้าให้ใหม่ แล้วต้องเป่าผมด้วยนะ ในลิ้นชักมีไดร์ เดี๋ยวจะป่วย” “ค่ะหมอ” หมอหนุ่มปรับเตียงให้ส่วนเท้าของคนตัวบางสูงขึ้น แล้วเริ่มทำแผลที่เปียกชื้นอย่างเบามือที่สุด “เสร็จแล้ว อย่าให้แผลเปียกน้ำอีก นี่อุตส่าห์ใจดียอมให้ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเองนะ ถ้าดื้อจะให้นอนนิ่งๆ ใส่สายฉี่แทน เอาไหม” “มะ ไม่ค่ะ หนูกลัวแล้ว ไม่กล้าดื้อแล้วค่ะ” “อืม ดี ลุกขึ้นมานั่งสิ ฉันจะเป่าผมให้” เธอลุกขึ้นมานั่งแต่โดยดีไม่กล้ามีข้อโต้แย้งอะไรอีก หมอหนุ่มเห็นดังนั้นก็อมยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบไดร์เป่าผมในลิ้นชักมาเป่าผมให้เธอด้วยท่าทีอ่อนโยนจนคนตัวบางเอาแต่ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงปลั่งเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของเขา “เสร็จแล้ว ทีนี้ก็นอนได้” บริการเป่าและหวีผมจากหมอหนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลเสร็จสิ้นลง คนตัวบางที่ก้มหน้างุดเอ่ยขอบคุณงุบงิบเสียงเบา เธอไถลตัวลงนอนก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังหนีผู้มีพระคุณเอาเสียดื้อๆ “ฮะ เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน” ที่นอนด้านหลังของคนตัวบางยุบยวบลงเพราะคนตัวโตถือวิสาสะขึ้นมานั่ง แล้วยื่นหน้าไปใกล้ใบหน้าแดงก่ำที่ถูกผ้าห่มผืนหนาปิดบังไว้จนเหลือแต่ลูกตากลมๆ ทั้งสองข้าง “ขะ ขอบคุณค่ะ” “อ๋อ ขอบคุณหรอกหรือ อืม เธอติดหนี้บุญคุณฉันอีกเรื่องแล้วนะ จะชดใช้หมดหรอ” “เอ่อ หมดค่ะ หนูจะชดใช้ให้นะคะ” “เรื่องนี้ฉันขอแค่เธอหายไวๆ เป็นเด็กดีเชื่อฟังฉันก็พอ ทำได้ไหม” “ทำได้ค่ะ” “ดีมาก” หมอหนุ่มลุกขึ้นเปิดกระเป๋าเป้ใบโตของตัวเองแล้วหยิบเอาเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนแบบสบายออกมาแล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็ออกมาจัดการหอบหิ้วผ้าห่มและหมอนในตู้เก็บของเอามาวางบนโซฟาข้างเตียงนั้น “หมอน่าน ทำอะไรคะ” “อ้าว ทำไมยังไม่หลับอีก” “หนูนอนหลับมาทั้งวันแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ง่วงเลย” “เอายานอนหลับไหม เดี๋ยวฉันฉีดให้” “มะ ไม่ค่ะ หนูกลัวเข็ม” “หึหึ เจ็บแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละน่า ทำใจเสาะไปได้ รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไปเอายามาฉีดให้” “มะ ไม่เอาไม่ได้หรอคะ นี่แค่สองทุ่มเอง นอนดูละครไปเรื่อยๆ เดี๋ยวหนูก็หลับเอง นะคะหมอ” “ต่อรองเก่งนักนะ ตามใจ แต่ถ้าละครจบแล้วยังไม่ง่วงอีก เธอโดนฉันจับฉีดยาแน่” “ค่ะ” เสียงนุ่มนวลตอบออกมาอย่างแผ่วเบา ชอบทำตัวน่าสงสาร ช่างเรียกร้องความเห็นใจเก่งจริงๆ แม่คุณ “จริงสิ มะลิ” “คะ” “แล้วเอกสารส่วนตัวของเธอล่ะ บัตรประชาชน ไม่มีอะไรติดตัวมาเลยใช่ไหม” “ไม่ค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่บ้าน” “เธอจบ ม.6 หรือยัง” “จบแล้วค่ะ เพิ่งสอบเสร็จไปแค่ไม่กี่วันเอง แต่ยังไม่ทันได้รับหลักฐานเลย หนูก็โดนหลอกมาขายเสียก่อน” “เรื่องบัตรประชาชนเดี๋ยวแจ้งหายแล้วทำใหม่ ส่วนใบเกรดและหลักฐานจบการศึกษา เธอรีบโทรไปหาครูประจำชั้น ให้รบกวนส่งมาที่บ้านของฉันนะ เธอจำเบอร์โทรของใครได้บ้างหรือเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะพาเธอไปหาครูของเธอเอง” “หนูจำเบอร์เพื่อนสนิทได้ค่ะ เดี๋ยวหนูให้เพื่อนช่วยจัดการให้” “ดี ฉันจะส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย จะรัฐบาลหรือเอกชนก็ได้ อยากเรียนคณะอะไร คิดเอาไว้บ้างหรือยัง” “หนูอยากเรียนบริหารฯ ค่ะ” “ดีเหมือนกัน เตรียมหาที่เรียนได้เลย” “ขอบคุณมากค่ะ” “อืมมม” เสียงทุ้มที่เบาแสนเบาทำเอาเธอหันกลับไปมองยังต้นเสียง ก็เห็นว่าหมอหนุ่มที่นอนคุยกับเธอเป็นตุเป็นตะ ตอนนี้หลับตาพริ้ม เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุขไปแล้ว จึงขยับตัวนอนตะแคงหันหน้ามานอนมองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขาอยู่พักใหญ่ ก่อนความเพลียจะทำให้เธอหลับสนิทตามเขาไปติดๆ เมื่อเธอตื่นมาตอนเช้า ก็ไม่พบกับหมอหนุ่มที่นอนเป็นเพื่อนเธอมาทั้งคืนแล้ว ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน้ตแผ่นน้อยที่มีเนื้อหาสั้นๆ บนนั้น “ฉันกลับบ้าน ไปจัดการธุระนิดหน่อย เดี๋ยวบ่ายๆ จะเข้ามาหา อย่าดื้อ เชื่อฟังที่พยาบาลสั่ง เข้าใจนะ” คนตัวบางย่นจมูกใส่กระดาษแผ่นน้อยที่มีลายมือหวัดๆ บ่งบอกอาชีพของคนเขียน อะไรกัน แค่เธอขัดคำสั่งของเขาแอบอาบน้ำแค่ครั้งเดียว เขาก็มองเธอเป็นเด็กดื้อไปเสียแล้ว น่านฟ้า กลับมาถึงบ้านได้ก็ตรงดิ่งมาที่ห้องนั่งเล่น ที่ตอนนี้พ่อกับแม่ของเขากำลังนั่งดูข่าวยามเช้า โดยมี เหนือเมฆ น้องชายฝาแฝดนอนหนุนตักแม่ของเขาเพื่อออดอ้อนอีกตามเคย “ผมมีเรื่องขอปรึกษาพ่อกับแม่หน่อยครับ” “ว่าไงลูก มีอะไรหรอจ๊ะ” ณิชา อธิพัฒน์โภคิน คุณแม่แสนสวยยอดดวงใจของพ่อ รวมถึงเขาและน้องชาย เอ่ยถามอย่างใจเย็น “คือเมื่อคืนตอนตี 2 ผมเกือบขับรถชนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งครับ” “ตายจริง แล้วเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้างลูก” นอกจากแม่ของเขาจะร้องลั่นด้วยความตกใจ เหนือเมฆน้องชายฝาแฝดก็ลุกขึ้นมานั่งทันทีด้วยความตกใจไม่แพ้กัน มีเพียงพ่อของเขาที่ยังมีท่าทีนิ่งๆ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เด็กคนนั้นไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอถูกแม่เลี้ยงที่ติดหนี้พนันเอาไปขายที่บ่อน แล้วกำลังจะโดนทางบ่อนส่งไปขายชายแดน เธอวิ่งหนีออกมาที่ถนน ผมหักหลบได้ทัน แต่ไม่ยอมให้ติดต่อแม่เลี้ยง เพราะพ่อเธอตายไปหลายเดือนแล้วครับ ไม่มีญาติที่ไหนเหลือแล้ว ผมเลยตั้งใจจะรับอุปการะเธอ ตอนนี้เธออายุ 18 เพิ่งเรียนจบ ม.6 พ่อกับแม่ว่าไงครับ” ทุกคนในห้องนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจเพราะกำลังคิดตามเรื่องที่เขาเล่า เพียงครู่ ปราณนต์ พ่อของเขาก็เอ่ยทำลายความเงียบของทุกคนขึ้นมาก่อน “เราเชื่อเด็กคนนั้นได้หรือเปล่าน่าน ลูกมีข้อมูลอื่นๆ ของเด็กคนนั้นหรือเปล่า ให้พ่อส่งให้ลูกน้องเช็กประวัติดูก่อนดีไหม สมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้ง่ายๆ แล้วนะ” “ได้ครับพ่อ ผมให้เธอกรอกข้อมูลส่วนตัวใส่ฐานข้อมูลของโรงพยาบาลไว้แล้ว เดี๋ยวผมส่งให้นะครับ” เขากดส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับคนเป็นพ่อ ซึ่งก็โทรสั่งงานลูกน้องคนสนิทในทันทีเหมือนกัน “พี่ปราณต์ คิดมากไปหรือเปล่าคะ เด็กอายุแค่ 18 เอง เหลือตัวคนเดียว ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีญาติ น่าสงสารจะตายไป” ณิชา ที่ครั้งหนึ่งเคยสูญเสียทุกคนในครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ จึงเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาวผู้น่าสงสารคนนั้นดี เลยอดที่จะรู้สึกสะเทือนใจและสงสารเด็กสาวคนนั้นไม่ได้ “พี่ก็สงสารครับณิชา แต่พี่ขอเช็กให้ชัวร์ก่อนนะครับ มันเพื่อความปลอดภัยของลูกๆ เรานะที่รัก” ชายวัยกลางคนที่ยังคงหล่อเหลาไม่มีที่ติแม้แต่ไขมันส่วนเกินยังไม่มีให้เห็น ออดอ้อนภรรยาสุดที่รักเสียงหวาน แม้ว่าปีนี้ เธอจะมีอายุเข้าสู่เลข 5 แล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังสวย หุ่นดี และดูสาวตลอดกาลสำหรับเขา “ค่ะ แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นแบบที่น่านบอกจริงๆ ณิชาจะให้น่านรับอุปการะเอาไว้นะคะ ณิชาไม่มีลูกสาว มีเด็กผู้หญิงมาอยู่ด้วยก็น่าจะดี” “ครับที่รัก พี่ตามใจณิชาอยู่แล้ว ณิชาก็รู้” “หืม หวานกันจังเลยนะครับ ผมแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงมีผมกับไอ้น่านแค่สองคน ทำไมไม่มีลูกสักโหลให้สมกับความหวาน” “น้อยหน่อยเจ้าเหนือ แค่พ่อเห็นแม่แก คลอดแกสองคนออกมาต่อหน้าต่อตา พ่อก็ทำใจให้แม่แกเจ็บอีกรอบไม่ได้แล้ว พวกแกไม่เคยมีเมีย ไม่เข้าใจหรอก ว่าตอนเมียแกปวดท้องคลอดลูก มันบีบหัวใจเราขนาดไหน” นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คุณพ่อลูกแฝดในตอนนั้น เข้าโรงพยาบาลเพื่อทำหมันในทันที เพราะถึงแม้จะอยากมีลูกสาวแค่ไหน แต่คิดไปคิดมาก็ทำใจอดทนเห็นภรรยาสุดที่รักเจ็บปวดทรมานไม่ได้อยู่ดี “หึหึ ครับ ถึงผมจะเป็นหมอ เห็นความเจ็บปวดของคนไข้มามาก แต่ถ้าเป็นเมียของตัวเองจริงๆ ก็คงสงสารมากเหมือนกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD