2 - ทิวลิปมือเปียโน
ในคืนนั้น
“พี่ชรัสครับ ฟังเพลงด้วยกันไหม”
ทิวลิปเห็นพี่ชรัส พี่ต่างครอบครัวแม้ไม่ใช่สมาชิกในบ้านหลังนี้แต่ผมก็รักเหมือนพี่ชายที่ดีที่สุดเพราะผมกับเขาต่างครอบครัว ถ้าวันหนึ่งผมสนใจ ผมอาจจะจีบพี่เขาเลยก็ได้ แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลาหรอก ตอนนี้ผมอยากให้พี่เขาเห็นอะไรบางอย่างที่ผมอยากให้พี่เขาชอบมันไปด้วยกัน
“เพลงคลาสสิกเนี่ยนะ”
ผมแปลกใจว่าทิวลิปชอบฟังเพลงบรรเลงเปียโนตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติเท่าที่เห็นผมจะเห็นน้องเขาเล่นกีฬาไปเตะฟุตบอลหรือตีแบดมินตันในโรงเรียน ถ้าเป็นเทนนิสจะออกไปเล่นสนามนอกโรงเรียนช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่รอบนี้น้องกลับฟังเพลงคลาสสิคเหมือนปลุกจิตวิญญาณนักประพันธ์ยุโรปในยุคหลายร้อยปีก่อนมาบรรเลงเหมือนเจ้าตัวจริง ๆ มาเล่นให้ฟัง น้องผมจะเป็นโมสาร์ทหรือบีโทเฟนต์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“น้องชอบดนตรีตอนไหนทำไมพี่ไม่รู้มาก่อน”
“ไม่รู้สิครับ แต่ผมชอบฟังเพลงมากเลยนะ ฟังจนอยากเล่นเองบ้าง” ผมเห็นน้องสนใจเรื่องเพลงมันก็ดีที่น้องสามารถค้นหาความชอบสิ่งใหม่ได้ แต่ว่าคนเราชอบฟังเพลงไม่จำเป็นต้องเล่นดนตรีเป็นก็ได้ ชอบฟังเพลงก็มี หรือชอบเล่นดนตรีอย่างเดียวก็มี แต่การสนใจเร็วไปมันทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน น้องอยู่โรงเรียนผมไม่เห็นตลอดเวลาอาจจะชอบตอนนั้นก็ได้ มันก็คงไม่แปลก
“ดนตรีคลาสสิคคุ้นหูหลายเพลงเลย”
ผมรู้จักเพลงคลาสสิคหลายเพลง ฟังแล้วคุ้นหูและรู้ว่ามันเป็นเพลงไหน ผมไม่รู้ชื่อเพลงแท้จริงหรอกเพราะมันอ่านยากและชื่อยาวมาก ประเภทผมแยกไม่ออกแต่ดนตรีบรรเลงผมจำมันได้อยู่ ผมเลือกและฟังไปกับน้องไปด้วยกัน เห็นด้วยว่าน้องชอบอะไร เลือกเพลงกันพักหนึ่งฟังก่อนนอน
“ขอบคุณนะครับพี่ที่ฟังไปด้วยกัน”
น้องมักจะชอบเวลาที่ผมเห็นด้วยและตอบรับความชอบไปด้วยกัน ผมฟังเพลงกับน้อง สละเวลามาอยู่ด้วยกัน ผมทำด้วยความเต็มใจและไม่อยากให้น้องเสียความรู้สึก เมื่อทำมันเรียบร้อยแล้ว ผมส่งเข้านอนทันที ผมจะควบคุมเวลาเพื่อไม่ให้น้องนอนดึกเกินไป หลังจากผมส่งเข้านอนแล้ว ผมคิดอยู่พักหนึ่งว่าน้องผมชอบดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกทีจะชอบเล่นกีฬามากกว่าเล่นดนตรีด้วยซ้ำ แล้วมันมาได้ยังไง
เช้าวันต่อมา
“สวัสดีครับครูพลอย”
ผมพาน้องทิวลิปไปโรงเรียน เมื่อเข้าโรงเรียนผมและน้องจะเห็นครูพลอยอยู่หน้าโรงเรียนตามปกติ ซึ่งเป็นเวรต้อนรับนักเรียนตามเวรประจำวันอยู่แล้ว อีกอย่างเธอเป็นครูประจำชั้นของทิวลิปด้วย ผมอุ่นใจเสมอที่เจอครูประจำชั้นให้ความเสมอภาคกับนักเรียนทุกคน และอุ่นใจเมื่อผมส่งน้องเข้ามาในโรงเรียน ทุกความปลอดภัยจะคุ้มครองที่นี่
“ว่าแต่ทิวลิปชอบฟังเพลงขนาดนี้เลยเหรอคะ”
ครูพลอยสังเกตเห็นทิวลิปถือโทรศัพท์พร้อมหูฟังสายสีขาวเปิดยูทูปฟังเพลงฟรีผ่านแอปพลิเคชั่นนี้ ปกติคนเราชอบฟังเพลงก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่น้องฟังมันคือดนตรีคลาสสิค ถึงฉันไม่ได้สอนวิชาดนตรีแต่ก็พอรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร
“เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันครับ ปกติน้องชอบเล่นกีฬามาก แต่มาสนใจดนตรีตอนไหนผมก็ไม่รู้เลย”
“ดิฉันเข้าใจค่ะว่าคุณไม่ได้อยู่โรงเรียนตลอดเวลา แต่ว่ายังไงทิวลิป อยู่ในความดูแลของฉัน จะไม่ให้มีเหตุอะไรแน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณคุณครูมากนะครับที่ดูแลน้องผมและรักทุก ๆ คน”
“เอ่อ ว่าแต่คุณมากับใครคะ”
“อ๋อ พี่...”
ชรัสตกใจเมื่อน้องบอกว่ามีผู้ชายอีกคนเดินตามมา ผมหันไปรอบข้างแล้วก็ไม่เจอใครตามที่น้องบอกด้วยซ้ำ ผู้ชายใส่ชุดเปียโน เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกโบว์สีดำตรงคอ กางเกงขายาวและรองเท้าสีดำ ผมสั้นกะลาครอบ หน้าตาหล่อเหลาตัวผอม หุ่นดีจนมัดใจ ผมไม่เห็นใครนอกจากน้องและคุณครูพลอยเลยด้วยซ้ำ แล้วสิ่งที่น้องพูดออกมามันคืออะไร
“งั้นเหรอ”
ผมกับครูพลอยช็อกไปพักหนึ่ง เพราะผมและเธอไม่เห็นสิ่งที่น้องพูดออกมาว่ามีคนเดินตามพาเข้าโรงเรียนด้วยกัน ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าน้องชอบดนตรีแล้วมีอาการแปลกไปจนเห็นอะไรไม่มีจริง มันคือความชอบที่มีสิ่งลวงตาหรือไม่
“เอ่อ คงไม่มีอะไรมั้งคะ งั้นเดี๋ยวครูทำหน้าที่ต่อนะคะ”
“ครับ”
ครูพลอยหมดหน้าที่ก่อนจะไปดูแลนักเรียนต่อ ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียวแล้วล่ะเพราะสิ่งที่ผมและเธอเห็น น้องพูดว่าเห็นผู้ชายหน้าตาดีมาอยู่ด้วยในบ้านและสอนเปียโนให้ นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้วล่ะ เพราะน้องผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“เอกมัย งั้นเหรอ”
ในโรงเรียน
ทิวลิปเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาพักระหว่างคาบเรียนยี่สิบนาที ผมลงไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนตามปกติ เพราะผมชอบเล่นกีฬาจึงมีเพื่อนคอยดูแลและเล่นด้วยกันเสมอ ผมเตะฟุตบอลไปด้วยความสนุก ฝีเท้าและแรงเตะผมไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว บางทีเตะอัดหน้าเพื่อนก็เคยเป็นมาแล้ว เวลาผมเตะฟุตบอลผมจริงจังจนเล่นแทบเอาเป็นเอาตาย
ปึกก!!
ผมเล่นหนักจนเตะไปโดนแขนเพื่อน มันโกรธผมเลยนะว่าผมเล่นรุนแรงแต่มันไม่เอาเรื่องเพราะนั่นเป็นเพื่อนสนิท ผมขอโทษและจบกันด้วยดีไม่ทำให้ปัญหายืดเยื้อ ผมยังมีน้ำใจนักกีฬาอยู่ไม่น้อย
“เล่นแรงอีกแล้วนะทิวลิป”
“ขอโทษ ๆ ฟรู้วว”
ผมชอบแกล้งเพื่อนสนิทอย่างเขียวจนมันหงุดหงิดจะเตะผมให้ได้ในบางที ผมก็นะไปก่อกวนมันแบบนี้ไม่น่ารักเลยล่ะ แต่เอาเถอะผมขอโทษและจบกันไปด้วยดี ผมไถ่โทษซื้อน้ำซื้อขนมเลี้ยงและดูแลอย่างดีให้มันหายระดับหนึ่ง ระหว่างที่ผมคุยกับเพื่อนอยู่นั้น ผมเห็นพี่คนหนึ่งมองผม เขาใส่ชุดห่อสะอาดมาก ดูดีและหรูหราปรบมือในความเป็นตัวตนผม ผมส่งยิ้มให้เป็นคำตอบเพราะผมไม่อยากให้เพื่อนเห็นว่าผมคุยกับใคร
“นายมองใครเหรอ”
“เปล่าหรอกเขียว เราก็มองเพื่อนในสนามไปงั้น ๆ แต่เราไม่ได้แอบชอบใครนะ”
“ไอ้เรื่องชอบพี่ตัวเองนี่จริงไหมเนี่ย นี่เราจะอยู่ในนิยายผิดศีลธรรมไม่ได้นะ” ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย พี่เขาน่ารักและแสนดีกับผมมากให้ผมโตก่อนค่อยจีบก็คงไม่ช้าไป และนี่ไม่ใช่นิยายผิดศีลธรรมสักหน่อยจะได้กับพี่ตัวเอง แต่ผมกับพี่เขาไม่ได้สายเลือดเดียวกัน ต่างกันแค่อายุและมันก็ไม่ใช่ประเด็นมาจับผิดผมด้วย
“เดี๋ยวคาบดนตรีเล่นเปียโนกันไหม”
“นายเล่นเป็นตอนไหนเหรอ”
“ไม่เป็นหรอกแต่อยากเล่นอะ ในห้องมีเปียโน กูคันไม้คันมืออยากใช้มันมาก เล่นด้วยกันนะ”
“เอาดิ”
ผมตอบรับทิวลิปว่าอยากเล่นเปียโนในห้องดนตรี มันเป็นความต้องการของเพื่อนผม ผมไม่ยักรู้ว่าเขาสนใจดนตรีตอนไหน มันอาจจะเป็นจิตวิญญาณที่ปลุกออกมาภายหลังก็ได้ ผมไม่ถามอะไรมากแต่ตอบรับได้
ก่อนเลิกเรียน
“สวัสดีค่ะ คุณชรัส”
ครูพลอยนั่งอยู่ในห้องทำงานของตนเอง ฉันเห็นว่าเวลานี้เป็นคาบสุดท้ายและกำลังจะเลิกเรียน ฉันรีบจัดการงานบนโต๊ะให้เสร็จจะได้ไปทำงานเวรช่วงเลิกเรียน ไม่งั้นอู้งานจะได้โดนผู้อำนวยการสวดชุดใหญ่ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ติดต่อหาคุณชรัส พี่ชายของทิวลิป ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่พี่น้องที่แท้จริงแต่ก็รักไม่แพ้กัน ฉันเห็นเขาเป็นผู้ปกครองจึงติดต่อหาเพราะสิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้มันดูแปลกตามาก ถ้าเลิกเรียนแล้วน้องยังเล่นอยู่ห้องดนตรีอยู่ ฉันอยากให้เขาเข้ามาดูเวลาน้องเล่นเปียโนจะได้รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ
“ครับครูพลอย”
“น้องทิวลิปเรียนดนตรีคาบสุดท้ายนะคะ วันนี้น้องเล่นเปียโนด้วย”
“เล่นเปียโนเหรอครับ...”
ผมบอกกับครูพลอยไปว่า ผมไม่เคยเห็นน้องเล่นได้มาก่อน ตอนอยู่โรงเรียนน้องก็ไม่เคยบอกผมว่าเล่นเปียโนได้ ผมเชื่อเพราะน้องเล่นกีฬามากกว่าดนตรี ต่อให้จะเล่นไม่บอกผมก็ไม่ใช่เพราะผมกับน้องไม่เคยมีความลับต่อกัน เป็นไปไม่ได้ที่น้องจะเล่นได้ทันที พื้นฐานอะไรไม่เคยมีมาก่อน ผมไม่เชื่อจริง ๆ จนครูส่งหลักฐานมาให้ผมดูและยืนยันว่าไม่ได้เป็นการตัดต่อ
“ทิวลิป...”
ผมมองดูน้องตัวเองผ่านห้องกระจกดนตรี ความสามารถของน้องแสดงออกมาให้เพื่อนเห็นว่าน้องสามารถทำมันได้ เล่นอย่างคล่องแคล่ว ผมดูคลิปแล้วยังตกใจเลยว่าน้องทำไปได้ยังไง เล่นและอ่านโน้ตได้ในข้ามคืน ความสามารถบางอย่างมันไม่ใช่หัดแล้วจะทำได้ทันที มันต้องใช้เวลาและการฝึกฝนกว่าจะทำมันได้ แต่นี่มันแปลกเกินไป ผมเอะใจตั้งแต่น้องเอาเพลงคลาสสิคมาให้ผมฟังแล้ว
“โอเคครับ...”
ผมไม่ถามอะไรมากแล้ว รีบขับรถออกจากบ้านเพื่อไปรับทิวลิปตามเวลา ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในคลิปแล้ว บอกเลยว่ามันคือความตื่นกลัวของผม ไม่คิดเลยว่าผมจะเห็นอะไรไม่ควรเห็นตรงหน้าจอที่ครูคงไม่เห็น สิ่งที่น้องระบุมามันตรงตามความคิดผมทุกอย่าง แล้วเขาเป็นใครทำไมถึงมาปรากฏตัวให้น้องผมเห็นตอนนี้ มันน่าแปลกจริง